วันนี้(5 มิ.ย.49) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาตอบโต้นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รมช.พาณิชย์ กรณี คนใกล้ตัว ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมต.พาณิชย์ หากินกับโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ว่านายปรีชาไม่ควรออกมาตอบโต้ แทน รมต.สมคิด เรื่องไม่มีคนใกล้ชิดของดร.สมคิดไปหากินกับโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เพราะนายยุทธพงศ์ไม่ได้กล่าวหาว่าเป็นคนใกล้ชิดของนายปรีชา แต่ได้บอกไปแล้วว่าเป็นใคร? นักข่าวรู้ไปทั้งกระทรวงพาณิชย์ แล้ว แต่นายปรีชายังไม่รู้เพราะนายปรีชามัวตรวจชาเขียว รอไว้ให้ดร.สมคิด กลับมาจากเมืองจีนก่อน หากดร.สมคิดยังไม่รู้ว่าเป็นใคร ให้ท่านบอกตนโดยพร้อมจะไปชี้ตัวให้ท่านเอง
จากการที่นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รมช.พาณิชย์แถลงข่าวว่า “ที่ไม่ให้โรงสีแปรสภาพข้าวเปลือกที่รับจำนำจากชาวนา ถือเป็นมาตรการที่จะป้องกันการปลอมปนข้าวหอมะลิ เช่น เดียวกับที่เคยเกิดปัญหาการนำข้าวหอมปทุมธานี 1 มาปลอมปนกับข้าวหอมมะลิเมื่อปีที่แล้ว เพื่อไม่ให้ราคาข้าวในประเทศตกต่ำจนเกินไป” นั้น นายยุทธพงศ์ได้ชี้แจงว่า หากนายปรีชาตั้งใจจะแก้ปัญหาการปลอมปนข้าวจริงๆ ตนขอถามว่า ที่ กระทรวงพาณิชย์ ไปจับโรงสีที่ปลอมปนข้าว 57 แห่ง ตั้งแต่โครงการรับจำนำข้าว ปี 2547/2548 เหตุใด กระทรวงพาณิชย์ จึงไม่ดำเนินคดีกับโรงสีเหล่านั้น แต่กลับมาเจรจากับโรงสีที่โกงข้าวรัฐบาลว่า เป็นคดีอาญาที่สมยอมความกันได้ ถ้าโรงสีเหล่านั้นมาซื้อข้าวสารกลับคืนไป กระทรวงพาณิชย์ ก็ยินดีที่จะถอนคดีให้ แต่คนที่ร้อนใจกลับกลายเป็นตนที่ต้องทำหนังสือถึง ดร.สมคิดเพื่อให้เร่งดำเนินคดีกับโรงสีที่โกงข้าวรัฐบาล (หลักฐานจาก นสพ.ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 27 มี.ค. 2549)
พร้อมกันนี้นายยุทธพงศ์ได้ตั้งคำถามถึงนายปรีชาว่า ตอนนี้พวกโกงข้าวรัฐบาลจับติดคุกหรือยัง? ดำเนินคดีไปถึงไหนแล้ว? และหากต้องการป้องกันการปลอมปนด้วยความจริงใจ เวลาจับพวกปลอมปนข้าวได้มาเป็นปีๆแล้วเหตุใดนายปรีชาจึงไม่รีบเอาติดคุกให้เรียบร้อย แถมมิหนำซ้ำไปเอามาร่วมโครงการรับจำนำปี 2548/2549 อีก และถูกจับอีก และเรื่องนี้นายปรีชาดูแลอย่างไร โครงการรับจำนำข้าวให้ท่านนายกฯ ทักษิณ อย่างไร?
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่ามีคนใกล้ชิดของ รมต.สมคิด ที่หากินกับโครงการรับจำนำข้าว และยืนยันว่าหาก ดร.สมคิดเชิญตนไปพบท่าน ตนก็จะไปชี้ตัวให้ท่านเอง
นายยุทธพงศ์ยอมรับว่าที่บ้านตนทำธุรกิจ โรงสีที่ จ.มหาสารคาม จริงและใครก็รู้มานานแล้ว ท่านนายกฯทักษิณ ก็เคยกินข้าวหอมะลิจากโรงสีของตน นายปรีชาไม่เชื่อให้ไปถามท่านนายกได้ และที่บ้านทำโรงสีจึงทำให้ตนเองรู้เรื่องข้าวและรู้เรื่องชาวนาดี แต่เรื่องนี้ควรเอาข้อเท็จจริงมาว่ากันดีกว่า คือเรื่องการแปรสภาพข้าว ถ้ารัฐบาลต้องการเก็บข้าวไว้นาน และข้าวเสื่อมคุณภาพขึ้นมา โรงสีและบริษัทเซอรเวย์เยอร์ ต้องรับผิดชอบ แสดงว่านายปรีชาไม่ได้รู้เรื่องเลย ว่า ข้าวทั้งหมดนี้เป็นของรัฐบาล เอาเงินหลวงไปซื้อ แล้วจะเก็บให้มันเสียหายด้วยเหตุใด และทำไมจึงไม่รีบแปรสภาพตอนที่ยังดีๆ อยู่แต่กลับมาเก็บให้เสื่อมสภาพ ในส่วนที่อยู่กับชาวนา ชาวนายิ่งจนอยู่ ยังต้องมารับผิดชอบข้าวให้จนลงไปอีกหรือเปล่า
“ผมขอท้าเสี่ยปรีชาฯ เดินทางไปถามชาวนากับผมทางภาคอีสานกันไหมว่าเขาเดือดร้อนหรือไม่ เพราะเสี่ยปรีชาฯก็อยู่แถวๆอุบล บ้านผมก็อยู่ที่ จ.มหาสารคาม และพาสื่อมวลชนไปด้วย ทั้งหมดนี้เป็นนโยบายของพรรคไทยรักไทย ถ้าชาวนาภาคอีสานเดือดร้อน ก็ขอให้จำเสี่ยปรีชาฯ ไว้ให้ดีแล้วๆกัน เพราะอีกไม่เกินเดือนตุลาคมนี้ คนภาคอีสานจะได้คิดบัญชีพรรคไทยรักไทย ผมยังเสียใจแทนคนภาคอีสานที่ท่านนายกฯ บอกว่าจะช่วยคนจน แต่เสี่ยปรีชาฯ และคนใกล้ชิด รมต. กลับมาทำร้ายคนจน” รองโฆษกฯ ประชาธิปัตย์กล่าวทิ้งท้าย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 5 มิ.ย. 2549--จบ--
จากการที่นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รมช.พาณิชย์แถลงข่าวว่า “ที่ไม่ให้โรงสีแปรสภาพข้าวเปลือกที่รับจำนำจากชาวนา ถือเป็นมาตรการที่จะป้องกันการปลอมปนข้าวหอมะลิ เช่น เดียวกับที่เคยเกิดปัญหาการนำข้าวหอมปทุมธานี 1 มาปลอมปนกับข้าวหอมมะลิเมื่อปีที่แล้ว เพื่อไม่ให้ราคาข้าวในประเทศตกต่ำจนเกินไป” นั้น นายยุทธพงศ์ได้ชี้แจงว่า หากนายปรีชาตั้งใจจะแก้ปัญหาการปลอมปนข้าวจริงๆ ตนขอถามว่า ที่ กระทรวงพาณิชย์ ไปจับโรงสีที่ปลอมปนข้าว 57 แห่ง ตั้งแต่โครงการรับจำนำข้าว ปี 2547/2548 เหตุใด กระทรวงพาณิชย์ จึงไม่ดำเนินคดีกับโรงสีเหล่านั้น แต่กลับมาเจรจากับโรงสีที่โกงข้าวรัฐบาลว่า เป็นคดีอาญาที่สมยอมความกันได้ ถ้าโรงสีเหล่านั้นมาซื้อข้าวสารกลับคืนไป กระทรวงพาณิชย์ ก็ยินดีที่จะถอนคดีให้ แต่คนที่ร้อนใจกลับกลายเป็นตนที่ต้องทำหนังสือถึง ดร.สมคิดเพื่อให้เร่งดำเนินคดีกับโรงสีที่โกงข้าวรัฐบาล (หลักฐานจาก นสพ.ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 27 มี.ค. 2549)
พร้อมกันนี้นายยุทธพงศ์ได้ตั้งคำถามถึงนายปรีชาว่า ตอนนี้พวกโกงข้าวรัฐบาลจับติดคุกหรือยัง? ดำเนินคดีไปถึงไหนแล้ว? และหากต้องการป้องกันการปลอมปนด้วยความจริงใจ เวลาจับพวกปลอมปนข้าวได้มาเป็นปีๆแล้วเหตุใดนายปรีชาจึงไม่รีบเอาติดคุกให้เรียบร้อย แถมมิหนำซ้ำไปเอามาร่วมโครงการรับจำนำปี 2548/2549 อีก และถูกจับอีก และเรื่องนี้นายปรีชาดูแลอย่างไร โครงการรับจำนำข้าวให้ท่านนายกฯ ทักษิณ อย่างไร?
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่ามีคนใกล้ชิดของ รมต.สมคิด ที่หากินกับโครงการรับจำนำข้าว และยืนยันว่าหาก ดร.สมคิดเชิญตนไปพบท่าน ตนก็จะไปชี้ตัวให้ท่านเอง
นายยุทธพงศ์ยอมรับว่าที่บ้านตนทำธุรกิจ โรงสีที่ จ.มหาสารคาม จริงและใครก็รู้มานานแล้ว ท่านนายกฯทักษิณ ก็เคยกินข้าวหอมะลิจากโรงสีของตน นายปรีชาไม่เชื่อให้ไปถามท่านนายกได้ และที่บ้านทำโรงสีจึงทำให้ตนเองรู้เรื่องข้าวและรู้เรื่องชาวนาดี แต่เรื่องนี้ควรเอาข้อเท็จจริงมาว่ากันดีกว่า คือเรื่องการแปรสภาพข้าว ถ้ารัฐบาลต้องการเก็บข้าวไว้นาน และข้าวเสื่อมคุณภาพขึ้นมา โรงสีและบริษัทเซอรเวย์เยอร์ ต้องรับผิดชอบ แสดงว่านายปรีชาไม่ได้รู้เรื่องเลย ว่า ข้าวทั้งหมดนี้เป็นของรัฐบาล เอาเงินหลวงไปซื้อ แล้วจะเก็บให้มันเสียหายด้วยเหตุใด และทำไมจึงไม่รีบแปรสภาพตอนที่ยังดีๆ อยู่แต่กลับมาเก็บให้เสื่อมสภาพ ในส่วนที่อยู่กับชาวนา ชาวนายิ่งจนอยู่ ยังต้องมารับผิดชอบข้าวให้จนลงไปอีกหรือเปล่า
“ผมขอท้าเสี่ยปรีชาฯ เดินทางไปถามชาวนากับผมทางภาคอีสานกันไหมว่าเขาเดือดร้อนหรือไม่ เพราะเสี่ยปรีชาฯก็อยู่แถวๆอุบล บ้านผมก็อยู่ที่ จ.มหาสารคาม และพาสื่อมวลชนไปด้วย ทั้งหมดนี้เป็นนโยบายของพรรคไทยรักไทย ถ้าชาวนาภาคอีสานเดือดร้อน ก็ขอให้จำเสี่ยปรีชาฯ ไว้ให้ดีแล้วๆกัน เพราะอีกไม่เกินเดือนตุลาคมนี้ คนภาคอีสานจะได้คิดบัญชีพรรคไทยรักไทย ผมยังเสียใจแทนคนภาคอีสานที่ท่านนายกฯ บอกว่าจะช่วยคนจน แต่เสี่ยปรีชาฯ และคนใกล้ชิด รมต. กลับมาทำร้ายคนจน” รองโฆษกฯ ประชาธิปัตย์กล่าวทิ้งท้าย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 5 มิ.ย. 2549--จบ--