บทสรุปรับฟังปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่นราธิวาสของพรรคประชาธิปัตย์ ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ ระบุ ภาคการปฏิบัติ สำคัญกว่า นโยบาย พร้อมยื่นข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษรต่อรัฐบาล ในวันอังคารที่จะถึงนี้
วันนี้ (17 มี.ค. 48) เวลา 15.30 น. ที่โรงแรมมารีน่า จ.นราธิวาส นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสวนาร่วมกับประชาชนในพื้นที่ เพื่อรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ว่า จ.นราธิวาสถือเป็นจังหวัดสุดท้ายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่พรรคประชาธิปัตย์ลงพื้นที่รับฟังปัญหา ซึ่งขณะนี้คาดว่าข้อมูลทั้งหมดจะสามารถรวบรวมจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อเสนอต่อรัฐบาลได้ภายในวันอังคารที่ 22 มีนาคม 2548
นายอภิสิทธิ์แสดงความมั่นใจว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จะนำเสนอ จะเป็นคำตอบของปัญหา ซึ่งหากทำได้จะสามารถฟื้นฟูสถานการณ์ที่เป็นอยู่ได้ แต่ทั้งนี้ต้องอาศัยระยะเวลา เพราะขณะนี้ต้องยอมรับว่าสถานการณ์เริ่มมีความถดถอยลงมา หากรัฐบาลรับแนวทางไปใช้ จะเป็นการเข้าถึงประชาชนอย่างแท้จริง พร้อมกันนี้ในภาคการปฏิบัติ หากเข้าถึงประชาชนในแง่จิตวิทยา และฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจ ซึ่งหากทำได้ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ที่สำคัญต้องทำอย่างมั่นคง เพราะต้องเผชิญกับการยั่วยุอย่างแน่นอน
‘อยู่ที่การปฏิบัติว่าหน่วยปฏิบัติจะสามารถดำเนินการอย่างเป็นเอกภาพ บนความเข้าใจในทิศทางการแก้ปัญหาว่าตรงกันแค่ไหน และประสิทธิภาพของการปฏิบัติด้วย เพราะฉะนั้นทิศทางที่เปลี่ยนต้องชัดเจนและมั่นคง เพราะปัญหาทั้งหมดต้องต่อสู้กับการยั่วยุ ถ้าสามารถผ่านตรงนี้ได้ เชื่อว่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนค่อนข้างเร็ว เพื่อให้ประชาชนเกิดความรู้สึกว่า ได้เข้าสู่สภาวะที่เขาคุ้นเคยแล้ว’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 17 มี.ค. 2548--จบ--
-ดท-
วันนี้ (17 มี.ค. 48) เวลา 15.30 น. ที่โรงแรมมารีน่า จ.นราธิวาส นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสวนาร่วมกับประชาชนในพื้นที่ เพื่อรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ว่า จ.นราธิวาสถือเป็นจังหวัดสุดท้ายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่พรรคประชาธิปัตย์ลงพื้นที่รับฟังปัญหา ซึ่งขณะนี้คาดว่าข้อมูลทั้งหมดจะสามารถรวบรวมจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อเสนอต่อรัฐบาลได้ภายในวันอังคารที่ 22 มีนาคม 2548
นายอภิสิทธิ์แสดงความมั่นใจว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จะนำเสนอ จะเป็นคำตอบของปัญหา ซึ่งหากทำได้จะสามารถฟื้นฟูสถานการณ์ที่เป็นอยู่ได้ แต่ทั้งนี้ต้องอาศัยระยะเวลา เพราะขณะนี้ต้องยอมรับว่าสถานการณ์เริ่มมีความถดถอยลงมา หากรัฐบาลรับแนวทางไปใช้ จะเป็นการเข้าถึงประชาชนอย่างแท้จริง พร้อมกันนี้ในภาคการปฏิบัติ หากเข้าถึงประชาชนในแง่จิตวิทยา และฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจ ซึ่งหากทำได้ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ที่สำคัญต้องทำอย่างมั่นคง เพราะต้องเผชิญกับการยั่วยุอย่างแน่นอน
‘อยู่ที่การปฏิบัติว่าหน่วยปฏิบัติจะสามารถดำเนินการอย่างเป็นเอกภาพ บนความเข้าใจในทิศทางการแก้ปัญหาว่าตรงกันแค่ไหน และประสิทธิภาพของการปฏิบัติด้วย เพราะฉะนั้นทิศทางที่เปลี่ยนต้องชัดเจนและมั่นคง เพราะปัญหาทั้งหมดต้องต่อสู้กับการยั่วยุ ถ้าสามารถผ่านตรงนี้ได้ เชื่อว่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนค่อนข้างเร็ว เพื่อให้ประชาชนเกิดความรู้สึกว่า ได้เข้าสู่สภาวะที่เขาคุ้นเคยแล้ว’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 17 มี.ค. 2548--จบ--
-ดท-