ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ใน 3 จังหวัดภาคใต้มาตั้งแต่ปี 2547 ผ่านธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2550 และให้ความช่วยเหลือผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ อาทิ ธ.ก.ส. ซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 31 กรกฎาคม 2550 นั้น
ธปท. เห็นควรขยายระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือดังกล่าวออกไปอีก 1 ปี โดยการให้ความช่วยเหลือผ่านธนาคารพาณิชย์จะหมดอายุ ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 และที่ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะหมดอายุในวันที่ 31 กรกฎาคม 2551 ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดภาคใต้เชื่อมั่นว่าจะได้รับความช่วยเหลือจาก ธปท. อย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
นอกจากขยายระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือแล้ว ธปท. ยังปรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของสินเชื่อให้ยืดหยุ่นขึ้นและให้รวมถึงผู้ประกอบกิจการรายใหม่ด้วย ทั้งนี้ ธปท. จะพิจารณาจัดสรรวงเงินให้สถาบันการเงิน เพื่อพิจารณาจัดสรรให้ลูกค้าตามความจำเป็นและเหมาะสม และคาดว่าสถาบันการเงินจะใช้เวลาดำเนินการด้านเอกสารต่างๆให้ครบถ้วนพร้อมจะปล่อยเงินให้กู้ยืมตามเงื่อนไขใหม่ได้ ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2550 เป็นต้นไป
ผู้ประกอบกิจการที่อยู่ในข่ายรับความช่วยเหลือสามารถยื่นความประสงค์ผ่านสถาบันการเงินที่ตนเป็นลูกค้าได้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนผู้ประกอบกิจการรายเดิมที่ใช้เงินกู้ในปัจจุบันยังคงมีผลบังคับต่อไปจนหมดอายุ หากประสงค์จะเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการกู้ยืมเช่น ต่ออายุหรือขอเพิ่มวงเงินกู้ให้ติดต่อกับสถาบันการเงินได้
ปัจจุบันการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ 3 จังหวัดภาคใต้ มีวงเงินทั้งสิ้น 20,736 ล้านบาท โดยมีผู้ประกอบกิจการที่ได้รับอนุมัติวงเงินผ่านธนาคารพาณิชย์จำนวน 5,752 ราย มีการเบิกใช้เงินเป็นจำนวนทั้งสิ้น 11,524 ล้านบาท โดย ธปท. จะนำวงเงินที่ลูกค้าไม่เบิกใช้มาจัดสรรเพิ่มเติมให้แก่สถาบันการเงิน เพื่อให้ความช่วยเหลือกระจายไปยังผู้ประกอบกิจการอย่างทั่วถึงต่อไป
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
ธปท. เห็นควรขยายระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือดังกล่าวออกไปอีก 1 ปี โดยการให้ความช่วยเหลือผ่านธนาคารพาณิชย์จะหมดอายุ ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 และที่ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะหมดอายุในวันที่ 31 กรกฎาคม 2551 ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดภาคใต้เชื่อมั่นว่าจะได้รับความช่วยเหลือจาก ธปท. อย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
นอกจากขยายระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือแล้ว ธปท. ยังปรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของสินเชื่อให้ยืดหยุ่นขึ้นและให้รวมถึงผู้ประกอบกิจการรายใหม่ด้วย ทั้งนี้ ธปท. จะพิจารณาจัดสรรวงเงินให้สถาบันการเงิน เพื่อพิจารณาจัดสรรให้ลูกค้าตามความจำเป็นและเหมาะสม และคาดว่าสถาบันการเงินจะใช้เวลาดำเนินการด้านเอกสารต่างๆให้ครบถ้วนพร้อมจะปล่อยเงินให้กู้ยืมตามเงื่อนไขใหม่ได้ ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2550 เป็นต้นไป
ผู้ประกอบกิจการที่อยู่ในข่ายรับความช่วยเหลือสามารถยื่นความประสงค์ผ่านสถาบันการเงินที่ตนเป็นลูกค้าได้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนผู้ประกอบกิจการรายเดิมที่ใช้เงินกู้ในปัจจุบันยังคงมีผลบังคับต่อไปจนหมดอายุ หากประสงค์จะเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการกู้ยืมเช่น ต่ออายุหรือขอเพิ่มวงเงินกู้ให้ติดต่อกับสถาบันการเงินได้
ปัจจุบันการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ 3 จังหวัดภาคใต้ มีวงเงินทั้งสิ้น 20,736 ล้านบาท โดยมีผู้ประกอบกิจการที่ได้รับอนุมัติวงเงินผ่านธนาคารพาณิชย์จำนวน 5,752 ราย มีการเบิกใช้เงินเป็นจำนวนทั้งสิ้น 11,524 ล้านบาท โดย ธปท. จะนำวงเงินที่ลูกค้าไม่เบิกใช้มาจัดสรรเพิ่มเติมให้แก่สถาบันการเงิน เพื่อให้ความช่วยเหลือกระจายไปยังผู้ประกอบกิจการอย่างทั่วถึงต่อไป
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--