พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งแต่ระหว่างวันที่ 13-19 มีนาคม 2549

ข่าวทั่วไป Monday March 13, 2006 14:50 —กรมอุตุนิยมวิทยา

          พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร  
วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2549 ฉบับที่ 31/2549
คาดหมายลักษณะอากาศเพื่อการเกษตรใน 7 วันข้างหน้า
ตั้งแต่วันที่ 13-19 มีนาคม 2549
ในช่วงวันที่ 13-14 มี.ค.ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อน โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง อาจมีลูกเห็บตกบางแห่งและอุณหภูมิจะลดลง โดยจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อนภาคอื่นๆ ในช่วงวันที่ 15-16 มี.ค.ความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะอ่อนกำลังลง และลมใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้น โดยจะมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 13-14 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอาจมีลูกเห็บตกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากภัยธรรมชาติดังกล่าวไว้ด้วย ส่วนในช่วงวันที่ 14-15 มี.ค. คลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ ในระยะ 7 วันข้างหน้า มีดังนี้
เหนือ
อากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส กับมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่บริเวณจังหวัดตาก และลำปาง ลมอ่อน 6-12 กม./ชม เว้นแต่ในช่วงวันที่ 13-14 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ 30 % ของพื้นที่ ลมกระโชกแรง อาจมี ลูกเห็บตกบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
อากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส กับมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่บริเวณจังหวัดตาก และลำปาง ลมอ่อน 6-12 กม./ชม เว้นแต่ในช่วงวันที่ 13-14 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ 30 % ของพื้นที่ ลมกระโชกแรง อาจมี ลูกเห็บตกบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับผลผลิตทางการเกษตร อาคารบ้านเรือน และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรงเนื่องจากสภาวะดังกล่าว ส่วนผู้ที่ปลูกพืชผักควรดูแลให้น้ำรวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดด้วย
ตะวันออกเฉียงเหนือ
อากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. เว้นแต่ในช่วงวันที่ 13-14 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย 40 % ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง อาจมีลูกเห็บตกบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
อากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. เว้นแต่ในช่วงวันที่ 13-14 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย 40 % ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง อาจมีลูกเห็บตกบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. เนื่องจากสภาวะดังกล่าวอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่อาคารบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง และผลผลิตทางการเกษตร ดังนั้นเกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น สำหรับผู้ที่ปลูกไม้ผลควรผูกยึดหรือค้ำยันกิ่งและลำต้นให้แข็งแรง รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของเพลี้ย ชนิดต่างๆ
กลาง
อากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 13-14 มี.ค. มีพายุ ฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ 30 % ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
อากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 13-14 มี.ค. มีพายุ ฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ 30 % ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. เนื่องจากระยะนี้จะมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ซึ่งจะทำความเสียหายต่อไม้ผลและผลผลิตทางการเกษตร ดังนั้นเกษตรกรจึงควร ผูกยึดหรือค้ำยันกิ่งและลำต้นของไม้ผลที่รับน้ำหนักมากให้แข็งแรง ส่วนผู้ที่ปลูกไม้ดอกควรดูแลให้น้ำรวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งจะทำให้ดอกเสียหายได้
ตะวันออก
อากาศร้อนทางตอนบนของภาค อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่งตามบริเวณชายฝั่งและเทือกเขา ลมใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ในช่วงวันที่13-14 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย 40 %ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 20-40 กม./ชม.
อากาศร้อนทางตอนบนของภาค อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่งตามบริเวณชายฝั่งและเทือกเขา ลมใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ในช่วงวันที่13-14 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย 40 %ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. สำหรับไม้ผลควรผูกยึดหรือค้ำยันกิ่งและลำต้น เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นเนื่องจากลมกระโชกแรง นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยในพืชชนิดต่างๆ เช่น เงาะ ทุเรียน และมังคุด
ใต้
ทางฝั่งตะวันออกมีเมฆบางส่วน ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. เว้นแต่ในช่วงวันที่ 14-16 มี.ค. มีฝน ฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 20-40 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีเมฆบางส่วน ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 14-16 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่ง ๆ 10-30 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทางฝั่งตะวันออกมีเมฆบางส่วน ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. เว้นแต่ในช่วงวันที่ 14-16 มี.ค. มีฝน ฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 20-40 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีเมฆบางส่วน ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 14-16 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่ง ๆ 10-30 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. เนื่องจากทางฝั่งตะวันตกของภาคมีฝนตกน้อยซึ่งจะทำให้เกิดอัคคีภัยได้ง่าย ดังนั้นเกษตรกรควรทำแนวกันไฟรอบๆ พื้นที่การเกษตรไว้ด้วย ส่วนไม้ผลที่กำลังออกดอกและติดผลอ่อน ชาวสวนควรให้น้ำอย่างเพียงพอ รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของเพลี้ยและไรชนิดต่างๆ อนึ่ง ในช่วงวันที่ 14-15 มี.ค. คลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74
-สส-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ