วันนี้(25 พ.ค.49) เวลา 09.00น. ที่โรงพยาบาลกลาง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายแพทย์บุรณัชย์ สมุทรักษ์ ได้ประชุมร่วมกับ ดร.อัมมาร สยามวาลา และนักวิชาการที่เกี่ยวข้องถึงปัญหาด้านสุขภาพในปัจจุบัน
หลังจากนั้นเวลา 12.00น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า การประชุมวันนี้ได้เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ทั้งบุคคลที่ทำงานในเรื่องโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ผู้ที่ทำงานเรื่องการดูแลสวัสดิการของข้าราชการ ผู้ดูแลเรื่องการประกันสังคม ตลอดทั้งผู้ที่ได้ศึกษาติดตามปัญหาในเรื่องการเงินการคลังมาหารือ เพราะปัญหาการรักษาพยาบาลยังเป็นปัญหาอยู่ สืบเนื่องมาจากการขาดแคลน และการบริหารจัดการในเรื่องของงบประมาณในระบบประกันสุขภาพทั้งหมด
‘หลายฝ่ายมีความกังวลอยู่มาก เพราะว่าถ้าปล่อยไปเรื่อย ๆ ในที่สุดแล้วความหวังในเรื่องประกันสุขภาพมันไม่เกิดขึ้น จะเกิดปัญหาเรื่องระบบ 2 มาตรฐานที่รุนแรงขึ้น จะเกิดปัญหาความกังวลของประชาชนที่จะเข้ารับการรักษาพยาบาลรับบริการต่าง ๆ และโดยเฉพาะการมองไปข้างหน้า ปัญหาของคนไทยในเรื่องของโรครื้อรัง ค่าใช้จ่ายสูง ประชากรสูงอายุขึ้นก็จะรุนแรง สิ่งที่น่าห่วงใยมากที่สุดคือเรื่องนโยบายทางด้านนี้อาจถูกมองว่านักการเมืองไม่สนใจแล้วก็ได้ เพราะถือว่าการทำในช่วงแรกที่จะได้คะแนนเสียงแต่จริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่มากตนก็ได้คาดการณ์ปัญหานี้มาแต่ต้นได้เคยอภิปรายเพราะเคยเป็นห่วงปัญหาเรื่องนี้จึงได้มาแลกเปลี่ยนในเรื่องของแนวทางในการที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แนวทางแก้ปัญหาต้องประกอบไปด้วยหลายส่วน ซึ่งพรรคจะนำเสนอในเรื่องนโยบายที่สมบูรณ์ต่อไป แต่เบื้องต้นในแง่ของการขยายสิทธิในการใช้ประกันสังคมการเพิ่มความคล่องตัวของระบบบริหารจัดการ ของโรงพยาบาลของรัฐเรื่องของการจัดการที่จะให้มีการใช้ระบบข้อมูลซึ่งมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะจัดสรรทรัพยากรให้มีประสิทธาภพมากขึ้นก็ดี ล้วนแล้วแต่เป็นแนวทางสพคัญทั้งสิ้น และเป็นประโยชน์มากในการได้ข้อมูลจากทุกด้าน เพราะว่าการแก้ไขปัยหาต้องไปกระทบหรือเกี่ยวพันกันหลายส่วน ซึ่งขณะนี้อาจจะยังไม่มีแนวทางที่ตรงกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่านโยบายเรื่องสุขภาพค่อนข้างมีความบกพร่อง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าอย่างที่ตนเคยย้ำว่า การประกาศหรือความตั้งใจเรื่องหลักประกันสุขภาพเป็นเรื่องที่ดี และนโยบาย 30 บาทก็ทำให้คนมาเข้าถึงบริการได้มากขึ้น แต่ว่าระบบการบริหารจัดการมีปัญหาตั้งแต่ต้น ทั้งเรื่องบริหารจัดการและเรื่องงบประมาณ ตลอดทั้งวิธีการจัดสรรงบประมาณ ในขณะที่ระบบการบริหารจัดการยังจะปรับตัวไม่ได้ ทีนี้ในเรื่องคุณภาพก็มีผลกระทบมากขึ้นๆ ในแง่ของความรู้สึกของประชาชนก็จะเห็นได้ชัดว่า ขาดความมั่นใจในบางเรื่อง เช่นเรื่องของคุณภาพยา หรือที่น่าห่วงกว่านั้นก็คือ ตัวชี้วัดด้านสุขภาพบางด้านก็บ่งบอกถึงปัญหาที่จะไปกระญหากลับแย่ลง นี่ก็เป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายรวมถึงฝ่ายการเมืองต้องให้ความสำคัญ ไม่ใช่มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ประเด็นเพราะไม่ใช้ในการหาเสียง
เมื่อถามว่าทางพรรคจะชูเรื่องตัวเลข 30 บาทหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องของตัวเลขถือว่ามีความสำคัญน้อยมาก พรรคคิดว่าจะสามารถทำให้คุณภาพการบริหาร การรักษาพยาบาลดีขึ้น และไม่ต้องเก็บเงินเพิ่ม สำหรับเกณฑ์การรักษานั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้การใช้ระบบและการจัดการทรัพยากร ซึ่งหากแก้ปัญหาส่วนนี้ได้ ตัวเลข 30 บาทที่พูดถึงจะกลายเป็นเรื่องที่เล็กมาก เพราะขณะนี้เรากำลังพูดว่ามีการใช้เงินในโครงการ 30 บาทปีละเกือบแสนล้าน แต่ตัวเลขที่ได้จากโครงการ 30 บาทมีเพียง 1-2 พันล้านเท่านั้น
‘ปัญหาหลักตอนนี้คือการบริหารจัดการ อย่างที่ผมบอกตอนนี้คือเรามีช่องทาง เรากำลังพูดถึงการขยายช่องทางสิทธิประกันสังคม ซึ่งจะเป็นแนวทางที่จะลดภาระในส่วน 30 บาทได้ แต่ว่าต้องทำด้วยความระมัดระวังและคำนึงถึงสิทธิของคนที่อยู่ในระบบนั้น จริงๆแล้วรัฐบาลก็มีความคิดหรือการเดินอยู่กลายๆ จากความพยายามที่บอกว่าจะไปดึงแรงงานนอกระบบขึ้นมา แต่ความเป็นจริงแล้วเรื่องเหล่านี้ยังทำไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือทำไมไม่มองระบบประกันสังคมให้ไปเทียบเคียงกับระบบราชการ ในเรื่องการดูแลครอบครัว ส่วนในแง่รายละเอียดทางการเงิน ส่วนหนึ่งกองทุนประกันสังคมก็จะรับได้ แต่อีกส่วนในหนึ่งก็ต้องมีการชดเชยหรือสมทบจากรัฐบาล แต่ว่าที่จะลดภาระจาก 30 บาทได้น่าจะคุ้มค่ากว่า’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากยึดตามเกณฑ์นี้ประชาชนที่ไม่มีประกันสังแต่มีสิทธิในโครงการ 30 จะถูกลดสิทธิ์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าจะไม่มีการปรับลดสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น แต่แนวทางนี้จะเป็นการลดภาระหนี้จากโครงการ 30 บาท เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะประกาศเป็นนโยบายได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้พรรคมีความพร้อมแล้ว แต่ด้านสาธารณสุขไม่ได้มีปัญหาเฉพาะโครงการ 30 บาทเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่เป็นปัญหา ดังนั้นเรื่องนโยบายจะต้องดูกันต่อไป
ต่อข้อซักถามว่านักวิชาการที่เข้าร่วมการประชุมเห็นด้วยกับแนวทางที่พรรคเสนอหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนคิดว่าแนวทางของพรรคมีเหตุและผลในตัวเอง ซึ่งทุกฝ่ายน่าจะเห็นเหตุผลและยอมรับได้มากกว่าที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลเคยคิดกันง่ายๆว่า เอาเงินที่ประชาชนสะสมมารวมกันแล้วเอาไปแก้ปัญหา ซึ่งโดยหลักแล้วเป็นเรื่องไม่ถูกต้องสำหรับคนในหลักประกันสังคม เราต้องมองถึงคนในครอบครัวด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25 พ.ค. 2549--จบ--
หลังจากนั้นเวลา 12.00น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า การประชุมวันนี้ได้เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ทั้งบุคคลที่ทำงานในเรื่องโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ผู้ที่ทำงานเรื่องการดูแลสวัสดิการของข้าราชการ ผู้ดูแลเรื่องการประกันสังคม ตลอดทั้งผู้ที่ได้ศึกษาติดตามปัญหาในเรื่องการเงินการคลังมาหารือ เพราะปัญหาการรักษาพยาบาลยังเป็นปัญหาอยู่ สืบเนื่องมาจากการขาดแคลน และการบริหารจัดการในเรื่องของงบประมาณในระบบประกันสุขภาพทั้งหมด
‘หลายฝ่ายมีความกังวลอยู่มาก เพราะว่าถ้าปล่อยไปเรื่อย ๆ ในที่สุดแล้วความหวังในเรื่องประกันสุขภาพมันไม่เกิดขึ้น จะเกิดปัญหาเรื่องระบบ 2 มาตรฐานที่รุนแรงขึ้น จะเกิดปัญหาความกังวลของประชาชนที่จะเข้ารับการรักษาพยาบาลรับบริการต่าง ๆ และโดยเฉพาะการมองไปข้างหน้า ปัญหาของคนไทยในเรื่องของโรครื้อรัง ค่าใช้จ่ายสูง ประชากรสูงอายุขึ้นก็จะรุนแรง สิ่งที่น่าห่วงใยมากที่สุดคือเรื่องนโยบายทางด้านนี้อาจถูกมองว่านักการเมืองไม่สนใจแล้วก็ได้ เพราะถือว่าการทำในช่วงแรกที่จะได้คะแนนเสียงแต่จริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่มากตนก็ได้คาดการณ์ปัญหานี้มาแต่ต้นได้เคยอภิปรายเพราะเคยเป็นห่วงปัญหาเรื่องนี้จึงได้มาแลกเปลี่ยนในเรื่องของแนวทางในการที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แนวทางแก้ปัญหาต้องประกอบไปด้วยหลายส่วน ซึ่งพรรคจะนำเสนอในเรื่องนโยบายที่สมบูรณ์ต่อไป แต่เบื้องต้นในแง่ของการขยายสิทธิในการใช้ประกันสังคมการเพิ่มความคล่องตัวของระบบบริหารจัดการ ของโรงพยาบาลของรัฐเรื่องของการจัดการที่จะให้มีการใช้ระบบข้อมูลซึ่งมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะจัดสรรทรัพยากรให้มีประสิทธาภพมากขึ้นก็ดี ล้วนแล้วแต่เป็นแนวทางสพคัญทั้งสิ้น และเป็นประโยชน์มากในการได้ข้อมูลจากทุกด้าน เพราะว่าการแก้ไขปัยหาต้องไปกระทบหรือเกี่ยวพันกันหลายส่วน ซึ่งขณะนี้อาจจะยังไม่มีแนวทางที่ตรงกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่านโยบายเรื่องสุขภาพค่อนข้างมีความบกพร่อง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าอย่างที่ตนเคยย้ำว่า การประกาศหรือความตั้งใจเรื่องหลักประกันสุขภาพเป็นเรื่องที่ดี และนโยบาย 30 บาทก็ทำให้คนมาเข้าถึงบริการได้มากขึ้น แต่ว่าระบบการบริหารจัดการมีปัญหาตั้งแต่ต้น ทั้งเรื่องบริหารจัดการและเรื่องงบประมาณ ตลอดทั้งวิธีการจัดสรรงบประมาณ ในขณะที่ระบบการบริหารจัดการยังจะปรับตัวไม่ได้ ทีนี้ในเรื่องคุณภาพก็มีผลกระทบมากขึ้นๆ ในแง่ของความรู้สึกของประชาชนก็จะเห็นได้ชัดว่า ขาดความมั่นใจในบางเรื่อง เช่นเรื่องของคุณภาพยา หรือที่น่าห่วงกว่านั้นก็คือ ตัวชี้วัดด้านสุขภาพบางด้านก็บ่งบอกถึงปัญหาที่จะไปกระญหากลับแย่ลง นี่ก็เป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายรวมถึงฝ่ายการเมืองต้องให้ความสำคัญ ไม่ใช่มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ประเด็นเพราะไม่ใช้ในการหาเสียง
เมื่อถามว่าทางพรรคจะชูเรื่องตัวเลข 30 บาทหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องของตัวเลขถือว่ามีความสำคัญน้อยมาก พรรคคิดว่าจะสามารถทำให้คุณภาพการบริหาร การรักษาพยาบาลดีขึ้น และไม่ต้องเก็บเงินเพิ่ม สำหรับเกณฑ์การรักษานั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้การใช้ระบบและการจัดการทรัพยากร ซึ่งหากแก้ปัญหาส่วนนี้ได้ ตัวเลข 30 บาทที่พูดถึงจะกลายเป็นเรื่องที่เล็กมาก เพราะขณะนี้เรากำลังพูดว่ามีการใช้เงินในโครงการ 30 บาทปีละเกือบแสนล้าน แต่ตัวเลขที่ได้จากโครงการ 30 บาทมีเพียง 1-2 พันล้านเท่านั้น
‘ปัญหาหลักตอนนี้คือการบริหารจัดการ อย่างที่ผมบอกตอนนี้คือเรามีช่องทาง เรากำลังพูดถึงการขยายช่องทางสิทธิประกันสังคม ซึ่งจะเป็นแนวทางที่จะลดภาระในส่วน 30 บาทได้ แต่ว่าต้องทำด้วยความระมัดระวังและคำนึงถึงสิทธิของคนที่อยู่ในระบบนั้น จริงๆแล้วรัฐบาลก็มีความคิดหรือการเดินอยู่กลายๆ จากความพยายามที่บอกว่าจะไปดึงแรงงานนอกระบบขึ้นมา แต่ความเป็นจริงแล้วเรื่องเหล่านี้ยังทำไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือทำไมไม่มองระบบประกันสังคมให้ไปเทียบเคียงกับระบบราชการ ในเรื่องการดูแลครอบครัว ส่วนในแง่รายละเอียดทางการเงิน ส่วนหนึ่งกองทุนประกันสังคมก็จะรับได้ แต่อีกส่วนในหนึ่งก็ต้องมีการชดเชยหรือสมทบจากรัฐบาล แต่ว่าที่จะลดภาระจาก 30 บาทได้น่าจะคุ้มค่ากว่า’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากยึดตามเกณฑ์นี้ประชาชนที่ไม่มีประกันสังแต่มีสิทธิในโครงการ 30 จะถูกลดสิทธิ์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าจะไม่มีการปรับลดสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น แต่แนวทางนี้จะเป็นการลดภาระหนี้จากโครงการ 30 บาท เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะประกาศเป็นนโยบายได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้พรรคมีความพร้อมแล้ว แต่ด้านสาธารณสุขไม่ได้มีปัญหาเฉพาะโครงการ 30 บาทเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่เป็นปัญหา ดังนั้นเรื่องนโยบายจะต้องดูกันต่อไป
ต่อข้อซักถามว่านักวิชาการที่เข้าร่วมการประชุมเห็นด้วยกับแนวทางที่พรรคเสนอหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนคิดว่าแนวทางของพรรคมีเหตุและผลในตัวเอง ซึ่งทุกฝ่ายน่าจะเห็นเหตุผลและยอมรับได้มากกว่าที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลเคยคิดกันง่ายๆว่า เอาเงินที่ประชาชนสะสมมารวมกันแล้วเอาไปแก้ปัญหา ซึ่งโดยหลักแล้วเป็นเรื่องไม่ถูกต้องสำหรับคนในหลักประกันสังคม เราต้องมองถึงคนในครอบครัวด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25 พ.ค. 2549--จบ--