แท็ก
พม่า
กรุงเทพ--27 ธ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2549 หน่วยแพทย์เคลื่อนที่จากประเทศไทย ประกอบด้วยแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะทางด้านหู คอ จมูก กับพยาบาลและเจ้าหน้าที่ จำนวน 18 คน จากมูลนิธิหู คอ จมูกชนบท นำโดย น.พ. สุนทร อันตรเสน โรงพยาบาลราชวิถี ได้เดินทางเข้าไปปฏิบัติการรักษาประชาชนชาวพม่าในพื้นที่เมือง Pakokku และเมือง Meiktila ในภาคมัณฑะเลย์ กับที่กรุงย่างกุ้ง โดยได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณและการประสานงานจากกระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง คณะแพทย์ไทยได้เดินทางโดยรถยนต์เพื่อไปให้การตรวจรักษาแก่ประชาชนตามเมืองต่างๆ และที่กรุงย่างกุ้งนอกจากคณะแพทย์ไทยจะได้ให้การตรวจรักษาประชาชนตามปกติแล้ว ยังได้สาธิตการใส่ประสาทหูเทียมให้แพทย์ชาวพม่าได้สังเกตการณ์ ที่โรงพยาบาลหู คอ จมูก กรุงย่างกุ้งด้วย มีผู้ป่วยชาวพม่าที่มารับการตรวจรักษาทั้งสิ้น 1,629 ราย นอกจากนั้น เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม หัวหน้าหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฯ และอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ตัวแทนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง ได้ร่วมกันมอบยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์การแพทย์มูลค่า 11,000.- ดอลลาร์สหรัฐฯ แก่โรงพยาบาลหู คอ จมูก กรุงย่างกุ้งด้วย โดยมี U Kyaw Hla Myint ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ของโรงพยาบาล เป็นผู้รับมอบ
การปฏิบัติงานของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฯ ครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 8 ที่คณะแพทย์ชาวไทยทางด้านหู คอ จมูก ได้เข้าไปช่วยเหลือประชาชนชาวพม่า โดยที่คณะแพทย์ไทยกลุ่มนี้ได้เห็นว่า พม่ายังขาดแคลนแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะทางด้านหู คอ จมูก และการให้บริการทางการแพทย์ก็มีจำกัดเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ เช่น กรุงย่างกุ้ง และเมืองมัณฑะเลย์ อีกทั้งแพทย์ชาวพม่าก็ยังขาดประสบการณ์ในการรักษา จึงได้ติดต่อประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้งและกระทรวงสาธารณสุขพม่า เพื่อเข้าไปให้บริการรักษาโรคหูในพม่ามาแล้ว 7 ครั้ง รวมทั้งได้บริจาคอุปกรณ์การแพทย์ และจัดหาทุนฝึกอบรมเฉพาะทางให้แก่แพทย์ชาวพม่า ซึ่งได้อำนวยประโยชน์ให้แก่ประชาชนพม่าอย่างเป็นรูปธรรมและเป็นที่ชื่นชมของหน่วยงานภาครัฐทั้งในส่วนกลางและส่วนท้องถิ่นของพม่า และประชาชนพม่าทั่วไป รวมทั้งผู้นำพม่าก็ได้รับทราบถึงการดำเนินการเพื่อมนุษยธรรมดังกล่าวของฝ่ายไทยด้วย
ในการปฏิบัติงานของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฯ ครั้งล่าสุดนี้ นอกจากสถานเอกอัครราชทูตฯ จะได้ช่วยประสานงานกับทางการพม่าตามที่เคยเป็นมาแล้ว กระทรวงการต่างประเทศได้พิจารณาเห็นว่าโครงการดังกล่าวมีส่วนช่วยในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับพม่าได้เป็นอย่างดี และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลไทย ที่จะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่จะอำนวยประโยชน์แก่ประชาชนพม่าโดยตรง ขยายความร่วมมือทางวิชาการและด้านอื่นๆ กับหน่วยงานรัฐบาลพม่า รวมทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างไทยกับพม่าด้วย จึงได้ให้การสนับสนุนโครงการนี้ เป็นเงินจำนวน 1,893,763 บาท จากงบประมาณของกรมเอเชียตะวันออก เพื่อให้สามารถดำเนินการโครงการได้
ระหว่างการปฏิบัติงานครั้งนี้ หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฯ ได้ให้การตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคด้วยยาแก่ผู้ป่วยจำนวน 1,360 ราย รักษาด้วยการผ่าตัด 119 ราย ตรวจการได้ยิน 150 ราย รวม 1,629 ราย และให้เครื่องช่วยฟังแก่ผู้ป่วยอีก 21 ราย นอกจากนี้ ผู้ป่วยพม่าบางส่วนที่เคยได้รับเครื่องช่วยฟังจากหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฯ ในการเยือนครั้งก่อนๆ แล้ว ได้นำเครื่องช่วยฟังมาขอให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฯ ซ่อมบำรุงให้ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ไทยก็ดำเนินการให้ตามประสงค์
น.พ. สุนทรฯ หัวหน้าหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฯ กล่าวว่า การเยือนพม่าครั้งนี้ราบรื่นไม่มีอุปสรรคใดๆ คณะฝ่ายไทยได้รับการต้อนรับและความร่วมมืออย่างดีจากฝ่ายพม่า ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขพม่าได้มอบหมายให้มีนายแพทย์ชาวพม่าเป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานและเดินทางไปกับหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฯ ของไทยตลอดทาง และยังได้สั่งการให้แพทย์ด้านหู คอ จมูก ประจำโรงพยาบาลในพื้นที่ช่วยประสานงานและเป็นล่ามให้คณะฝ่ายไทยด้วย
กระทรวงการต่างประเทศเชื่อมั่นว่า การให้ความช่วยเหลือประชาชนเพื่อมนุษยธรรมของแพทย์ไทยดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลดีต่อการสร้างการยอมรับและความรู้สึกที่ดี และส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทย อีกทั้งเป็นการแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์อันดีของไทยด้วย และยังจะช่วยสนับสนุนการที่ไทยจะเป็นศูนย์กลางการแพทย์และสาธารณสุขของภูมิภาคได้ต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2549 หน่วยแพทย์เคลื่อนที่จากประเทศไทย ประกอบด้วยแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะทางด้านหู คอ จมูก กับพยาบาลและเจ้าหน้าที่ จำนวน 18 คน จากมูลนิธิหู คอ จมูกชนบท นำโดย น.พ. สุนทร อันตรเสน โรงพยาบาลราชวิถี ได้เดินทางเข้าไปปฏิบัติการรักษาประชาชนชาวพม่าในพื้นที่เมือง Pakokku และเมือง Meiktila ในภาคมัณฑะเลย์ กับที่กรุงย่างกุ้ง โดยได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณและการประสานงานจากกระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง คณะแพทย์ไทยได้เดินทางโดยรถยนต์เพื่อไปให้การตรวจรักษาแก่ประชาชนตามเมืองต่างๆ และที่กรุงย่างกุ้งนอกจากคณะแพทย์ไทยจะได้ให้การตรวจรักษาประชาชนตามปกติแล้ว ยังได้สาธิตการใส่ประสาทหูเทียมให้แพทย์ชาวพม่าได้สังเกตการณ์ ที่โรงพยาบาลหู คอ จมูก กรุงย่างกุ้งด้วย มีผู้ป่วยชาวพม่าที่มารับการตรวจรักษาทั้งสิ้น 1,629 ราย นอกจากนั้น เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม หัวหน้าหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฯ และอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ตัวแทนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง ได้ร่วมกันมอบยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์การแพทย์มูลค่า 11,000.- ดอลลาร์สหรัฐฯ แก่โรงพยาบาลหู คอ จมูก กรุงย่างกุ้งด้วย โดยมี U Kyaw Hla Myint ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ของโรงพยาบาล เป็นผู้รับมอบ
การปฏิบัติงานของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฯ ครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 8 ที่คณะแพทย์ชาวไทยทางด้านหู คอ จมูก ได้เข้าไปช่วยเหลือประชาชนชาวพม่า โดยที่คณะแพทย์ไทยกลุ่มนี้ได้เห็นว่า พม่ายังขาดแคลนแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะทางด้านหู คอ จมูก และการให้บริการทางการแพทย์ก็มีจำกัดเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ เช่น กรุงย่างกุ้ง และเมืองมัณฑะเลย์ อีกทั้งแพทย์ชาวพม่าก็ยังขาดประสบการณ์ในการรักษา จึงได้ติดต่อประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้งและกระทรวงสาธารณสุขพม่า เพื่อเข้าไปให้บริการรักษาโรคหูในพม่ามาแล้ว 7 ครั้ง รวมทั้งได้บริจาคอุปกรณ์การแพทย์ และจัดหาทุนฝึกอบรมเฉพาะทางให้แก่แพทย์ชาวพม่า ซึ่งได้อำนวยประโยชน์ให้แก่ประชาชนพม่าอย่างเป็นรูปธรรมและเป็นที่ชื่นชมของหน่วยงานภาครัฐทั้งในส่วนกลางและส่วนท้องถิ่นของพม่า และประชาชนพม่าทั่วไป รวมทั้งผู้นำพม่าก็ได้รับทราบถึงการดำเนินการเพื่อมนุษยธรรมดังกล่าวของฝ่ายไทยด้วย
ในการปฏิบัติงานของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฯ ครั้งล่าสุดนี้ นอกจากสถานเอกอัครราชทูตฯ จะได้ช่วยประสานงานกับทางการพม่าตามที่เคยเป็นมาแล้ว กระทรวงการต่างประเทศได้พิจารณาเห็นว่าโครงการดังกล่าวมีส่วนช่วยในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับพม่าได้เป็นอย่างดี และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลไทย ที่จะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่จะอำนวยประโยชน์แก่ประชาชนพม่าโดยตรง ขยายความร่วมมือทางวิชาการและด้านอื่นๆ กับหน่วยงานรัฐบาลพม่า รวมทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างไทยกับพม่าด้วย จึงได้ให้การสนับสนุนโครงการนี้ เป็นเงินจำนวน 1,893,763 บาท จากงบประมาณของกรมเอเชียตะวันออก เพื่อให้สามารถดำเนินการโครงการได้
ระหว่างการปฏิบัติงานครั้งนี้ หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฯ ได้ให้การตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคด้วยยาแก่ผู้ป่วยจำนวน 1,360 ราย รักษาด้วยการผ่าตัด 119 ราย ตรวจการได้ยิน 150 ราย รวม 1,629 ราย และให้เครื่องช่วยฟังแก่ผู้ป่วยอีก 21 ราย นอกจากนี้ ผู้ป่วยพม่าบางส่วนที่เคยได้รับเครื่องช่วยฟังจากหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฯ ในการเยือนครั้งก่อนๆ แล้ว ได้นำเครื่องช่วยฟังมาขอให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฯ ซ่อมบำรุงให้ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ไทยก็ดำเนินการให้ตามประสงค์
น.พ. สุนทรฯ หัวหน้าหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฯ กล่าวว่า การเยือนพม่าครั้งนี้ราบรื่นไม่มีอุปสรรคใดๆ คณะฝ่ายไทยได้รับการต้อนรับและความร่วมมืออย่างดีจากฝ่ายพม่า ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขพม่าได้มอบหมายให้มีนายแพทย์ชาวพม่าเป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานและเดินทางไปกับหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฯ ของไทยตลอดทาง และยังได้สั่งการให้แพทย์ด้านหู คอ จมูก ประจำโรงพยาบาลในพื้นที่ช่วยประสานงานและเป็นล่ามให้คณะฝ่ายไทยด้วย
กระทรวงการต่างประเทศเชื่อมั่นว่า การให้ความช่วยเหลือประชาชนเพื่อมนุษยธรรมของแพทย์ไทยดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลดีต่อการสร้างการยอมรับและความรู้สึกที่ดี และส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทย อีกทั้งเป็นการแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์อันดีของไทยด้วย และยังจะช่วยสนับสนุนการที่ไทยจะเป็นศูนย์กลางการแพทย์และสาธารณสุขของภูมิภาคได้ต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-