การส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในเดือนมีนาคม มีมูลค่า 1,382 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนของมูลค่าส่งออกทั้งประเทศได้ ร้อยละ 12.45 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ ร้อยละ 24.40 และคาดว่าเดือนเมษายน จะมีมูลค่าส่งออกประมาณ 1,750 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ภาพรวมการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้า
การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าในช่วงไตรมาสแรก(ม.ค.-มี.ค.) มีมูลค่า 3,512 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนของมูลค่าส่งออกของทั้งประเทศได้ ร้อยละ 11.9 และขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2548 เนื่องจากการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าของบริษัทแม่ในต่างประเทศทำการผลิตในสินค้าประเภท White Goods เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น เตาอบไมโครเวฟและเครื่องดูดฝุ่น เพื่อส่งออกยังคงเพิ่มสูงขึ้นและเป็นอุตสาหกรรมที่ภาครัฐให้การส่งเสริมการลงทุนและการส่งออก
สถานการณ์ในตลาดสหรัฐอเมริกาขณะนี้ได้ออกกฏหมายใหม่สำหรับสินค้าเครื่องรับโทรทัศน์ที่จะจำหน่ายในสหรัฐฯต้องเป็นระบบดิจิตอลเพียงอย่างเดียวโดยจะเริ่มมีผลในต้นปี 2549 ผู้ประกอบการไทยจึงอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนการผลิตสินค้าดังกล่าวให้สอดคล้องกับกฏหมายใหม่และขณะเดียวกันตลาดสหภาพยุโรปยังคงมีสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าค้างสต็อกอีกเป็นจำนวนมาก
เป้าหมายการส่งออกปี 2549:
คาดว่าจะมีมูลค่า 15,042 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับ2548
เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ
การส่งออกสินค้าเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบในเดือนมีนาคมมีมูลค่า 295 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.7 ของมูลค่าส่งออกทั้งประเทศและเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ ร้อยละ 37.2 และคาดว่าเดือนเมษายนจะมีมูลค่าส่งออกประมาณ 350 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ภาพรวมการส่งออกเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ
การส่งออกสินค้าเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ในช่วงไตรมาสแรก(ม.ค.-มี.ค.) ของปี 2549 มีมูลค่า 694 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนของมูลค่าส่งออกทั้งประเทศได้ ร้อยละ 2.35 และขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 10.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2548 เนื่องจากประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศเพื่อส่งออกที่สำคัญของโลกมีความสามารถในการแข่งขันสูงในส่วนครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก (5,000-30,000บีทียู) และปีนี้ในช่วงฤดูร้อนในยุโรปสภาพอากาศดีการส่งออกเครื่องปรับอากาศไปยัง อิตาลี เบลเยียมและฝรั่งเศสจึงชะลอตัว
เป้าหมายการส่งออกปี 2549:
จะมีมูลค่าส่งออก 2,313 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปี 2548
ที่มา: http://www.depthai.go.th