นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่าจากการติดตามสถานการณ์การผลิตการค้าธัญพืชของโลกแล้วคาดว่า ตั้งแต่ช่วงนี้เป็นต้นไปจนถึงกลางปีหน้า จะเป็นปีทองของมันสำปะหลังไทยอีกปีหนึ่ง โดยคาดว่าการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั้งมันเส้น มันอัดเม็ด และแป้งมันสำปะหลัง เนื่องจากภาวะภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตธัญพืชในประเทศต่างๆ ได้รับความเสียหายและมีราคาสูงขึ้น เช่น ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปบางประเทศ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เป็นต้น ประกอบกับปัญหาเรื่องพลังงานเชื้อเพลิง ทำให้ประเทศต่าง ๆ ต่างก็สงวนผลผลิตธัญพืชที่ผลิตได้ไว้สำหรับการบริโภค และใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตภายในประเทศ เช่น สหภาพยุโรป สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งขณะนี้ได้มีผู้นำเข้าในประเทศต่าง ๆ ได้มีการติดต่อสั่งซื้อผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากผู้ส่งออกล่วงหน้าแล้วเป็นจำนวนมาก
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า ขณะนี้ราคาหัวมันสำปะหลังสดที่เกษตรกรขายได้ขยับตัวสูงขึ้นเป็นลำดับ ทั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากที่กระทรวงพาณิชย์ ได้ประกาศกำหนดนโยบายแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2549/50 โดยการรับจำนำหัวมันสดจากเกษตรกร จำนวน 7.5 ล้านตัน ในราคารับจำนำหัวมันสด (เชื้อแป้ง 25%) ในเดือนพฤศจิกายน 2549 กิโลกรัมละ 1.25 บาท และจะเพิ่มราคารับจำนำขึ้นกิโลกรัมละ 0.05 บาททุกเดือน จนถึง 1.50 บาท ในเดือนเมษายน 2550 ประกอบกับขณะนี้ลานมันเริ่มเปิดดำเนินการตากมันเส้น เนื่องจากฝนหยุดตก และโรงงานแป้งมันสำปะหลังที่หยุดซ่อมบำรุงในช่วงหน้าฝน ก็เริ่มเปิดดำเนินการ ทำให้ภาวะการค้ามันสำปะหลังเริ่มกลับมาคึกคัก และมีการแข่งขันกันรับซื้อหัวมันสดจากเกษตรกร ทำให้ราคาหัวมันสด (เชื้อแป้ง 25%) ที่เกษตรกรขายได้ขยับตัวสูงขึ้นโดยตลอด จากเฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.06 บาท ในเดือนตุลาคม 2549 เป็นเฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.22 บาท ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2549 ซึ่งมีบางพื้นที่สามารถขายได้สูงเท่าราคารับจำนำ เช่น จังหวัดฉะเชิงเทรา หรือบางจังหวัดขายได้สูงกว่าราคารับจำนำ เช่น จังหวัดสระแก้ว (1.26 บาท/กก.) จังหวัดชลบุรี (1.28 บาท/กก.) ขณะเดียวกันผลของการประกาศกำหนดนโยบาย ฯ ดังกล่าวของกระทรวงพาณิชย์ดังกล่าว ยังมีผลให้ผู้ซื้อในต่างประเทศเกิดความมั่นใจในเรื่องราคา และมีการติดต่อขอซื้อผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากผู้ส่งออกไทยเป็นระยะๆ
สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังตั้งแต่เดือนมกราคมถึงตุลาคม 2549 มีการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังแล้วเป็นมูลค่ารวม 34,746 ล้านบาท ขยายเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 26 แยกออกเป็นการส่งออก
- มันเส้น 3.13 ล้านตัน มูลค่า 13,032 ล้านบาท ปริมาณและมูลค่าขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วง เดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 43 และ 38 ตามลำดับ โดยมีตลาดส่งออกที่สำคัญ คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน
- มันอัดเม็ด 0.22 ล้านตัน มูลค่า 748 ล้านบาท ปริมาณและมูลค่า ลดลงร้อยละ 15 และ 11 ตามลำดับ ตลาดส่งออกสำคัญ คือ สหภาพยุโรป และสืบเนื่องจากจากผลกระทบจากภาวะแห้งแล้งในบางพื้นที่ในยุโรป ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่าในปี 2550 สหภาพยุโรป จะมีการนำเข้ามันอัดเม็ดจากไทยเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 7 — 8 แสนตัน
- แป้งมันสำปะหลังดิบ 1.33 ล้านตัน มูลค่า 11,049 ล้านบาท ปริมาณ และมูลค่าขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 64 และ 46 ตามลำดับ ตลาดส่งออกสำคัญ คือ อินโดนีเซีย ไต้หวัน และจีน
- แป้งมันสำปะหลังแปรรูป 0.52 ล้านตัน มูลค่า 9,116 ล้านบาท ปริมาณและมูลค่าขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 และ 2 ตามลำดับ ตลาดส่งออกสำคัญ คือ ญี่ปุ่น และจีน
- ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอื่นๆ เช่น สาคูและกากแป้ง มูลค่า 0.26 ล้านตัน มูลค่า 800 ล้านบาท ปริมาณและมูลค่าลดลงร้อยละ 20 และ 15 ตามลำดับ ตลาดส่งออกสำคัญ คือ เกาหลีใต้ จีน และ ฟิลิปปินส์
นอกจากนี้ถึงแม้ว่าสภาวะการส่งออก ทั้งปริมาณและมูลค่าส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทย ช่วงมกราคม — ตุลาคม 2549 จะเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเป็นจำนวนมาก แต่เพื่อให้ประเทศ คงความเป็นหนึ่งในด้านการส่งออก กรมการค้าต่างประเทศ ขอความร่วมมือผู้ส่งออกไทยให้ช่วยกันรักษาคุณภาพมาตรฐานสินค้าส่งออกเพื่อให้ลูกค้าเกิดความเชื่อถือ และหลีกเลี่ยงกันขายแข่งขันตัดราคาส่งออก ซึ่งจะส่งผลกระทบย้อนกลับให้ต้องกดราคารับซื้อหัวมันสดจากเกษตรกร
--กรมการค้าต่างประเทศ--
-สส-
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า ขณะนี้ราคาหัวมันสำปะหลังสดที่เกษตรกรขายได้ขยับตัวสูงขึ้นเป็นลำดับ ทั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากที่กระทรวงพาณิชย์ ได้ประกาศกำหนดนโยบายแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2549/50 โดยการรับจำนำหัวมันสดจากเกษตรกร จำนวน 7.5 ล้านตัน ในราคารับจำนำหัวมันสด (เชื้อแป้ง 25%) ในเดือนพฤศจิกายน 2549 กิโลกรัมละ 1.25 บาท และจะเพิ่มราคารับจำนำขึ้นกิโลกรัมละ 0.05 บาททุกเดือน จนถึง 1.50 บาท ในเดือนเมษายน 2550 ประกอบกับขณะนี้ลานมันเริ่มเปิดดำเนินการตากมันเส้น เนื่องจากฝนหยุดตก และโรงงานแป้งมันสำปะหลังที่หยุดซ่อมบำรุงในช่วงหน้าฝน ก็เริ่มเปิดดำเนินการ ทำให้ภาวะการค้ามันสำปะหลังเริ่มกลับมาคึกคัก และมีการแข่งขันกันรับซื้อหัวมันสดจากเกษตรกร ทำให้ราคาหัวมันสด (เชื้อแป้ง 25%) ที่เกษตรกรขายได้ขยับตัวสูงขึ้นโดยตลอด จากเฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.06 บาท ในเดือนตุลาคม 2549 เป็นเฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.22 บาท ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2549 ซึ่งมีบางพื้นที่สามารถขายได้สูงเท่าราคารับจำนำ เช่น จังหวัดฉะเชิงเทรา หรือบางจังหวัดขายได้สูงกว่าราคารับจำนำ เช่น จังหวัดสระแก้ว (1.26 บาท/กก.) จังหวัดชลบุรี (1.28 บาท/กก.) ขณะเดียวกันผลของการประกาศกำหนดนโยบาย ฯ ดังกล่าวของกระทรวงพาณิชย์ดังกล่าว ยังมีผลให้ผู้ซื้อในต่างประเทศเกิดความมั่นใจในเรื่องราคา และมีการติดต่อขอซื้อผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากผู้ส่งออกไทยเป็นระยะๆ
สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังตั้งแต่เดือนมกราคมถึงตุลาคม 2549 มีการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังแล้วเป็นมูลค่ารวม 34,746 ล้านบาท ขยายเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 26 แยกออกเป็นการส่งออก
- มันเส้น 3.13 ล้านตัน มูลค่า 13,032 ล้านบาท ปริมาณและมูลค่าขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วง เดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 43 และ 38 ตามลำดับ โดยมีตลาดส่งออกที่สำคัญ คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน
- มันอัดเม็ด 0.22 ล้านตัน มูลค่า 748 ล้านบาท ปริมาณและมูลค่า ลดลงร้อยละ 15 และ 11 ตามลำดับ ตลาดส่งออกสำคัญ คือ สหภาพยุโรป และสืบเนื่องจากจากผลกระทบจากภาวะแห้งแล้งในบางพื้นที่ในยุโรป ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่าในปี 2550 สหภาพยุโรป จะมีการนำเข้ามันอัดเม็ดจากไทยเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 7 — 8 แสนตัน
- แป้งมันสำปะหลังดิบ 1.33 ล้านตัน มูลค่า 11,049 ล้านบาท ปริมาณ และมูลค่าขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 64 และ 46 ตามลำดับ ตลาดส่งออกสำคัญ คือ อินโดนีเซีย ไต้หวัน และจีน
- แป้งมันสำปะหลังแปรรูป 0.52 ล้านตัน มูลค่า 9,116 ล้านบาท ปริมาณและมูลค่าขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 และ 2 ตามลำดับ ตลาดส่งออกสำคัญ คือ ญี่ปุ่น และจีน
- ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอื่นๆ เช่น สาคูและกากแป้ง มูลค่า 0.26 ล้านตัน มูลค่า 800 ล้านบาท ปริมาณและมูลค่าลดลงร้อยละ 20 และ 15 ตามลำดับ ตลาดส่งออกสำคัญ คือ เกาหลีใต้ จีน และ ฟิลิปปินส์
นอกจากนี้ถึงแม้ว่าสภาวะการส่งออก ทั้งปริมาณและมูลค่าส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทย ช่วงมกราคม — ตุลาคม 2549 จะเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเป็นจำนวนมาก แต่เพื่อให้ประเทศ คงความเป็นหนึ่งในด้านการส่งออก กรมการค้าต่างประเทศ ขอความร่วมมือผู้ส่งออกไทยให้ช่วยกันรักษาคุณภาพมาตรฐานสินค้าส่งออกเพื่อให้ลูกค้าเกิดความเชื่อถือ และหลีกเลี่ยงกันขายแข่งขันตัดราคาส่งออก ซึ่งจะส่งผลกระทบย้อนกลับให้ต้องกดราคารับซื้อหัวมันสดจากเกษตรกร
--กรมการค้าต่างประเทศ--
-สส-