นายเดช พัฒนเศรษฐพงษ์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย ได้เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มอย่างน้อย 5 รายซึ่งเป็นสมาชิกสมาคมฯ ได้มีแผนที่จะเข้าไปลงทุนตั้งโรงงานในเวียดนามแน่นอนแล้วโดยไนซ์กรุ๊ปและลิเบอร์ตี้กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปใน 5 อันดับแรกของไทย โดยได้เข้าไปซื้อที่ดินเพื่อตั้งโรงงานและคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2550 นี้
นายวัลลภ วิตนากร อุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทยและประธานกรรมการบริษัท ไฮเทค ผู้ผลิตและส่งออกเครื่องนุ่งห่มรายใหญ่อีกราย ได้กล่าวว่าทางบริษัทมีแผนที่จะเข้าไปศึกษาลู่ทางการลงทุนในเวียดนามเช่นกันและเชื่อว่ายังมีผู้ประกอบการอีกรายหลายเดินทางเข้าไปดูลู่ทางเช่นกัน เพื่อเป็นการเตรียมการรองรับกับการจัดทำเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ)สหรัฐและญีปุ่น ที่จะทำให้การส่งออกขยายตัวไปทั้งสองตลาดนี้เพิ่มมากขึ้นอย่างมาก แต่เนื่องจากในเวลานี้การจัดทำเขตการค้าเสรีทั้งสองประเทศยุติลงชั่วคราวทำให้ผู้ประกอบการของไทยอีก 7 รายที่มีแผนจะลงทุนที่จังหวัดสุรินทร์ต้องชะลอแผนลงและล่าสุดได้มีการล้มเลิกโครงการแล้วคาดว่ากลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้อาจจะเบนความสนใจไปยังเวียดนามแทน
สำหรับการเข้าไปลงทุนในเวียดนามนั้น ผู้ประกอบการต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดและเห็นว่าเวียดนามเป็นตัวเลือกที่ดีในช่วงนี้เนื่องจากเร็วๆ นี้เวียดนามจะเข้าเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลก(WTO) ซึ่งในการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจะไม่ถูกจำกัดโควตาการนำเข้าไปยังตลาดสหรัฐและสหภาพยุโรป(อียู) อีกต่อไป ในขณะที่เวียดนามเองก็กำลังจะเปิดการเจรจาเอฟทีเอกับสหรัฐและคาดว่าจะมีการลงนามได้ในปี 2550 ซึ่งจะส่งผลให้อัตราภาษีนำเข้าสหรัฐลดลงและเป็น 0 ในที่สุด นอกจากนี้เวียดนามยังได้เปรียบในเรื่องค่าจ้างแรงงาน และอยู่ใกล้แหล่งวัตถุดิบอย่างจีน อีกทั้งที่ตั้งของเวียดนามยังอยู่ใกล้ตลาดหลักทั้งสหรัฐ อียู และญี่ปุ่นมากกว่าไทยทำให้ได้เปรียบในด้านต้นทุนการขนส่ง
ขณะที่นายเจน นำชัยศิริ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอ เปิดเผยว่าในเวลานี้นักธุรกิจชาวเวียดนามได้มาชักชวนคนไทยเข้าไปร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมต้นน้ำทั้งผ้าผืน ฟอกย้อม และเส้นใยสังเคราะห์ แล้วและคาดว่ามีหลายรายที่สนใจเข้าร่วมลงทุนเนื่องจากเวียดนามยังมีศักยภาพที่จะเป็นฐานการผลิตและส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ
ด้านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ได้ชี้ให้เห็นถึงภาพรวมของการลงทุนของไทยในเวียดนามว่า ณ วันที่ 28 ตุลาคม 2548 เป็นต้นมาไทยเข้าไปลงทุนในเวียดนามทั้งสิ้น 125 โครงการ เงินลงทุนรวม 1,474 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงเป็นอันดับที่ 9 และเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศอาเซียนรองจากสิงคโปร์
ประเด็นวิเคราะห์:
สภาวะการณ์ของอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มของไทยในอนาคตมีแนวโน้มที่ผู้ประกอบการของไทยจะเข้าไปลงทุนในเวียดนามมากขึ้น เนื่องจากเวียดนามจะเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกหรือ WTO ซึ่งจะส่งผลให้สินค้าเครื่องนุ่งห่มที่นำเข้าจากเวียดนามจะไม่ถูกจำกัดในด้านโควต้าและอัตราภาษีจะปรับลดลงเหลือ 0 ในที่สุด ทั้งนี้เวียดนามยังได้เปรียบในเรื่องค่าจ้างแรงงานและอยู่ใกล้แหล่งวัตถุดิบด้วย
ที่มา: http://www.depthai.go.th