แท็ก
การนำเข้า
เศรษฐกิจเดือนธันวาคม 2548 เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปสงค์โดยรวมมีระดับใกล้เคียงเดือนก่อน แต่อัตราขยายตัวของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน อย่างไรก็ตาม การนำเข้าลดลงจากเดือนก่อนหน้า แต่มีอัตราการขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนสูงขึ้น เนื่องจากฐานปีก่อนที่ต่ำกว่าปกติ
ด้านอุปทาน ชะลอตัวจากเดือนก่อน โดยรายได้เกษตรกรชะลอลง จากปัจจัยด้านผลผลิตพืชผลหลัก ลดลงเป็นสำคัญ โดยเฉพาะยางพาราที่ได้รับผลกระทบจากภาวะฝนตกชุกและน้ำท่วม ด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงจากเดือนก่อน โดยบางส่วนเป็นผลจากปัจจัยชั่วคราวและฐานการผลิตที่อยู่ในระดับสูงในปีก่อน สำหรับภาคบริการ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศโดยรวมและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศในภาคใต้ปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ
เสถียรภาพเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี โดยด้านฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง ฐานะดุลบัญชีเดินสะพัดปรับตัวดีต่อเนื่อง และแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอตัวลง
สำหรับทั้งปี 2548 เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวจากปี 2547 ทั้งด้านอุปทานและอุปสงค์ โดยได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ การเพิ่มสูงขึ้นมากของราคาน้ำมัน และการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเป็นสำคัญ ขณะที่เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ดุลบัญชีเดินสะพัดทั้งปีขาดดุล โดยขาดดุลมากในครึ่งแรกของปี แต่กลับเกินดุลช่วงครึ่งหลังของปี ส่วนอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นช่วงครึ่งหลังของปี ตามการลอยตัวของราคาน้ำมัน และสินค้าในหมวดอาหารสดเป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี มีเงินทุนไหลเข้าสุทธิ และฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นและอยู่ในเกณฑ์มั่นคง อัตราว่างงานอยู่ในระดับต่ำ
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนธันวาคม 2548 และทั้งปี 2548 มีดังนี้
1. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธันวาคม 2548 ขยายตัวจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.1 ชะลอลงจากเดือนก่อน โดยการชะลอตัวเนื่องจากการผลิตในบางหมวดอุตสาหกรรมลดลงจากปัจจัยชั่วคราว ได้แก่ หมวดอาหารที่การผลิตน้ำตาลลดลงมากเนื่องจากโรงงานน้ำตาลเปิดหีบอ้อยช้ากว่าปีก่อน และหมวดผลิตภัณฑ์เคมีที่ยังมีการปิดซ่อม ขณะที่บางหมวดอุตสาหกรรมเป็นผลจากฐานที่สูงในปีก่อน ได้แก่ หมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และหมวดยาสูบ อย่างไรก็ตาม สินค้าหลายหมวดยังขยายตัวในเกณฑ์ดี ได้แก่ หมวดอิเล็กทรอนิกส์ตามการขยายตัวของการส่งออก IC และ Hard Disk Drive หมวดยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่งตามการออกรถยนต์นั่งรุ่นใหม่ สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 74.3 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 71.1 ในเดือนก่อน
สำหรับปี 2548 ผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 9.2 ชะลอลงจากร้อยละ 11.5 ในปี 2547 โดยเฉพาะหมวดยานยนต์ หมวดสิ่งทอ หมวดเครื่องหนัง หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า และหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ดี การผลิตในหมวดอิเล็กทรอนิกส์ยังขยายตัวในเกณฑ์สูง สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ระดับร้อยละ 72.6 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 70.7 ในปี 2547 หมวดที่เพิ่มขึ้นมากได้แก่ หมวดกระดาษและผลิตภัณฑ์ และหมวดวัสดุก่อสร้าง
2. ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 2.3 จากระยะเดียวกันปีก่อน เทียบกับที่หดตัวร้อยละ 0.2ในเดือนก่อน โดยเป็นผลมาจากการเร่งขึ้นของมูลค่าสินค้าอุปโภคบริโภคนำเข้า ณ ราคาคงที่ และภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ (ส่วนหนึ่งเนื่องจากฐานต่ำในปีก่อน) รวมทั้ง_ปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งขยายตัวเนื่องจากมีรถยนต์รุ่นใหม่เปิดตัวในตลาด ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 5.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 1.7 ตามการเพิ่มขึ้นของการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรเป็นสำคัญ โดยมูลค่านำเข้าสินค้าทุน ณ ราคาคงที่ ขยายตัวอยู่ในเกณฑ์สูง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานต่ำในปีก่อน
ในปี 2548 ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 0.6 ชะลอลงจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 3.9 ซึ่งเป็นการชะลอตัวลงทั้งการบริโภคสินค้าในกลุ่มคงทนและไม่คงทน โดยเฉพาะปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งและปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ที่ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 8.6 ชะลอตัวลงจาก ปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 10.0 สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 50 ต่อเนื่องมาจากปีก่อน อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี ขณะที่การลงทุนในหมวดก่อสร้างชะลอตัวลงจากปีก่อนมาก ตามการชะลอตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
3. ภาคการคลังเดือนธันวาคม 2548 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บ 98.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.1 ชะลอลงจากเดือนก่อน โดยรายได้ที่มิใช่ภาษีลดลงร้อยละ 25.6 จากการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจลดลงร้อยละ 56.1 เพราะเดือนเดียวกันปีก่อนมีการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจในระดับสูง ขณะที่รายได้ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยภาษีบนฐานการบริโภคปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัวดีในภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ภาษีบนฐานรายได้ชะลอตัวลงจากเดือนก่อน สำหรับดุลเงินสดรัฐบาลในเดือนนี้ขาดดุล 30.7 พันล้านบาท
ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2549 รายได้จัดเก็บของรัฐบาลเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.4 และ รัฐบาลขาดดุลเงินสด 109.0 พันล้านบาท
4. ภาคต่างประเทศ เดือนธันวาคม 2548 ดุลการค้าขาดดุล 176 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนที่ ขาดดุล 201 ล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ การส่งออกขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 11.6 คิดเป็นมูลค่า 9,352 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามการขยายตัวในหมวดสินค้าอุตสาหกรรม สำหรับการนำเข้าขยายตัวร้อยละ 26.0 (รวมการนำเข้าเครื่องบิน 1 ลำ) สูงกว่าเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 13.7 จากฐานที่ต่ำในปีก่อนหน้าเป็นสำคัญ คิดเป็นมูลค่า 9,528 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการนำเข้าขยายตัวทุกหมวด ยกเว้นหมวดเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ที่ชะลอลง ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนเกินดุล 577 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนที่เกินดุล 643 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการส่งกลับกำไรและเงินปันผลของบริษัทข้ามชาติ ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 401 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่วนดุลการชำระเงินเกินดุล 942 ล้านดอลลาร์ สรอ. เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2548 อยู่ที่ระดับ 52.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 3.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
สำหรับปี 2548 ดุลการค้าขาดดุล 8,578 ล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับปีก่อนที่เกินดุล 1,460 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการส่งออกขยายตัวร้อยละ 15.0 คิดเป็นมูลค่า 109,211 ล้านดอลลาร์ สรอ. ที่สำคัญ ได้แก่ สินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตสูง ส่วนการนำเข้าขยายตัวร้อยละ 26.0 คิดเป็นมูลค่า 117,788 ล้านดอลลาร์ สรอ. ที่สำคัญ ได้แก่ เหล็ก ทองคำ และน้ำมัน ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนเกินดุล 4,864 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากปีก่อนที่เกินดุล 5,405 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากผลกระทบของเหตุการณ์สึนามิที่ทำให้รายรับจากการท่องเที่ยวชะลอลง รวมทั้งรายจ่ายผลประโยชน์การลงทุน ที่ปรับสูงขึ้นตามผลประกอบการของธุรกิจในประเทศ ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 3,714 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการขาดดุลการค้าเป็นสำคัญ ส่วนดุลการชำระเงินเกินดุล 5,422 ล้านดอลลาร์ สรอ.
5. อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนธันวาคม 2548 เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.8 ชะลอลงจากเดือนก่อน ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 โดยเป็นผลจากราคาผักและผลไม้ที่ชะลอลงตามปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมากขึ้นจากภาวะน้ำท่วมที่คลี่คลายและสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ประกอบกับราคาไก่เนื้อและไข่ไก่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำเนื่องจากภาวะการระบาดของโรคไข้หวัดนกส่งผลให้ผู้บริโภคบางส่วนยังขาดความเชื่อมั่นในการบริโภค กอปรกับผู้ผลิตยังคงเร่งระบาย ผลผลิตออกจำหน่ายมากขึ้นเพื่อให้ทันราคาที่โน้มต่ำลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งราคาในหมวดพลังงานปรับตัวสูงขึ้นตามราคา น้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ โดยราคาน้ำมันเบนซิน 95 และเบนซิน 91 ปรับเพิ่มขึ้น 3 ครั้งในเดือนธันวาคมรวม 1.20 บาท และราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้น 2 ครั้งรวม 0.80 บาท สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับสูงขึ้นจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 2.6 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของราคาในหมวดยาสูบเป็นสำคัญ เนื่องจากการปรับขึ้นของอัตราภาษีสรรพสามิตบุหรี่ ทำให้ราคา ขายปลีกในประเทศปรับสูงขึ้น
ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.0 เทียบกับเดือนก่อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 ตามราคาหมวดผลิตภัณฑ์จากเหมืองและหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
ในปี 2548 อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน และดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.5 1.6 และ 9.2 ตามลำดับ
6. ภาวะการเงินเดือนธันวาคม 2548 เงินฝากธนาคารพาณิชย์ลดลงจากเดือนก่อน 26.0 พันล้านบาท แต่ขยายตัวร้อยละ 8.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลของการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่ ซึ่งเมื่อหักผลดังกล่าวออกแล้ว เงินฝากธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 4.8 เร่งขึ้นจากช่วงกลางปี เพราะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่เพิ่มขึ้นมีส่วนช่วยจูงใจผู้ฝากเงิน สำหรับสินเชื่อภาคเอกชนของธนาคารพาณิชย์ (รวมการถือครองหลักทรัพย์ของภาคเอกชน) ขยายตัวร้อยละ 8.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน และเมื่อหักผลของการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่ขยายตัวร้อยละ 4.0 เร่งขึ้นจากอัตราการขยายตัวในช่วงกลางปีเช่นกัน สอดคล้องกับการเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ ในปี 2548 เมื่อพิจารณาหักผลจากการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่แล้ว เงินฝากขยายตัวค่อนข้างต่ำช่วงต้นปี ขณะที่สินเชื่อภาคเอกชนอยู่ในแนวโน้มชะลอตัว แต่นับจากช่วงกลางปีเป็นต้นมา เงินฝากขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่เพิ่มขึ้นมีส่วนช่วยจูงใจผู้ฝากเงิน ขณะที่สินเชื่อภาคเอกชนเร่งตัวขึ้นเป็นลำดับเช่นกัน
ฐานเงินขยายตัวร้อยละ 5.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน ส่วนปริมาณเงิน M2 M2a และ M3 ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 8.2 5.3 และ 6.2 ตามลำดับ และอยู่ในแนวโน้มเร่งตัว
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ในเดือนธันวาคม 2548 ปรับเพิ่มขึ้นตามการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันเฉลี่ยเท่ากันที่ร้อยละ 3.85 สูงขึ้นจากค่าเฉลี่ยของเดือนก่อน
ในปี 2548 อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งมีการปรับขึ้นรวม 6 ครั้งในปี 2548 จากร้อยละ 2.00 ต่อปี เป็นระยะ 4.00 ต่อปี
7. ค่าเงินบาทเดือนธันวาคม 2548 เฉลี่ยอยู่ที่ 41.07 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นจากค่าเฉลี่ย 41.12 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในเดือนพฤศจิกายน โดยมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ การประกาศตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 3 ของไทยที่สูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด และการที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเริ่มชะลอลงในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม รวมทั้งความเชื่อมั่นในเงินดอลลาร์ สรอ. ที่ลดลง
สำหรับทั้งปี 2548 เงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 40.29 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ. ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 40.28 บาทในปี 2547
ระหว่างวันที่ 1-24 มกราคม 2549 ค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ สรอ. เฉลี่ยแข็งค่าขึ้นกว่าเดือนก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญ คือ การไหลเข้าของเงินทุนเพื่อมาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทย ประกอบกับความเชื่อมั่นต่อเงินดอลลาร์ สรอ. ลดลง
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
ด้านอุปทาน ชะลอตัวจากเดือนก่อน โดยรายได้เกษตรกรชะลอลง จากปัจจัยด้านผลผลิตพืชผลหลัก ลดลงเป็นสำคัญ โดยเฉพาะยางพาราที่ได้รับผลกระทบจากภาวะฝนตกชุกและน้ำท่วม ด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงจากเดือนก่อน โดยบางส่วนเป็นผลจากปัจจัยชั่วคราวและฐานการผลิตที่อยู่ในระดับสูงในปีก่อน สำหรับภาคบริการ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศโดยรวมและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศในภาคใต้ปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ
เสถียรภาพเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี โดยด้านฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง ฐานะดุลบัญชีเดินสะพัดปรับตัวดีต่อเนื่อง และแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอตัวลง
สำหรับทั้งปี 2548 เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวจากปี 2547 ทั้งด้านอุปทานและอุปสงค์ โดยได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ การเพิ่มสูงขึ้นมากของราคาน้ำมัน และการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเป็นสำคัญ ขณะที่เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ดุลบัญชีเดินสะพัดทั้งปีขาดดุล โดยขาดดุลมากในครึ่งแรกของปี แต่กลับเกินดุลช่วงครึ่งหลังของปี ส่วนอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นช่วงครึ่งหลังของปี ตามการลอยตัวของราคาน้ำมัน และสินค้าในหมวดอาหารสดเป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี มีเงินทุนไหลเข้าสุทธิ และฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นและอยู่ในเกณฑ์มั่นคง อัตราว่างงานอยู่ในระดับต่ำ
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนธันวาคม 2548 และทั้งปี 2548 มีดังนี้
1. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธันวาคม 2548 ขยายตัวจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.1 ชะลอลงจากเดือนก่อน โดยการชะลอตัวเนื่องจากการผลิตในบางหมวดอุตสาหกรรมลดลงจากปัจจัยชั่วคราว ได้แก่ หมวดอาหารที่การผลิตน้ำตาลลดลงมากเนื่องจากโรงงานน้ำตาลเปิดหีบอ้อยช้ากว่าปีก่อน และหมวดผลิตภัณฑ์เคมีที่ยังมีการปิดซ่อม ขณะที่บางหมวดอุตสาหกรรมเป็นผลจากฐานที่สูงในปีก่อน ได้แก่ หมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และหมวดยาสูบ อย่างไรก็ตาม สินค้าหลายหมวดยังขยายตัวในเกณฑ์ดี ได้แก่ หมวดอิเล็กทรอนิกส์ตามการขยายตัวของการส่งออก IC และ Hard Disk Drive หมวดยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่งตามการออกรถยนต์นั่งรุ่นใหม่ สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 74.3 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 71.1 ในเดือนก่อน
สำหรับปี 2548 ผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 9.2 ชะลอลงจากร้อยละ 11.5 ในปี 2547 โดยเฉพาะหมวดยานยนต์ หมวดสิ่งทอ หมวดเครื่องหนัง หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า และหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ดี การผลิตในหมวดอิเล็กทรอนิกส์ยังขยายตัวในเกณฑ์สูง สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ระดับร้อยละ 72.6 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 70.7 ในปี 2547 หมวดที่เพิ่มขึ้นมากได้แก่ หมวดกระดาษและผลิตภัณฑ์ และหมวดวัสดุก่อสร้าง
2. ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 2.3 จากระยะเดียวกันปีก่อน เทียบกับที่หดตัวร้อยละ 0.2ในเดือนก่อน โดยเป็นผลมาจากการเร่งขึ้นของมูลค่าสินค้าอุปโภคบริโภคนำเข้า ณ ราคาคงที่ และภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ (ส่วนหนึ่งเนื่องจากฐานต่ำในปีก่อน) รวมทั้ง_ปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งขยายตัวเนื่องจากมีรถยนต์รุ่นใหม่เปิดตัวในตลาด ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 5.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 1.7 ตามการเพิ่มขึ้นของการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรเป็นสำคัญ โดยมูลค่านำเข้าสินค้าทุน ณ ราคาคงที่ ขยายตัวอยู่ในเกณฑ์สูง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานต่ำในปีก่อน
ในปี 2548 ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 0.6 ชะลอลงจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 3.9 ซึ่งเป็นการชะลอตัวลงทั้งการบริโภคสินค้าในกลุ่มคงทนและไม่คงทน โดยเฉพาะปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งและปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ที่ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 8.6 ชะลอตัวลงจาก ปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 10.0 สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 50 ต่อเนื่องมาจากปีก่อน อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี ขณะที่การลงทุนในหมวดก่อสร้างชะลอตัวลงจากปีก่อนมาก ตามการชะลอตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
3. ภาคการคลังเดือนธันวาคม 2548 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บ 98.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.1 ชะลอลงจากเดือนก่อน โดยรายได้ที่มิใช่ภาษีลดลงร้อยละ 25.6 จากการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจลดลงร้อยละ 56.1 เพราะเดือนเดียวกันปีก่อนมีการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจในระดับสูง ขณะที่รายได้ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยภาษีบนฐานการบริโภคปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัวดีในภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ภาษีบนฐานรายได้ชะลอตัวลงจากเดือนก่อน สำหรับดุลเงินสดรัฐบาลในเดือนนี้ขาดดุล 30.7 พันล้านบาท
ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2549 รายได้จัดเก็บของรัฐบาลเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.4 และ รัฐบาลขาดดุลเงินสด 109.0 พันล้านบาท
4. ภาคต่างประเทศ เดือนธันวาคม 2548 ดุลการค้าขาดดุล 176 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนที่ ขาดดุล 201 ล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ การส่งออกขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 11.6 คิดเป็นมูลค่า 9,352 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามการขยายตัวในหมวดสินค้าอุตสาหกรรม สำหรับการนำเข้าขยายตัวร้อยละ 26.0 (รวมการนำเข้าเครื่องบิน 1 ลำ) สูงกว่าเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 13.7 จากฐานที่ต่ำในปีก่อนหน้าเป็นสำคัญ คิดเป็นมูลค่า 9,528 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการนำเข้าขยายตัวทุกหมวด ยกเว้นหมวดเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ที่ชะลอลง ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนเกินดุล 577 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนที่เกินดุล 643 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการส่งกลับกำไรและเงินปันผลของบริษัทข้ามชาติ ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 401 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่วนดุลการชำระเงินเกินดุล 942 ล้านดอลลาร์ สรอ. เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2548 อยู่ที่ระดับ 52.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 3.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
สำหรับปี 2548 ดุลการค้าขาดดุล 8,578 ล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับปีก่อนที่เกินดุล 1,460 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการส่งออกขยายตัวร้อยละ 15.0 คิดเป็นมูลค่า 109,211 ล้านดอลลาร์ สรอ. ที่สำคัญ ได้แก่ สินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตสูง ส่วนการนำเข้าขยายตัวร้อยละ 26.0 คิดเป็นมูลค่า 117,788 ล้านดอลลาร์ สรอ. ที่สำคัญ ได้แก่ เหล็ก ทองคำ และน้ำมัน ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนเกินดุล 4,864 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากปีก่อนที่เกินดุล 5,405 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากผลกระทบของเหตุการณ์สึนามิที่ทำให้รายรับจากการท่องเที่ยวชะลอลง รวมทั้งรายจ่ายผลประโยชน์การลงทุน ที่ปรับสูงขึ้นตามผลประกอบการของธุรกิจในประเทศ ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 3,714 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการขาดดุลการค้าเป็นสำคัญ ส่วนดุลการชำระเงินเกินดุล 5,422 ล้านดอลลาร์ สรอ.
5. อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนธันวาคม 2548 เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.8 ชะลอลงจากเดือนก่อน ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 โดยเป็นผลจากราคาผักและผลไม้ที่ชะลอลงตามปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมากขึ้นจากภาวะน้ำท่วมที่คลี่คลายและสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ประกอบกับราคาไก่เนื้อและไข่ไก่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำเนื่องจากภาวะการระบาดของโรคไข้หวัดนกส่งผลให้ผู้บริโภคบางส่วนยังขาดความเชื่อมั่นในการบริโภค กอปรกับผู้ผลิตยังคงเร่งระบาย ผลผลิตออกจำหน่ายมากขึ้นเพื่อให้ทันราคาที่โน้มต่ำลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งราคาในหมวดพลังงานปรับตัวสูงขึ้นตามราคา น้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ โดยราคาน้ำมันเบนซิน 95 และเบนซิน 91 ปรับเพิ่มขึ้น 3 ครั้งในเดือนธันวาคมรวม 1.20 บาท และราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้น 2 ครั้งรวม 0.80 บาท สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับสูงขึ้นจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 2.6 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของราคาในหมวดยาสูบเป็นสำคัญ เนื่องจากการปรับขึ้นของอัตราภาษีสรรพสามิตบุหรี่ ทำให้ราคา ขายปลีกในประเทศปรับสูงขึ้น
ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.0 เทียบกับเดือนก่อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 ตามราคาหมวดผลิตภัณฑ์จากเหมืองและหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
ในปี 2548 อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน และดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.5 1.6 และ 9.2 ตามลำดับ
6. ภาวะการเงินเดือนธันวาคม 2548 เงินฝากธนาคารพาณิชย์ลดลงจากเดือนก่อน 26.0 พันล้านบาท แต่ขยายตัวร้อยละ 8.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลของการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่ ซึ่งเมื่อหักผลดังกล่าวออกแล้ว เงินฝากธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 4.8 เร่งขึ้นจากช่วงกลางปี เพราะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่เพิ่มขึ้นมีส่วนช่วยจูงใจผู้ฝากเงิน สำหรับสินเชื่อภาคเอกชนของธนาคารพาณิชย์ (รวมการถือครองหลักทรัพย์ของภาคเอกชน) ขยายตัวร้อยละ 8.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน และเมื่อหักผลของการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่ขยายตัวร้อยละ 4.0 เร่งขึ้นจากอัตราการขยายตัวในช่วงกลางปีเช่นกัน สอดคล้องกับการเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ ในปี 2548 เมื่อพิจารณาหักผลจากการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่แล้ว เงินฝากขยายตัวค่อนข้างต่ำช่วงต้นปี ขณะที่สินเชื่อภาคเอกชนอยู่ในแนวโน้มชะลอตัว แต่นับจากช่วงกลางปีเป็นต้นมา เงินฝากขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่เพิ่มขึ้นมีส่วนช่วยจูงใจผู้ฝากเงิน ขณะที่สินเชื่อภาคเอกชนเร่งตัวขึ้นเป็นลำดับเช่นกัน
ฐานเงินขยายตัวร้อยละ 5.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน ส่วนปริมาณเงิน M2 M2a และ M3 ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 8.2 5.3 และ 6.2 ตามลำดับ และอยู่ในแนวโน้มเร่งตัว
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ในเดือนธันวาคม 2548 ปรับเพิ่มขึ้นตามการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันเฉลี่ยเท่ากันที่ร้อยละ 3.85 สูงขึ้นจากค่าเฉลี่ยของเดือนก่อน
ในปี 2548 อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งมีการปรับขึ้นรวม 6 ครั้งในปี 2548 จากร้อยละ 2.00 ต่อปี เป็นระยะ 4.00 ต่อปี
7. ค่าเงินบาทเดือนธันวาคม 2548 เฉลี่ยอยู่ที่ 41.07 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นจากค่าเฉลี่ย 41.12 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในเดือนพฤศจิกายน โดยมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ การประกาศตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 3 ของไทยที่สูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด และการที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเริ่มชะลอลงในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม รวมทั้งความเชื่อมั่นในเงินดอลลาร์ สรอ. ที่ลดลง
สำหรับทั้งปี 2548 เงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 40.29 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ. ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 40.28 บาทในปี 2547
ระหว่างวันที่ 1-24 มกราคม 2549 ค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ สรอ. เฉลี่ยแข็งค่าขึ้นกว่าเดือนก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญ คือ การไหลเข้าของเงินทุนเพื่อมาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทย ประกอบกับความเชื่อมั่นต่อเงินดอลลาร์ สรอ. ลดลง
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--