นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ลงนามในประกาศกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) ยกเลิกประกาศฯ ฉบับเก่าที่ไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน จำนวน 3 ฉบับ ประกอบด้วยประกาศเกี่ยวกับการจัดสรรโควตาสิ่งทอ , การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษซึ่งสินค้านำเข้าเพื่อตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน และการยกเว้น การคืนค่าธรรมเนียมพิเศษที่เรียกเก็บจากสินค้าทุ่มตลาดหรือสินค้าที่ได้รับการอุดหนุน มีผลตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2549 เป็นต้นไป
ตามพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าพ.ศ. 2522 กำหนดให้กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ. จึงได้มีการออกประกาศกระทรวงฯ เพื่อกำหนดแนวทางในการนำเข้าและส่งออกซึ่งสินค้า ปัจจุบันได้มีการทบทวนเพื่อพิจารณาว่าประกาศฉบับใดไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบันบ้าง เพื่อมิให้เป็นภาระกับประชาชน จึงได้ยกเลิกประกาศฯ ดังนี้ 1) ประกาศฯ ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ 62) พ.ศ. 2535 ซึ่งกำหนดขึ้นเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามความตกลงสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม (Agreement on Textiles and Clothing : ATC) ภายใต้ความตกลงขององค์การการค้าโลก แต่ขณะนี้ความตกลงดังกล่าวสิ้นสุดลงแล้ว เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2547 2) ประกาศฯ ว่าด้วยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษซึ่งสินค้านำเข้าเพื่อตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน พ.ศ. 2539 และ 3) ประกาศกระทรวงฯ ว่าด้วยการยกเว้นหรือคืนค่าธรรมเนียมพิเศษที่เรียกเก็บจากสินค้าทุ่มตลาดและการอุดหนุน เนื่องจากในขณะนั้น ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายว่าด้วยการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ แต่ขณะนี้ ได้มีพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. 2542 ใช้บังคับแล้ว ประกอบกับสินค้ารายการสุดท้ายที่ได้ใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดภายใต้ประกาศดังกล่าวได้ยุติลงไปแล้วเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2547 จึงสมควรยกเลิกประกาศทั้ง 3 ฉบับ ดังกล่าว
นายราเชนทร์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในขณะนี้ กรมฯ ได้เสนอให้มีการปรับปรุง แก้ไข รวมถึงยกเลิกกฎหมาย กฎ ระเบียบต่าง ๆ ที่ไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบันจำนวนหลายฉบับ โดยบางฉบับผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีแล้ว และบางฉบับอยู่ระหว่างที่กรมฯ พิจารณาดำเนินการ ซึ่งได้บรรจุไว้ในแผนพัฒนากฎหมาย ปี 2549 และจะเร่ง ติดตามความคืบหน้าโดยเร็ว ต่อไป
--กรมการค้าต่างประเทศ--
-สส-
ตามพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าพ.ศ. 2522 กำหนดให้กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ. จึงได้มีการออกประกาศกระทรวงฯ เพื่อกำหนดแนวทางในการนำเข้าและส่งออกซึ่งสินค้า ปัจจุบันได้มีการทบทวนเพื่อพิจารณาว่าประกาศฉบับใดไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบันบ้าง เพื่อมิให้เป็นภาระกับประชาชน จึงได้ยกเลิกประกาศฯ ดังนี้ 1) ประกาศฯ ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ 62) พ.ศ. 2535 ซึ่งกำหนดขึ้นเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามความตกลงสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม (Agreement on Textiles and Clothing : ATC) ภายใต้ความตกลงขององค์การการค้าโลก แต่ขณะนี้ความตกลงดังกล่าวสิ้นสุดลงแล้ว เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2547 2) ประกาศฯ ว่าด้วยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษซึ่งสินค้านำเข้าเพื่อตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน พ.ศ. 2539 และ 3) ประกาศกระทรวงฯ ว่าด้วยการยกเว้นหรือคืนค่าธรรมเนียมพิเศษที่เรียกเก็บจากสินค้าทุ่มตลาดและการอุดหนุน เนื่องจากในขณะนั้น ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายว่าด้วยการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ แต่ขณะนี้ ได้มีพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. 2542 ใช้บังคับแล้ว ประกอบกับสินค้ารายการสุดท้ายที่ได้ใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดภายใต้ประกาศดังกล่าวได้ยุติลงไปแล้วเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2547 จึงสมควรยกเลิกประกาศทั้ง 3 ฉบับ ดังกล่าว
นายราเชนทร์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในขณะนี้ กรมฯ ได้เสนอให้มีการปรับปรุง แก้ไข รวมถึงยกเลิกกฎหมาย กฎ ระเบียบต่าง ๆ ที่ไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบันจำนวนหลายฉบับ โดยบางฉบับผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีแล้ว และบางฉบับอยู่ระหว่างที่กรมฯ พิจารณาดำเนินการ ซึ่งได้บรรจุไว้ในแผนพัฒนากฎหมาย ปี 2549 และจะเร่ง ติดตามความคืบหน้าโดยเร็ว ต่อไป
--กรมการค้าต่างประเทศ--
-สส-