วันนี้ (14 พค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ได้ออกมาพูดถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เข้าร่วมประชุมกับกกต.ในวันพรุ่งนี้ (15 พ.ค) โดยชี้แจงว่ากรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ระบุว่าบ้านเมืองยังวุ่นวายไม่พอ ประชาธิปัตย์ก็ไม่ให้ความร่วมมือกับกกต. นายสาธิตกล่าวว่าความวุ่นวายของบ้านเมืองในขณะนี้ต้นเหตุที่แท้จริงเกิดจากระบอบทักษิณ และตลอดระยะเวลาที่นายกทักษิณบริหารประเทศมา 5 ปี ก่อให้เกิดปัญหาของประเทศคือ ระบอบทักษิณก่อให้เกิดการโกงกินก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน ก่อให้เกิดการแทรกแซงองค์กรอิสระ จึงเกิดปัญหาอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงเป็นพรรคการเมืองหนึ่งที่อยู่ในซีกฝ่ายค้าน และทำหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล และรัฐบาลบริหารประเทศมา 5 ปีก็เกิดปัญหามากมาย ซึ่งปัญหาต่าง ๆ นั้นเกิดจากพรรคไทยรักไทยทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นต้นเหตุของวิกฤตบ้านเมืองที่แท้จริงนั้น นายสาธิตต้องการให้คุณหญิงสุดารัตน์กลับไปทบทวนเหตุการณ์ของบ้านเมืองที่ผ่านมาว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นเพราะใคร ที่สำคัญที่สุดการที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ไปร่วมประชุมกับกกต.ในวันพรุ่งนี้ไม่ได้เป็นเรื่องตั้งแง่หรือว่าเกี่ยงงอนใด ๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าเป็นที่ประจักษ์ว่าการปฏิบัติหน้าที่ การทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ผ่านมาจนสื่อมวลชนเองหรือว่าประชาชนได้ขนานนามกกต.อย่างชัดเจนว่าชื่อว่าวาสนา แยกพยางค์ว่า วาส-สะ-หนา
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่สำคัญกล่าวคือ กกต. เอียงเข้าข้างพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาล เหตุผลสำคัญคือพรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องการเป็นเครื่องมือของกกต.ในการสมคบกับพรรคไทยรักไทยเพื่อไปเร่งรีบกำหนดวันเลือกตั้งภายใต้ความวุ่นวายที่ยังไม่จบสิ้น หากปล่อยให้มีการเลือกตั้งและกกต.ชุดนี้ยังดูแลการเลือกตั้งอยู่ผมเรียนว่าเหตุผลสำคัญที่สังคมรับทราบและประจักษ์ดีก็คือว่าการที่คณะกรรมการการเลือกตั้งจะปฏิบัติหน้าที่กรณีการร้องเรียนของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งเป็นกรณีทีร้องเรียนเข้าไปในสารบบแล้วหมายความว่ามีเรื่องร้องเรียนว่าพรรคไทยรักไทยจ้างพรรคเล็กไปลงเลือกตั้งกกต.ก็ตั้งชัดอนุกรรมการไปสอบสวนและสรุปผลเรียบร้อยแล้ว แต่แทนที่พล.ต.อ.วาสนารับผลมาเกือบเดือนแทนที่จะดำเนินการให้ถูกต้องกลับจะไปเอาเรื่องกับพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง ๆ ที่ในเรื่องการร้องเรียนพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่อยู่ในสาระบบใด ๆ ทั้งสิ้น
“อาจจะพูดได้ว่าพ.ต.อ.วาสนาจะลุกขึ้นมาร้องเรียนพรรคประชาธิปัตย์หรืออย่างไร อันนี้เป็นที่ประจักษ์ว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งกับพรรคไทยรักไทยนั้นมีความใกล้ชิดสนิทสนมกันโน้มเอียงในพฤติกรรมต่าง ๆ มากมาย เพราะฉะนั้นถ้าเราเข้าไปร่วมประชุมในวันพรุ่งนี้เราก็รู้ผลการประชุมที่กำหนดไว้อย่างดีอยู่แล้วว่าธงของพรรคไทยรักไทยก็คือรีบที่จะจัดให้มีการเลือกตั้งให้เสร็จเร็วที่สุดภายใต้การควบคุมของกกต.ชุดนี้อันนี้คือเหตุผลที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่อาจเข้าร่วมในการดำเนินการกำหนดวันเลือกตั้งได้”
ต่อกรณีที่เกี่ยวกับเรื่องวีซีดีนั้น การที่พรรคไทยรักไทยนำวีซีดีของนายไทกรมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนมีข้อสังเกตว่าเนื้อหาของวีซีดีพบว่าหัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่าออกมาพูดกับนายไทกรว่าเป็นผู้กระทำความผิดที่ได้ทำเอกสารเท็จเพื่อลงรับสมัครเลือกตั้งในภาคใต้ เพื่อที่จะได้เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติครบเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมือใหญ่พรรคหนึ่ง นายสาธิตได้ตั้งข้อสังเกตว่าถ้าพรรคไทยรักไทยบริสุทธิ์ใจจริง ๆ พรรคไทยรักไทยควรจะดำเนินคดีกับหัวหน้าพรรคที่ดีกว่าในฐานะที่เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ด้วยการแก้เอกสารทำให้ลูกพรรคของตนเองมีคุณสมบัติครบในการลงสมัครรับเลือกตั้ง และต้องเร่งให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินการหัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่าแทนที่จะไปร่วมมือหรือใช้เจ้าหน้ที่ของรัฐกระทำผิดกฎหมายด้วยการติดตั้งกล้องวีดีโอเล็ก ๆ เพื่อแอบบันทึกและนำออกมาใส่ร้ายป้ายสีพรรคประชาธิปัตย์เพื่อเชื่อมโยงนายไทกรกับพรรคประชาธิปัตย์
พร้อมกันนี้นายสาธิตมีข้อสังเกตอีกว่าในทุกกรณีที่พรรคไทยรักไทยมีเรื่องพาดพิงถึงคนที่จะมาเป็นเครื่องมือในการหาพยานหลักฐานต้องยอมรับว่าถ้าเป็นบุคคลธรรมดาหรือว่าพรรคการเมืองอื่นทำไม่ค่อยได้ เพราะว่าไม่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ แต่ว่าพรรคไทยรักไทยจะใช้เจ้าหน้าที่ของรัฐโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปทำงานไปหาข้อมูลไปเอาหลักฐานมาได้ และหลังจากได้หลักฐานเสร็จจึงสร้างเรื่องบอกว่าเป็นการกระทำของพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม โดยจะเห็นได้ชัดว่านี่คือผลพวงของระบอบทักษิณที่ใช้เจ้าหน้าที่ของรัฐ ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งไปให้ความหวังเขาแล้วก็ใช้อำนาจหน้าที่บางทีก็ข่มขู่ก็มีถึงแม้จะมีข้ออ้างว่าหัวหน้าพรรคที่ดีกว่าไปแจ้งความว่ามีคนไปข่มขู่ และเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายซึ่งความจริงไม่มีใครไปข่มขู่เป็นการพูดคุยกันธรรมดา และยังไม่เห็นว่าที่ไปแจ้งความไว้แจ้งความเมื่อไร อย่างไร เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้เป็นข้อสังเกตที่ตนจะติดตามต่อไปว่าการอ้างหัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่าไปร้องทุกข์ว่ามีคนไปข่มขู่นั้น ได้มีการแจ้งความไว้เป็นหลักฐานหรือไม่ ถ้าไม่ได้มีการแจ้งความบันทึกไว้เป็นหลักฐานก็ชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ตรวจค้นซึ่งเป็นรองผู้กำกับไปเอากล้องวีดีโอไปถ่ายทำก็เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายในฐานะปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เราก็จะตรวจสอบต่อไป นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่าทุกกรณีพรรคไทยรักไทยจะใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจแทบทั้งนั้น นายสาธิตกล่าวในที่สุด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 พ.ค. 2549--จบ--
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่สำคัญกล่าวคือ กกต. เอียงเข้าข้างพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาล เหตุผลสำคัญคือพรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องการเป็นเครื่องมือของกกต.ในการสมคบกับพรรคไทยรักไทยเพื่อไปเร่งรีบกำหนดวันเลือกตั้งภายใต้ความวุ่นวายที่ยังไม่จบสิ้น หากปล่อยให้มีการเลือกตั้งและกกต.ชุดนี้ยังดูแลการเลือกตั้งอยู่ผมเรียนว่าเหตุผลสำคัญที่สังคมรับทราบและประจักษ์ดีก็คือว่าการที่คณะกรรมการการเลือกตั้งจะปฏิบัติหน้าที่กรณีการร้องเรียนของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งเป็นกรณีทีร้องเรียนเข้าไปในสารบบแล้วหมายความว่ามีเรื่องร้องเรียนว่าพรรคไทยรักไทยจ้างพรรคเล็กไปลงเลือกตั้งกกต.ก็ตั้งชัดอนุกรรมการไปสอบสวนและสรุปผลเรียบร้อยแล้ว แต่แทนที่พล.ต.อ.วาสนารับผลมาเกือบเดือนแทนที่จะดำเนินการให้ถูกต้องกลับจะไปเอาเรื่องกับพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง ๆ ที่ในเรื่องการร้องเรียนพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่อยู่ในสาระบบใด ๆ ทั้งสิ้น
“อาจจะพูดได้ว่าพ.ต.อ.วาสนาจะลุกขึ้นมาร้องเรียนพรรคประชาธิปัตย์หรืออย่างไร อันนี้เป็นที่ประจักษ์ว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งกับพรรคไทยรักไทยนั้นมีความใกล้ชิดสนิทสนมกันโน้มเอียงในพฤติกรรมต่าง ๆ มากมาย เพราะฉะนั้นถ้าเราเข้าไปร่วมประชุมในวันพรุ่งนี้เราก็รู้ผลการประชุมที่กำหนดไว้อย่างดีอยู่แล้วว่าธงของพรรคไทยรักไทยก็คือรีบที่จะจัดให้มีการเลือกตั้งให้เสร็จเร็วที่สุดภายใต้การควบคุมของกกต.ชุดนี้อันนี้คือเหตุผลที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่อาจเข้าร่วมในการดำเนินการกำหนดวันเลือกตั้งได้”
ต่อกรณีที่เกี่ยวกับเรื่องวีซีดีนั้น การที่พรรคไทยรักไทยนำวีซีดีของนายไทกรมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนมีข้อสังเกตว่าเนื้อหาของวีซีดีพบว่าหัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่าออกมาพูดกับนายไทกรว่าเป็นผู้กระทำความผิดที่ได้ทำเอกสารเท็จเพื่อลงรับสมัครเลือกตั้งในภาคใต้ เพื่อที่จะได้เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติครบเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมือใหญ่พรรคหนึ่ง นายสาธิตได้ตั้งข้อสังเกตว่าถ้าพรรคไทยรักไทยบริสุทธิ์ใจจริง ๆ พรรคไทยรักไทยควรจะดำเนินคดีกับหัวหน้าพรรคที่ดีกว่าในฐานะที่เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ด้วยการแก้เอกสารทำให้ลูกพรรคของตนเองมีคุณสมบัติครบในการลงสมัครรับเลือกตั้ง และต้องเร่งให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินการหัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่าแทนที่จะไปร่วมมือหรือใช้เจ้าหน้ที่ของรัฐกระทำผิดกฎหมายด้วยการติดตั้งกล้องวีดีโอเล็ก ๆ เพื่อแอบบันทึกและนำออกมาใส่ร้ายป้ายสีพรรคประชาธิปัตย์เพื่อเชื่อมโยงนายไทกรกับพรรคประชาธิปัตย์
พร้อมกันนี้นายสาธิตมีข้อสังเกตอีกว่าในทุกกรณีที่พรรคไทยรักไทยมีเรื่องพาดพิงถึงคนที่จะมาเป็นเครื่องมือในการหาพยานหลักฐานต้องยอมรับว่าถ้าเป็นบุคคลธรรมดาหรือว่าพรรคการเมืองอื่นทำไม่ค่อยได้ เพราะว่าไม่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ แต่ว่าพรรคไทยรักไทยจะใช้เจ้าหน้าที่ของรัฐโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปทำงานไปหาข้อมูลไปเอาหลักฐานมาได้ และหลังจากได้หลักฐานเสร็จจึงสร้างเรื่องบอกว่าเป็นการกระทำของพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม โดยจะเห็นได้ชัดว่านี่คือผลพวงของระบอบทักษิณที่ใช้เจ้าหน้าที่ของรัฐ ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งไปให้ความหวังเขาแล้วก็ใช้อำนาจหน้าที่บางทีก็ข่มขู่ก็มีถึงแม้จะมีข้ออ้างว่าหัวหน้าพรรคที่ดีกว่าไปแจ้งความว่ามีคนไปข่มขู่ และเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายซึ่งความจริงไม่มีใครไปข่มขู่เป็นการพูดคุยกันธรรมดา และยังไม่เห็นว่าที่ไปแจ้งความไว้แจ้งความเมื่อไร อย่างไร เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้เป็นข้อสังเกตที่ตนจะติดตามต่อไปว่าการอ้างหัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่าไปร้องทุกข์ว่ามีคนไปข่มขู่นั้น ได้มีการแจ้งความไว้เป็นหลักฐานหรือไม่ ถ้าไม่ได้มีการแจ้งความบันทึกไว้เป็นหลักฐานก็ชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ตรวจค้นซึ่งเป็นรองผู้กำกับไปเอากล้องวีดีโอไปถ่ายทำก็เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายในฐานะปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เราก็จะตรวจสอบต่อไป นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่าทุกกรณีพรรคไทยรักไทยจะใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจแทบทั้งนั้น นายสาธิตกล่าวในที่สุด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 พ.ค. 2549--จบ--