ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.แถลงภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทยในช่วงไตรมาส 3 ปี 49 ว่าขยายตัวชะลอลง นางสุชาดา กิระกุล ผู้อำนวยการ
อาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงภาวะเศรษฐกิจและการเงินไตรมาส 3/49 ว่า การขยายตัวทาง
เศรษฐกิจชะลอลงจากไตรมาสก่อน โดยดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวชะลอลงอยู่ที่ 6.3% ต่ำกว่าไตรมาสก่อนเล็กน้อย และอัตราการใช้
กำลังการผลิตอยู่ที่ 73.9% ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนซึ่งอยู่ที่ 73.8% โดยหมวดอุตสาหกรรมสิ่งทอ และการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนรีดเย็น ที่ผลิตทั้ง
เพื่อขายในประเทศและส่งออก ปรับตัวชะลอลงมากจากไตรมาสก่อนอยู่ที่ -0.1% จาก 5.2% และ -0.6% จาก 4.6% ตามลำดับ นอกจากนี้
รายได้เกษตรกรในไตรมาส 3 ยังปรับลดลงอยู่ที่ 26.5% จากไตรมาสก่อนที่ขยายตัวสูงมากอยู่ที่ 44.5% เช่นเดียวกับผลผลิตพืชผลทางการเกษตร
ที่ลดลงอยู่ที่ 7% จาก 9.8% และราคาสินค้าเกษตรโดยรวมยังปรับลดลงในทิศทางเดียวกันอยู่ที่ 12.6% ชะลอลงมากจากไตรมาสก่อนที่ 31.5%
โดยเฉพาะหมวดพืชผลและหมวดปศุสัตว์ที่หดตัวมากขึ้นที่ 18.2% และ -12.6% จากเดิม 31.5% และ -7.4% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม มูลค่า
การส่งออกยังคงขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดีเพิ่มขึ้น 16.3% คิดเป็น 34.6 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แม้ว่า
ปริมาณการส่งออกจะมีอัตราที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่เป็นเพราะราคาสินค้าส่งออกปรับตัวดีขึ้นด้วย สำหรับในช่วงที่เหลือของปีนี้คง
ต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันที่อาจเกิดความผันผวนขึ้นได้ (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด, ไทยโพสต์)
2. ก.คลังเปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือน ก.ย.และไตรมาส 3 ปี 49 ว่ายังคงอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ
นายสมชัย สัจจพงษ์ รอง ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษก ก.คลัง เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือน ก.ย. และไตรมาสที่
3 ปี 49 ว่า ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังได้รับแรงสนับสนุนจากการส่งออกและการใช้จ่ายภาครัฐที่ขยายตัวในระดับสูง แม้ว่าการบริโภคและการ
ลงทุนภาคเอกชนจะชะลอลงเล็กน้อย ซึ่งเสถียรภาพเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกยังอยู่ในระดับแข็งแกร่ง ทั้งนี้ เครื่องชี้ภาคการคลังพบว่า
การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวสูงขึ้น โดยรายจ่าย งปม.ในเดือน ก.ย.เพิ่มขึ้น 23.2% ขณะที่รายได้สุทธิขยายตัว 9.5% ส่วนการผลิตในภาคเกษตร
เริ่มขยายตัวดีขึ้น จากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรขยายตัวดีขึ้นเล็กน้อยที่ 1.5% ต่อปี ด้านเครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรมชะลอลง ตามมูลค่าการนำเข้า
วัตถุดิบซึ่งขยายตัวชะลอลงที่ระดับ 10.6% และดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมซึ่งขยายตัวชะลอลงที่ระดับ 5.3% สำหรับเครื่องชี้ภาคบริการพบว่ายัง
ขยายตัวได้ดี โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 6.8% ขณะที่เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนจากรายได้
ภาษีมูลค่าเพิ่มขยายตัว 8.3% ส่วนเครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชนในหมวดก่อสร้างปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ด้านมูลค่าการส่งออกยังขยายตัวใน
ระดับสูงและมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีมูลค่าทั้งสิ้น 12,048 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 15.3% สำหรับมูลค่าการนำเข้าขยายตัวใน
ทิศทางชะลอลงมาอยู่ที่ 10,500 ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือเพิ่มขึ้น 9.0% เนื่องจากมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบที่ชะลอลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก
และการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่ลดลง (กรุงเทพธุรกิจ)
3. เอสแอนด์พีคงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยและถอนไทยออกจากประเทศที่ต้องจับตามอง บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ
สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) เปิดเผยว่า ได้ถอนไทยออกจาก “ประเทศที่ต้องจับตามอง” หรือเครดิตพินิจ หลังเหตุรัฐประหารเมื่อเดือน
ก.ย. และยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของหนี้สกุลเงินต่างประเทศของไทยไว้ที่ BBB+/A-2 และหนี้สกุลเงินท้องถิ่นที่ A/A-1 โดยระบุว่า แนวโน้ม
ความน่าเชื่อถือของไทยอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ ทั้งนี้ การยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของไทยสะท้อนมุมมองของเอสแอนด์พีที่เห็นว่า พื้นฐาน
ความน่าเชื่อถือของไทยยังเกื้อหนุนอันดับความน่าเชื่อถือในปัจจุบัน และการตัดสินใจถอนไทยออกจากชาติที่ต้องจับตา มีสาเหตุจากความเสี่ยงด้าน
นโยบายและความมั่นคงลดลง เนื่องจากฝ่ายบริหารให้คำมั่นจะจัดเลือกตั้งภายใน 1 ปี (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
4. กรมการค้าภายในชี้แจงการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำส่งผลกระทบต่อต้นทุนราคาสินค้าไม่มากนัก นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ
อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงผลกระทบต่อต้นทุนราคาสินค้าจากกรณีที่ ครม.มีมติอนุมัติให้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 3-8 บาท ตั้งแต่วันที่
1 ม.ค.50 ว่า ยอมรับว่าการปรับขึ้นค่าแรงจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าแต่ไม่มากนัก เพราะปัจจุบันสมาคมแรงงานมีการพัฒนาทักษะ
การผลิตของฝีมือแรงงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยเพิ่มขึ้นไม่มาก อย่างไรก็ตาม ต้นทุนด้านวัตถุดิบมีนัยสำคัญกว่าต้นทุนแรงงาน
(ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ สรอ. ณ สัปดาห์ล่าสุดเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ -3 รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อ 31 ต.ค.49 สำนักข่าว
ABC และ หนังสือพิมพ์ Washington Post เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ สรอ. (Consumer Comfort Index) ณ สัปดาห์สิ้นสุด
วันที่ 29 ต.ค.49 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ -3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี เนื่องจากราคาน้ำมันลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 3 เดือน ประกอบกับ
รายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 นอกจากนี้ ดัชนีองค์ประกอบย่อยของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค 2 ตัวเพิ่มขึ้นและอีก 1 ตัวไม่
เปลี่ยนแปลง คือ ดัชนีมุมมองภาวะเศรษฐกิจ สรอ.เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากสัปดาห์ก่อนหน้ามาอยู่ที่ร้อยละ 44 และดัชนีการเงินส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 3 มาอยู่ที่ร้อยละ 63 ส่วนดัชนีมุมมองฤดูกาลในการจับจ่ายใช้สอยไม่เปลี่ยนแปลงคงอยู่ที่ร้อยละ 38 อย่างไรก็ตาม เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
the Conference Board ได้รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค สรอ.ในเดือน ต.ค.49 ชะลอตัวลงเล็กน้อย อนึ่ง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
เป็นเครื่องชี้วัดมุมมองการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งมีสัดส่วน 2 ใน 3 ของระบบเศรษฐกิจ สรอ. อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ให้ข้อสังเกตว่า
ผู้บริโภคมักมีพฤติกรรมไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่ทำการสำรวจ ทั้งนี้ ผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ ABC/Washington Post ได้จากการ
สัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคประมาณ 1,000 คน ในรอบ 4 สัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 29 ต.ค.49 และมีค่าความผิดผลาดอยู่ระหว่างบวกลบ
ร้อยละ 3 (รอยเตอร์)
2. การฟื้นตัวของตลาดแรงงานเยอรมนีในปี 50 อาจชะลอตัวลง รายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่
31 ต.ค.49 สนง.แรงงานแห่งชาติของเยอรมนี คาดการณ์ว่า ตลาดแรงงานของเยอรมนีในปี 50 จะยังคงฟื้นตัวต่อเนื่องจากปีนี้ แต่อาจจะชะลอ
ตัวลง โดยรัฐบาลคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวประมาณร้อยละ 2.3 แต่การปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มอีกร้อยละ 3 ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่
1 มกราคม 2550 จะทำให้เศรษฐกิจปีหน้า (ปี 50) ขยายตัวลดลงเหลือร้อยละ 1.4 ทั้งนี้ คาดว่าถ้าเศรษฐกิจปีหน้าขยายตัวร้อยละ 1.25
จะส่งผลให้ยอดรวมอัตราการว่างงานจะลดลงประมาณ 170,000 อัตรา อยู่ที่ 4.37 ล้านอัตรา จากที่คาดว่าจะลดลง 326,000 อัตรา อยู่ที่
4.54 ล้านอัตรา ในปีนี้ ซึ่งภายในเงื่อนไขต่าง ๆ ข้างต้นอัตราการจ้างงานจะเพิ่มขึ้นประมาณ 125,000 อัตรา ในปีหน้า หลังจากที่เพิ่มขึ้น
213,000 อัตรา ในปีนี้ ทั้งนี้ อัตราการจ้างงานในปีหน้าจะลดลงหรือไม่ขึ้นอยู่ปัจจัยทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ (รอยเตอร์)
3. ยอดค้าปลีกของเยอรมนีลดลงเนื่องจากใกล้จะถึงกำหนดใช้ภาษีมูลค่าเพิ่มอัตราใหม่ รายงานจากบอร์ลิน เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 49
ยอดค้าปลีกของเยอรมนีในเดือน ก.ย. ลดลงอย่างผิดคาด แสดงว่าผู้บริโภคยังคงไม่จับจ่ายใช้สอย แม้ว่าจะยังไม่ถึงกำหนดการใช้อัตราการ
จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มอัตราใหม่ในวันที่ 1 ม.ค. ซึ่งจะส่งผลให้สินค้าต่างๆแพงขึ้นอีกก็ตาม ทั้งนี้ตัวเลขเบื้องต้นที่เปิดเผยโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ
ชี้ว่ายอดขายปลีกในเดือนก.ย. ลดลงจากเดือนก่อนหน้าราวร้อยละ 1.7 (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วยอดค้า
ปลีกลดลงร้อยละ 1.2 สวนทางกับผลการสำรวจนักวิเคราะห์ของรอยเตอร์ที่คาดการณ์ไว้ว่ายอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าโดยเฉลี่ย
ประมาณร้อยละ 0.5 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่งผลให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลของยูโรโซนในตลาดเมื่อเปิดทำการสูงขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามนาย Andreas Scheuerle นักเศรษฐศาสตร์จาก DekaBank กล่าวว่า ตัวเลขยอดค้าปลีกที่ลดลงสร้างความผิดหวังอย่างมาก
เนื่องจากภาษีมูลค่าเพิ่มอัตราใหม่น่าจะเริ่มส่งผลกระทบต่อยอดการค้าปลีกในเดือน พ.ย. และเดือน ธ.ค. มากกว่า (รอยเตอร์)
4. ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน ต.ค.49 ลดลงในอัตราสูงสุดในรอบ 7 เดือน รายงานจากลอนดอนเมื่อ 31 ต.ค.49 ดัชนีชี้วัด
ยอดค้าปลีกสำหรับเดือน ต.ค.49 จากผลสำรวจของสภาอุตสาหกรรมของอังกฤษในระหว่างวันที่ 27 ก.ย.ถึง 18 ต.ค.49 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ
-4 จากระดับ +14 ลดลงในอัตราสูงสุดในรอบ 7 เดือน ในขณะที่กลุ่มผู้ค้าปลีกเองคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ +16 และนักวิเคราะห์คาดว่าจะ
เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ +12 อย่างไรก็ดี กลุ่มผู้ค้าปลีกคาดว่ายอดขายจะฟื้นตัวในเดือนหน้า และดัชนีหลายตัวเช่น ดัชนีตลาดหลักทรัพย์และราคาบ้าน
ที่สูงขึ้นชี้ว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังอยู่ในเกณฑ์ดี ตลาดจึงยังคงคาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้กลุ่มผู้ค้าปลีกเสื้อผ้ามียอดขายเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วง 2 เดือนก่อนหน้าที่ยอดขายคงที่ โดยดัชนีชี้วัดยอดขายเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงสุด
ในรอบ 4 ปี (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 1 พ.ย. 49 31 ต.ค. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อม
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 36.754 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 36.5944/36.8785 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12188 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 722.46/10.11 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,450/10,550 10,400/10,500 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 56.08 54.88 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 28 ต.ค. 49 25.69*/24.24* 25.69*/24.24* 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.แถลงภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทยในช่วงไตรมาส 3 ปี 49 ว่าขยายตัวชะลอลง นางสุชาดา กิระกุล ผู้อำนวยการ
อาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงภาวะเศรษฐกิจและการเงินไตรมาส 3/49 ว่า การขยายตัวทาง
เศรษฐกิจชะลอลงจากไตรมาสก่อน โดยดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวชะลอลงอยู่ที่ 6.3% ต่ำกว่าไตรมาสก่อนเล็กน้อย และอัตราการใช้
กำลังการผลิตอยู่ที่ 73.9% ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนซึ่งอยู่ที่ 73.8% โดยหมวดอุตสาหกรรมสิ่งทอ และการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนรีดเย็น ที่ผลิตทั้ง
เพื่อขายในประเทศและส่งออก ปรับตัวชะลอลงมากจากไตรมาสก่อนอยู่ที่ -0.1% จาก 5.2% และ -0.6% จาก 4.6% ตามลำดับ นอกจากนี้
รายได้เกษตรกรในไตรมาส 3 ยังปรับลดลงอยู่ที่ 26.5% จากไตรมาสก่อนที่ขยายตัวสูงมากอยู่ที่ 44.5% เช่นเดียวกับผลผลิตพืชผลทางการเกษตร
ที่ลดลงอยู่ที่ 7% จาก 9.8% และราคาสินค้าเกษตรโดยรวมยังปรับลดลงในทิศทางเดียวกันอยู่ที่ 12.6% ชะลอลงมากจากไตรมาสก่อนที่ 31.5%
โดยเฉพาะหมวดพืชผลและหมวดปศุสัตว์ที่หดตัวมากขึ้นที่ 18.2% และ -12.6% จากเดิม 31.5% และ -7.4% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม มูลค่า
การส่งออกยังคงขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดีเพิ่มขึ้น 16.3% คิดเป็น 34.6 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แม้ว่า
ปริมาณการส่งออกจะมีอัตราที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่เป็นเพราะราคาสินค้าส่งออกปรับตัวดีขึ้นด้วย สำหรับในช่วงที่เหลือของปีนี้คง
ต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันที่อาจเกิดความผันผวนขึ้นได้ (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด, ไทยโพสต์)
2. ก.คลังเปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือน ก.ย.และไตรมาส 3 ปี 49 ว่ายังคงอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ
นายสมชัย สัจจพงษ์ รอง ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษก ก.คลัง เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือน ก.ย. และไตรมาสที่
3 ปี 49 ว่า ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังได้รับแรงสนับสนุนจากการส่งออกและการใช้จ่ายภาครัฐที่ขยายตัวในระดับสูง แม้ว่าการบริโภคและการ
ลงทุนภาคเอกชนจะชะลอลงเล็กน้อย ซึ่งเสถียรภาพเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกยังอยู่ในระดับแข็งแกร่ง ทั้งนี้ เครื่องชี้ภาคการคลังพบว่า
การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวสูงขึ้น โดยรายจ่าย งปม.ในเดือน ก.ย.เพิ่มขึ้น 23.2% ขณะที่รายได้สุทธิขยายตัว 9.5% ส่วนการผลิตในภาคเกษตร
เริ่มขยายตัวดีขึ้น จากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรขยายตัวดีขึ้นเล็กน้อยที่ 1.5% ต่อปี ด้านเครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรมชะลอลง ตามมูลค่าการนำเข้า
วัตถุดิบซึ่งขยายตัวชะลอลงที่ระดับ 10.6% และดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมซึ่งขยายตัวชะลอลงที่ระดับ 5.3% สำหรับเครื่องชี้ภาคบริการพบว่ายัง
ขยายตัวได้ดี โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 6.8% ขณะที่เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนจากรายได้
ภาษีมูลค่าเพิ่มขยายตัว 8.3% ส่วนเครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชนในหมวดก่อสร้างปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ด้านมูลค่าการส่งออกยังขยายตัวใน
ระดับสูงและมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีมูลค่าทั้งสิ้น 12,048 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 15.3% สำหรับมูลค่าการนำเข้าขยายตัวใน
ทิศทางชะลอลงมาอยู่ที่ 10,500 ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือเพิ่มขึ้น 9.0% เนื่องจากมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบที่ชะลอลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก
และการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่ลดลง (กรุงเทพธุรกิจ)
3. เอสแอนด์พีคงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยและถอนไทยออกจากประเทศที่ต้องจับตามอง บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ
สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) เปิดเผยว่า ได้ถอนไทยออกจาก “ประเทศที่ต้องจับตามอง” หรือเครดิตพินิจ หลังเหตุรัฐประหารเมื่อเดือน
ก.ย. และยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของหนี้สกุลเงินต่างประเทศของไทยไว้ที่ BBB+/A-2 และหนี้สกุลเงินท้องถิ่นที่ A/A-1 โดยระบุว่า แนวโน้ม
ความน่าเชื่อถือของไทยอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ ทั้งนี้ การยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของไทยสะท้อนมุมมองของเอสแอนด์พีที่เห็นว่า พื้นฐาน
ความน่าเชื่อถือของไทยยังเกื้อหนุนอันดับความน่าเชื่อถือในปัจจุบัน และการตัดสินใจถอนไทยออกจากชาติที่ต้องจับตา มีสาเหตุจากความเสี่ยงด้าน
นโยบายและความมั่นคงลดลง เนื่องจากฝ่ายบริหารให้คำมั่นจะจัดเลือกตั้งภายใน 1 ปี (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
4. กรมการค้าภายในชี้แจงการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำส่งผลกระทบต่อต้นทุนราคาสินค้าไม่มากนัก นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ
อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงผลกระทบต่อต้นทุนราคาสินค้าจากกรณีที่ ครม.มีมติอนุมัติให้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 3-8 บาท ตั้งแต่วันที่
1 ม.ค.50 ว่า ยอมรับว่าการปรับขึ้นค่าแรงจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าแต่ไม่มากนัก เพราะปัจจุบันสมาคมแรงงานมีการพัฒนาทักษะ
การผลิตของฝีมือแรงงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยเพิ่มขึ้นไม่มาก อย่างไรก็ตาม ต้นทุนด้านวัตถุดิบมีนัยสำคัญกว่าต้นทุนแรงงาน
(ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ สรอ. ณ สัปดาห์ล่าสุดเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ -3 รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อ 31 ต.ค.49 สำนักข่าว
ABC และ หนังสือพิมพ์ Washington Post เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ สรอ. (Consumer Comfort Index) ณ สัปดาห์สิ้นสุด
วันที่ 29 ต.ค.49 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ -3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี เนื่องจากราคาน้ำมันลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 3 เดือน ประกอบกับ
รายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 นอกจากนี้ ดัชนีองค์ประกอบย่อยของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค 2 ตัวเพิ่มขึ้นและอีก 1 ตัวไม่
เปลี่ยนแปลง คือ ดัชนีมุมมองภาวะเศรษฐกิจ สรอ.เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากสัปดาห์ก่อนหน้ามาอยู่ที่ร้อยละ 44 และดัชนีการเงินส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 3 มาอยู่ที่ร้อยละ 63 ส่วนดัชนีมุมมองฤดูกาลในการจับจ่ายใช้สอยไม่เปลี่ยนแปลงคงอยู่ที่ร้อยละ 38 อย่างไรก็ตาม เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
the Conference Board ได้รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค สรอ.ในเดือน ต.ค.49 ชะลอตัวลงเล็กน้อย อนึ่ง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
เป็นเครื่องชี้วัดมุมมองการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งมีสัดส่วน 2 ใน 3 ของระบบเศรษฐกิจ สรอ. อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ให้ข้อสังเกตว่า
ผู้บริโภคมักมีพฤติกรรมไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่ทำการสำรวจ ทั้งนี้ ผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ ABC/Washington Post ได้จากการ
สัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคประมาณ 1,000 คน ในรอบ 4 สัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 29 ต.ค.49 และมีค่าความผิดผลาดอยู่ระหว่างบวกลบ
ร้อยละ 3 (รอยเตอร์)
2. การฟื้นตัวของตลาดแรงงานเยอรมนีในปี 50 อาจชะลอตัวลง รายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่
31 ต.ค.49 สนง.แรงงานแห่งชาติของเยอรมนี คาดการณ์ว่า ตลาดแรงงานของเยอรมนีในปี 50 จะยังคงฟื้นตัวต่อเนื่องจากปีนี้ แต่อาจจะชะลอ
ตัวลง โดยรัฐบาลคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวประมาณร้อยละ 2.3 แต่การปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มอีกร้อยละ 3 ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่
1 มกราคม 2550 จะทำให้เศรษฐกิจปีหน้า (ปี 50) ขยายตัวลดลงเหลือร้อยละ 1.4 ทั้งนี้ คาดว่าถ้าเศรษฐกิจปีหน้าขยายตัวร้อยละ 1.25
จะส่งผลให้ยอดรวมอัตราการว่างงานจะลดลงประมาณ 170,000 อัตรา อยู่ที่ 4.37 ล้านอัตรา จากที่คาดว่าจะลดลง 326,000 อัตรา อยู่ที่
4.54 ล้านอัตรา ในปีนี้ ซึ่งภายในเงื่อนไขต่าง ๆ ข้างต้นอัตราการจ้างงานจะเพิ่มขึ้นประมาณ 125,000 อัตรา ในปีหน้า หลังจากที่เพิ่มขึ้น
213,000 อัตรา ในปีนี้ ทั้งนี้ อัตราการจ้างงานในปีหน้าจะลดลงหรือไม่ขึ้นอยู่ปัจจัยทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ (รอยเตอร์)
3. ยอดค้าปลีกของเยอรมนีลดลงเนื่องจากใกล้จะถึงกำหนดใช้ภาษีมูลค่าเพิ่มอัตราใหม่ รายงานจากบอร์ลิน เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 49
ยอดค้าปลีกของเยอรมนีในเดือน ก.ย. ลดลงอย่างผิดคาด แสดงว่าผู้บริโภคยังคงไม่จับจ่ายใช้สอย แม้ว่าจะยังไม่ถึงกำหนดการใช้อัตราการ
จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มอัตราใหม่ในวันที่ 1 ม.ค. ซึ่งจะส่งผลให้สินค้าต่างๆแพงขึ้นอีกก็ตาม ทั้งนี้ตัวเลขเบื้องต้นที่เปิดเผยโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ
ชี้ว่ายอดขายปลีกในเดือนก.ย. ลดลงจากเดือนก่อนหน้าราวร้อยละ 1.7 (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วยอดค้า
ปลีกลดลงร้อยละ 1.2 สวนทางกับผลการสำรวจนักวิเคราะห์ของรอยเตอร์ที่คาดการณ์ไว้ว่ายอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าโดยเฉลี่ย
ประมาณร้อยละ 0.5 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่งผลให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลของยูโรโซนในตลาดเมื่อเปิดทำการสูงขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามนาย Andreas Scheuerle นักเศรษฐศาสตร์จาก DekaBank กล่าวว่า ตัวเลขยอดค้าปลีกที่ลดลงสร้างความผิดหวังอย่างมาก
เนื่องจากภาษีมูลค่าเพิ่มอัตราใหม่น่าจะเริ่มส่งผลกระทบต่อยอดการค้าปลีกในเดือน พ.ย. และเดือน ธ.ค. มากกว่า (รอยเตอร์)
4. ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน ต.ค.49 ลดลงในอัตราสูงสุดในรอบ 7 เดือน รายงานจากลอนดอนเมื่อ 31 ต.ค.49 ดัชนีชี้วัด
ยอดค้าปลีกสำหรับเดือน ต.ค.49 จากผลสำรวจของสภาอุตสาหกรรมของอังกฤษในระหว่างวันที่ 27 ก.ย.ถึง 18 ต.ค.49 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ
-4 จากระดับ +14 ลดลงในอัตราสูงสุดในรอบ 7 เดือน ในขณะที่กลุ่มผู้ค้าปลีกเองคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ +16 และนักวิเคราะห์คาดว่าจะ
เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ +12 อย่างไรก็ดี กลุ่มผู้ค้าปลีกคาดว่ายอดขายจะฟื้นตัวในเดือนหน้า และดัชนีหลายตัวเช่น ดัชนีตลาดหลักทรัพย์และราคาบ้าน
ที่สูงขึ้นชี้ว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังอยู่ในเกณฑ์ดี ตลาดจึงยังคงคาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้กลุ่มผู้ค้าปลีกเสื้อผ้ามียอดขายเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วง 2 เดือนก่อนหน้าที่ยอดขายคงที่ โดยดัชนีชี้วัดยอดขายเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงสุด
ในรอบ 4 ปี (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 1 พ.ย. 49 31 ต.ค. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อม
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 36.754 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 36.5944/36.8785 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12188 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 722.46/10.11 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,450/10,550 10,400/10,500 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 56.08 54.88 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 28 ต.ค. 49 25.69*/24.24* 25.69*/24.24* 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--