นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้สรุปผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ของภาครัฐประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2549 และในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2549 (ตุลาคม 2548 — กุมภาพันธ์ 2549) พร้อมทั้งสถานะหนี้สาธารณะล่าสุด ณ สิ้นเดือนมกราคม 2549 ดังนี้
การปรับโครงสร้างหนี้ของภาครัฐ
1.1 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2549 :-
(1) ด้านต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ Refinance เงินกู้ ECP (Euro Commercial Paper) ซึ่งใช้เป็นBridge Financing ในการ Refinance เงินกู้ธนาคารพัฒนาเอเชียและธนาคารโลก วงเงิน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 7,855 ล้านบาท โดยวิธีการออกตราสารอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate Notes : FRN) ระยะไถ่ถอน 3 ปี และได้ดำเนินการแปลงหนี้โดยการทำ Coupon Swap จากอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสกุลเงินเหรียญสหรัฐ เป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสกุลเงินบาท ผลจากการทำ Coupon Swap ดังกล่าว จะสามารถประหยัดภาระดอกเบี้ยได้ประมาณ 211 ล้านบาท
รัฐวิสาหกิจ ได้แก่ บริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด การประปานครหลวง และ บริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) ได้ทำการ Swap เงินกู้ต่างประเทศเป็นเงินบาท วงเงินรวม 24,209 ล้านบาท เพื่อปิดความเสี่ยงในอัตราแลกเปลี่ยน
(2) ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างพันธบัตรชดเชยการขาดดุลงบประมาณที่ครบกำหนดไถ่ถอน 15,000 ล้านบาท โดยชำระคืน 5,000 ล้านบาท และกู้เงินระยะสั้นเพื่อนำเงินมาไถ่ถอนพันธบัตร 10,000 ล้านบาท และได้ทยอยประมูลพันธบัตรเพื่อชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น โดยได้รับเงินในเดือนนี้ 8,000 ล้านบาท ทั้งนี้ การออกพันธบัตรดังกล่าว นอกจากจะมีเป้าหมายเพื่อขยายระยะเงินกู้แล้ว ยังมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศด้วย
สำหรับรัฐวิสาหกิจ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้กู้เงินในประเทศเพื่อ Roll Over หนี้เดิม 5,500 ล้านบาท
1.2 ใน 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2549 :-
(1) ด้านต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศ โดยการชำระคืนเงินกู้ ECP ที่ใช้เป็น Bridge Financing ในการ Refinance เงินกู้ JBIC ก่อนครบกำหนด 190 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 7,675 ล้านบาท และ Roll Over เงินกู้ ECP ที่ใช้เป็น Bridge Financing ในการ Refinance เงินกู้ ธนาคารพัฒนาเอเชียและธนาคารโลก 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 7,908 ล้านบาท ซึ่งภายหลังได้กู้เงินในรูปตราสารอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (FRN) วงเงิน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อชำระคืนเงินกู้ ECP ดังกล่าว ผลจากการดำเนินงานดังกล่าวสามารถลดยอดหนี้คงค้างได้รวม 7,675 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้ 1,083 ล้านบาท
สำหรับรัฐวิสาหกิจได้ชำระคืนหนี้เงินกู้จาก JBIC ก่อนครบกำหนด 14,506 ล้านเยน หรือเทียบเท่า 4,995 ล้านบาท และ Refinance เงินกู้ JBIC ด้วยเงินบาท 14,754 ล้านเยน หรือเทียบเท่า 5,000 ล้านบาท และได้ปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศโดยการทำ เงินกู้ต่างประเทศเป็นเงินบาท วงเงินรวม 24,209 ล้านบาท เพื่อปิดความเสี่ยงในอัตราแลกเปลี่ยน ผลจากการดำเนินการดังกล่าวทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้รวม 4,995 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 1,290 ล้านบาท
(2) ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 10,000 ล้านบาท พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF1) 50,000 ล้านบาท และ Roll Over หนี้ของรัฐวิสาหกิจรวม 14,400 ล้านบาท
การกู้เงินของภาครัฐ
2.1 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2549 :-
กระทรวงการคลังได้ออกพันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF3) 9,654 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรออมทรัพย์ 1,654 ล้านบาท และพันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษ วงเงิน 24,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับเงินจากการประมูลพันธบัตรในเดือนนี้ 8,000 ล้านบาท สำหรับรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศรวม 6,870 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เพื่อลงทุน 4,870 ล้านบาท และกู้เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน 2,000 ล้านบาท
2.2 ใน 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2549 :-
ภาครัฐได้กู้เงินรวม 53,954 ล้านบาท เป็นการกู้ของรัฐวิสาหกิจตามแผนก่อหนี้จากต่างประเทศ 250 ล้านบาท และการกู้เงินในประเทศ 53,704 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้ของกระทรวงการคลัง 29,154 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจ 24,550 ล้านบาท
3. การชำระหนี้ของภาครัฐ
3.1 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2549 :-
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ 6,269 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 400 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 5,869 ล้านบาท
3.2 ในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2549 :-
กระทรวงการคลังได้ชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ยจากงบประมาณรวม 49,499 ล้านบาท และกองทุนฯ ชำระคืนพันธบัตรที่ครบกำหนดไถ่ถอน 20,000 ล้านบาท
สถานะหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2549
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 มกราคม 2549 มีจำนวน 3,243,403 ล้านบาท หรือร้อยละ 41.70 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 1,883,445 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,007,419 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 352,539 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหนี้สาธารณะลดลง 52,635 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 26,123 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินลดลง 29,542 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 49,216 ล้านบาท
หนี้สาธารณะจำแนกได้เป็นหนี้ต่างประเทศ 559,391 ล้านบาท หรือร้อยละ 17.25 และหนี้ในประเทศ 2,684,012 ล้านบาท หรือร้อยละ 82.75 และเป็นหนี้ระยะยาว 2,629,666 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.08 และหนี้ระยะสั้น 613,737 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.92 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 29/2549 31 มีนาคม 49--
การปรับโครงสร้างหนี้ของภาครัฐ
1.1 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2549 :-
(1) ด้านต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ Refinance เงินกู้ ECP (Euro Commercial Paper) ซึ่งใช้เป็นBridge Financing ในการ Refinance เงินกู้ธนาคารพัฒนาเอเชียและธนาคารโลก วงเงิน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 7,855 ล้านบาท โดยวิธีการออกตราสารอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate Notes : FRN) ระยะไถ่ถอน 3 ปี และได้ดำเนินการแปลงหนี้โดยการทำ Coupon Swap จากอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสกุลเงินเหรียญสหรัฐ เป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสกุลเงินบาท ผลจากการทำ Coupon Swap ดังกล่าว จะสามารถประหยัดภาระดอกเบี้ยได้ประมาณ 211 ล้านบาท
รัฐวิสาหกิจ ได้แก่ บริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด การประปานครหลวง และ บริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) ได้ทำการ Swap เงินกู้ต่างประเทศเป็นเงินบาท วงเงินรวม 24,209 ล้านบาท เพื่อปิดความเสี่ยงในอัตราแลกเปลี่ยน
(2) ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างพันธบัตรชดเชยการขาดดุลงบประมาณที่ครบกำหนดไถ่ถอน 15,000 ล้านบาท โดยชำระคืน 5,000 ล้านบาท และกู้เงินระยะสั้นเพื่อนำเงินมาไถ่ถอนพันธบัตร 10,000 ล้านบาท และได้ทยอยประมูลพันธบัตรเพื่อชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น โดยได้รับเงินในเดือนนี้ 8,000 ล้านบาท ทั้งนี้ การออกพันธบัตรดังกล่าว นอกจากจะมีเป้าหมายเพื่อขยายระยะเงินกู้แล้ว ยังมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศด้วย
สำหรับรัฐวิสาหกิจ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้กู้เงินในประเทศเพื่อ Roll Over หนี้เดิม 5,500 ล้านบาท
1.2 ใน 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2549 :-
(1) ด้านต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศ โดยการชำระคืนเงินกู้ ECP ที่ใช้เป็น Bridge Financing ในการ Refinance เงินกู้ JBIC ก่อนครบกำหนด 190 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 7,675 ล้านบาท และ Roll Over เงินกู้ ECP ที่ใช้เป็น Bridge Financing ในการ Refinance เงินกู้ ธนาคารพัฒนาเอเชียและธนาคารโลก 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 7,908 ล้านบาท ซึ่งภายหลังได้กู้เงินในรูปตราสารอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (FRN) วงเงิน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อชำระคืนเงินกู้ ECP ดังกล่าว ผลจากการดำเนินงานดังกล่าวสามารถลดยอดหนี้คงค้างได้รวม 7,675 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้ 1,083 ล้านบาท
สำหรับรัฐวิสาหกิจได้ชำระคืนหนี้เงินกู้จาก JBIC ก่อนครบกำหนด 14,506 ล้านเยน หรือเทียบเท่า 4,995 ล้านบาท และ Refinance เงินกู้ JBIC ด้วยเงินบาท 14,754 ล้านเยน หรือเทียบเท่า 5,000 ล้านบาท และได้ปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศโดยการทำ เงินกู้ต่างประเทศเป็นเงินบาท วงเงินรวม 24,209 ล้านบาท เพื่อปิดความเสี่ยงในอัตราแลกเปลี่ยน ผลจากการดำเนินการดังกล่าวทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้รวม 4,995 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 1,290 ล้านบาท
(2) ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 10,000 ล้านบาท พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF1) 50,000 ล้านบาท และ Roll Over หนี้ของรัฐวิสาหกิจรวม 14,400 ล้านบาท
การกู้เงินของภาครัฐ
2.1 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2549 :-
กระทรวงการคลังได้ออกพันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF3) 9,654 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรออมทรัพย์ 1,654 ล้านบาท และพันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษ วงเงิน 24,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับเงินจากการประมูลพันธบัตรในเดือนนี้ 8,000 ล้านบาท สำหรับรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศรวม 6,870 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เพื่อลงทุน 4,870 ล้านบาท และกู้เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน 2,000 ล้านบาท
2.2 ใน 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2549 :-
ภาครัฐได้กู้เงินรวม 53,954 ล้านบาท เป็นการกู้ของรัฐวิสาหกิจตามแผนก่อหนี้จากต่างประเทศ 250 ล้านบาท และการกู้เงินในประเทศ 53,704 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้ของกระทรวงการคลัง 29,154 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจ 24,550 ล้านบาท
3. การชำระหนี้ของภาครัฐ
3.1 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2549 :-
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ 6,269 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 400 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 5,869 ล้านบาท
3.2 ในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2549 :-
กระทรวงการคลังได้ชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ยจากงบประมาณรวม 49,499 ล้านบาท และกองทุนฯ ชำระคืนพันธบัตรที่ครบกำหนดไถ่ถอน 20,000 ล้านบาท
สถานะหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2549
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 มกราคม 2549 มีจำนวน 3,243,403 ล้านบาท หรือร้อยละ 41.70 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 1,883,445 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,007,419 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 352,539 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหนี้สาธารณะลดลง 52,635 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 26,123 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินลดลง 29,542 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 49,216 ล้านบาท
หนี้สาธารณะจำแนกได้เป็นหนี้ต่างประเทศ 559,391 ล้านบาท หรือร้อยละ 17.25 และหนี้ในประเทศ 2,684,012 ล้านบาท หรือร้อยละ 82.75 และเป็นหนี้ระยะยาว 2,629,666 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.08 และหนี้ระยะสั้น 613,737 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.92 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 29/2549 31 มีนาคม 49--