นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยถึงการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการภายใต้กองทุนอาเซม ระยะที่ 2 ครั้งที่ 3 (The Third ASEM Trust Fund II Monitoring Workshop) ซึ่งจะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 23 มีนาคม 2549 ณ ห้องประชุมป๋วย อี๊งภากรณ์ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ดังนี้
1. โครงการกองทุนอาเซมก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน 2541 โดยผู้นำเอเชีย-ยุโรป (Asia-Europe Summit) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภูมิภาคเอเชียและภูมิภาคยุโรปผ่านกองทุนอาเซม โดยประเทศสมาชิกจะร่วมกันบริจาคเงินสมทบเข้ากองทุนฯ มีธนาคารโลกทำหน้าที่บริหารโครงการ เพื่อนำเงินไปให้ความช่วยเหลือทางด้านการพัฒนาวิชาการและงานทางด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยการให้การแนะนำทางวิชาการและงานสัมมนาแก่ประเทศสมาชิกในภูมิภาคเอเชียที่ประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงปี 2539-2541 ผ่านโครงการต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเงินให้กับภาคการเงินและภาคธุรกิจ และสังคม โดยการให้ความรู้ ฝึกอบรม และจัดสัมมนาระหว่างประเทศสมาชิกอาเซม ประเทศที่บริจาคเงินสมทบเข้ากองทุนอาเซม ประกอบด้วย คณะกรรมาธิการยุโรป ฟินแลนด์ สวีเดน เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ อิตาลี สหราชอาณาจักร ไทย จีน เป็นต้น และประเทศที่ได้เข้าร่วมโครงการประกอบด้วย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย จีน สาธารณรัฐเกาหลี เวียดนาม และไทย
2. สำหรับกองทุนอาเซมระยะที่ 2 เป็นโครงการต่อเนื่องจากกองทุนอาเซมระยะที่ 1 มีระยะ เวลา 5 ปี (ปี 2544-2549) ซึ่งสิ้นสุดลงแล้ว กองทุนอาเซมระยะที่ 2 มีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างไปจากกองทุน อาเซมระยะที่ 1 คือ ประเทศที่เข้าร่วมโครงการจะต้องจัดตั้งคณะกรรมการ In-Country Steering Committee (ICSC) ขึ้น เพื่อพิจารณาคัดเลือกโครงการที่เหมาะสมและสอดคล้องกับนโยบายและความต้องการของประเทศเป็นหลัก สำหรับกองทุนอาเซมระยะที่ 2 นั้น มาเลเซียและเกาหลีมิได้เข้าร่วมโครงการในฐานะผู้รับประโยชน์จากโครงการกองทุนอาเซมระยะที่ 2 สำหรับเกาหลีได้ผันตัวเป็นผู้ให้เงินช่วยเหลือกองทุนอาเซมระยะที่ 2 และจีนได้ผันตัวเป็นทั้งผู้รับประโยชน์จากโครงการกองทุนอาเซมระยะที่ 2 และผู้ให้เงินช่วยเหลือสำหรับกองทุนผู้รับประโยชน์จากโครงการกองทุนอาเซมระยะที่ 2
3. ในส่วนของประเทศไทย ที่ผ่านมาคณะกรรมการ ICSC ของไทยจะทำหน้าที่พิจารณาคัดเลือกโครงการที่สอดคล้องกับนโยบายหลักของประเทศหรือวาระแห่งชาติใน 4 ด้าน ได้แก่ ทุนมนุษย์และทุนทางสังคม การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ความยากจนและความเหลื่อมล้ำ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งวาระแห่งชาติทั้ง 4 ด้านจะต้องมีธรรมาภิบาลเป็นหลักยึดของการทำงานทั้งหมดเพื่อเป็นฐานของความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนของวาระแห่งชาติด้านอื่นๆ ประเทศไทยได้รับจัดสรรเงินในโครงการ อาเซมระยะที่ 2 ทั้งสิ้นประมาณ 7.25 ล้านเหรียญ สรอ. 11 โครงการ มีโครงการที่ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วจำนวน 6 โครงการ เหลืออีก 5 โครงการที่จะต้องดำเนินการต่อไป โครงการที่สำคัญได้แก่ โครงการเสริมสร้างขีดความสามารถและกลยุทธ์ในการแก้ไขปัญหาความยากจน (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) โครงการปฏิรูประบบการศึกษา (กระทรวงศึกษาธิการ) โครงการให้ ความช่วยเหลือด้านวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ (กระทรวงสาธารณสุข) และโครงการเตรียมพร้อมในการเปิดเสรีภาคการเงินของไทย (สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง)
4. ในวันที่ 23 มีนาคม 2549 นี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการ In-Country Steering Committee (ICSC) ร่วมกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และธนาคารโลก จะจัดการประชุมติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการภายใต้กองทุนอาเซม ระยะที่ 2 ครั้งที่ 3 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ผู้แทนจากสถานทูตของประเทศสมาชิกอาเซมทั้ง 38 ประเทศ คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป ธนาคารโลก สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ตลอดจนหน่วยงานของไทย ที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมดำเนินโครงการภายใต้กองทุนอาเซมระยะที่ 2
5. ณ ปัจจุบัน โครงการกองทุนอาเซมระยะที่ 2 ดำเนินมาจนถึงปีสุดท้าย ซึ่งในปีนี้ทุกโครงการจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2549 ดังนั้น ในการจัดการประชุมติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการภายใต้กองทุนอาเซม ระยะที่ 2 ครั้งที่ 3 คณะกรรมการ ICSC จะได้รับฟังความคืบหน้าและความสำเร็จของโครงการ ติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จเป็นไปอย่างเรียบร้อยตามกำหนด นอกจากการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการแล้ว คณะกรรมการ ICSC ยังจะได้รับทราบถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากโครงการต่างๆ และในฐานะประธานคณะกรรมการ ICSC สำนักงานเศรษฐกิจการคลังจะต้องนำผลการประชุมรายงานให้กับ ASEM Committee ในการประชุม ASEM Trust Fund Review Meeting เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของประเทศไทยกับประเทศสมาชิกอาเซมอื่นๆ ซึ่งมีกำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ 24 เมษายน 2549 ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ต่อไป
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 22/2549 22 มีนาคม 49--
1. โครงการกองทุนอาเซมก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน 2541 โดยผู้นำเอเชีย-ยุโรป (Asia-Europe Summit) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภูมิภาคเอเชียและภูมิภาคยุโรปผ่านกองทุนอาเซม โดยประเทศสมาชิกจะร่วมกันบริจาคเงินสมทบเข้ากองทุนฯ มีธนาคารโลกทำหน้าที่บริหารโครงการ เพื่อนำเงินไปให้ความช่วยเหลือทางด้านการพัฒนาวิชาการและงานทางด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยการให้การแนะนำทางวิชาการและงานสัมมนาแก่ประเทศสมาชิกในภูมิภาคเอเชียที่ประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงปี 2539-2541 ผ่านโครงการต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเงินให้กับภาคการเงินและภาคธุรกิจ และสังคม โดยการให้ความรู้ ฝึกอบรม และจัดสัมมนาระหว่างประเทศสมาชิกอาเซม ประเทศที่บริจาคเงินสมทบเข้ากองทุนอาเซม ประกอบด้วย คณะกรรมาธิการยุโรป ฟินแลนด์ สวีเดน เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ อิตาลี สหราชอาณาจักร ไทย จีน เป็นต้น และประเทศที่ได้เข้าร่วมโครงการประกอบด้วย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย จีน สาธารณรัฐเกาหลี เวียดนาม และไทย
2. สำหรับกองทุนอาเซมระยะที่ 2 เป็นโครงการต่อเนื่องจากกองทุนอาเซมระยะที่ 1 มีระยะ เวลา 5 ปี (ปี 2544-2549) ซึ่งสิ้นสุดลงแล้ว กองทุนอาเซมระยะที่ 2 มีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างไปจากกองทุน อาเซมระยะที่ 1 คือ ประเทศที่เข้าร่วมโครงการจะต้องจัดตั้งคณะกรรมการ In-Country Steering Committee (ICSC) ขึ้น เพื่อพิจารณาคัดเลือกโครงการที่เหมาะสมและสอดคล้องกับนโยบายและความต้องการของประเทศเป็นหลัก สำหรับกองทุนอาเซมระยะที่ 2 นั้น มาเลเซียและเกาหลีมิได้เข้าร่วมโครงการในฐานะผู้รับประโยชน์จากโครงการกองทุนอาเซมระยะที่ 2 สำหรับเกาหลีได้ผันตัวเป็นผู้ให้เงินช่วยเหลือกองทุนอาเซมระยะที่ 2 และจีนได้ผันตัวเป็นทั้งผู้รับประโยชน์จากโครงการกองทุนอาเซมระยะที่ 2 และผู้ให้เงินช่วยเหลือสำหรับกองทุนผู้รับประโยชน์จากโครงการกองทุนอาเซมระยะที่ 2
3. ในส่วนของประเทศไทย ที่ผ่านมาคณะกรรมการ ICSC ของไทยจะทำหน้าที่พิจารณาคัดเลือกโครงการที่สอดคล้องกับนโยบายหลักของประเทศหรือวาระแห่งชาติใน 4 ด้าน ได้แก่ ทุนมนุษย์และทุนทางสังคม การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ความยากจนและความเหลื่อมล้ำ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งวาระแห่งชาติทั้ง 4 ด้านจะต้องมีธรรมาภิบาลเป็นหลักยึดของการทำงานทั้งหมดเพื่อเป็นฐานของความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนของวาระแห่งชาติด้านอื่นๆ ประเทศไทยได้รับจัดสรรเงินในโครงการ อาเซมระยะที่ 2 ทั้งสิ้นประมาณ 7.25 ล้านเหรียญ สรอ. 11 โครงการ มีโครงการที่ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วจำนวน 6 โครงการ เหลืออีก 5 โครงการที่จะต้องดำเนินการต่อไป โครงการที่สำคัญได้แก่ โครงการเสริมสร้างขีดความสามารถและกลยุทธ์ในการแก้ไขปัญหาความยากจน (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) โครงการปฏิรูประบบการศึกษา (กระทรวงศึกษาธิการ) โครงการให้ ความช่วยเหลือด้านวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ (กระทรวงสาธารณสุข) และโครงการเตรียมพร้อมในการเปิดเสรีภาคการเงินของไทย (สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง)
4. ในวันที่ 23 มีนาคม 2549 นี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการ In-Country Steering Committee (ICSC) ร่วมกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และธนาคารโลก จะจัดการประชุมติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการภายใต้กองทุนอาเซม ระยะที่ 2 ครั้งที่ 3 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ผู้แทนจากสถานทูตของประเทศสมาชิกอาเซมทั้ง 38 ประเทศ คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป ธนาคารโลก สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ตลอดจนหน่วยงานของไทย ที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมดำเนินโครงการภายใต้กองทุนอาเซมระยะที่ 2
5. ณ ปัจจุบัน โครงการกองทุนอาเซมระยะที่ 2 ดำเนินมาจนถึงปีสุดท้าย ซึ่งในปีนี้ทุกโครงการจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2549 ดังนั้น ในการจัดการประชุมติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการภายใต้กองทุนอาเซม ระยะที่ 2 ครั้งที่ 3 คณะกรรมการ ICSC จะได้รับฟังความคืบหน้าและความสำเร็จของโครงการ ติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จเป็นไปอย่างเรียบร้อยตามกำหนด นอกจากการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการแล้ว คณะกรรมการ ICSC ยังจะได้รับทราบถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากโครงการต่างๆ และในฐานะประธานคณะกรรมการ ICSC สำนักงานเศรษฐกิจการคลังจะต้องนำผลการประชุมรายงานให้กับ ASEM Committee ในการประชุม ASEM Trust Fund Review Meeting เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของประเทศไทยกับประเทศสมาชิกอาเซมอื่นๆ ซึ่งมีกำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ 24 เมษายน 2549 ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ต่อไป
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 22/2549 22 มีนาคม 49--