นายสมชัย สัจจพงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังได้
แถลงฐานะการคลังตามระบบกระแสเงินสดตลอดปีงบประมาณ 2549 สรุปได้ว่า นโยบายการคลังได้มีส่วนช่วยใน
การกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลมีรายได้สุทธิต่ำกว่าที่ประมาณการตามเอกสารงบประมาณ เนื่องจากผลของการ
คืนภาษีของกรมสรรพากรที่สูงกว่าประมาณการถึง 29,658 ล้านบาท ในขณะที่รัฐบาลสามารถเบิกจ่ายงบประมาณ
ได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณขาดดุล และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่เกินดุล
ส่งผลให้ ดุลการคลัง (ดุลเงินสด) ของรัฐบาลเกินดุล 42,243 ล้านบาท ซึ่งโดยรวมแล้วสรุปได้ว่าฐานะการ
คลังของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2549 อยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพและอยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลัง ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับหนี้สาธารณะต่อ GDP และภาระหนี้ต่องบประมาณ
1. ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาล รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1,339,385 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณ
การตามเอกสารงบประมาณ 20,615 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.5 แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 74,453
ล้านบาท หรือร้อยละ 5.9 โดยมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ได้แก่ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นและมาตรการลดภาษี
สรรพสามิตน้ำมันดีเซลในช่วงต้นปีงบประมาณ ทำให้รายได้จากภาษีสรรพสามิตน้ำมันลดลง ค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าที่
ประมาณการไว้ ส่งผลต่อการจัดเก็บอากรขาเข้าของกรมศุลกากร ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้การจัดเก็บรายได้ภาษี
สรรพสามิตและภาษีศุลกากรต่ำกว่าประมาณการ ประกอบกับผลของการคืนภาษีของกรมสรรพากรที่สูงกว่าประมาณ
การ 29,568 ล้านบาท ซึ่งมีผลดีต่อสภาพคล่องของภาคเอกชนในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวลง ได้ทำให้รายได้
รัฐบาลสุทธิลดลงไปกว่าที่ประมาณการไว้อีกด้วย
2. รายจ่ายรัฐบาล มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 1,394,572 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียว
กันปีที่แล้วร้อยละ 11.6 โดยเป็นการเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายปี 2549 จำนวน 1,270,028 ล้านบาท
คิดเป็นอัตราการเบิกจ่ายร้อยละ 93.4 แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 1,006,881 ล้านบาท (อัตราการเบิกจ่าย
ร้อยละ 99.6) และรายจ่ายลงทุน 263,147 ล้านบาท (อัตราการเบิกจ่ายร้อยละ 75.3) และงบประมาณ
รายจ่ายปีก่อนอีก 124,544 ล้านบาท
3. ดุลการคลังรัฐบาลตามกระแสเงินสด รายได้สุทธิและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณข้างต้นส่งผล
ให้ดุลเงินงบประมาณขาดดุลจำนวน 55,187 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในระหว่างปีรัฐบาลได้ออกตั๋วเงินคลัง
เพื่อเสริมสภาพคล่องจำนวน 80,000 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลเงินนอกงบประมาณเกินดุล 97,430 ล้านบาท และ
ดุลการคลัง (ดุลเงินสด) เกินดุลจำนวน 42,243 ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดดังตารางที่ 1
ตารางที่ 1 ฐานะการคลังตามระบบกระแสเงินสดปี 2549
หน่วย: ล้านบาท
1. รายได้นำส่งคลัง 1,339,385
2. รายจ่าย 1,394,572
2.1 จากงบประมาณปีปัจจุบัน 1,270,028
2.2 จากงบประมาณปีก่อน 124,544
3. ดุลเงินงบประมาณ (1-2) -55,187
4. ดุลเงินนอกงบประมาณ 97,430
5. ดุลการคลัง(ดุลเงินสด) (3+4) 42,243
ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมบัญชีกลาง
4. กรอบความยั่งยืนทางการคลัง ในปีงบประมาณ 2549 การดำเนินนโยบายการคลังของ
รัฐบาลยังอยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลัง โดยสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม
2549 เท่ากับ 3,260,742 ล้านบาท เทียบเท่าร้อยละ 41.64 ของ GDP ต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนฯ
ที่ตั้งไว้ไม่เกินร้อยละ 50 ของ GDP นอกจากนี้ ภาระหนี้ต่องบประมาณ ณ สิ้นปีงบประมาณ 2549 เท่ากับ
ร้อยละ 9.6 ต่ำกว่ากรอบความยั่งยืน ฯ ที่ตั้งไว้ไม่เกินร้อยละ 15
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 90/2549 11 ตุลาคม 49--
แถลงฐานะการคลังตามระบบกระแสเงินสดตลอดปีงบประมาณ 2549 สรุปได้ว่า นโยบายการคลังได้มีส่วนช่วยใน
การกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลมีรายได้สุทธิต่ำกว่าที่ประมาณการตามเอกสารงบประมาณ เนื่องจากผลของการ
คืนภาษีของกรมสรรพากรที่สูงกว่าประมาณการถึง 29,658 ล้านบาท ในขณะที่รัฐบาลสามารถเบิกจ่ายงบประมาณ
ได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณขาดดุล และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่เกินดุล
ส่งผลให้ ดุลการคลัง (ดุลเงินสด) ของรัฐบาลเกินดุล 42,243 ล้านบาท ซึ่งโดยรวมแล้วสรุปได้ว่าฐานะการ
คลังของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2549 อยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพและอยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลัง ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับหนี้สาธารณะต่อ GDP และภาระหนี้ต่องบประมาณ
1. ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาล รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1,339,385 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณ
การตามเอกสารงบประมาณ 20,615 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.5 แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 74,453
ล้านบาท หรือร้อยละ 5.9 โดยมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ได้แก่ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นและมาตรการลดภาษี
สรรพสามิตน้ำมันดีเซลในช่วงต้นปีงบประมาณ ทำให้รายได้จากภาษีสรรพสามิตน้ำมันลดลง ค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าที่
ประมาณการไว้ ส่งผลต่อการจัดเก็บอากรขาเข้าของกรมศุลกากร ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้การจัดเก็บรายได้ภาษี
สรรพสามิตและภาษีศุลกากรต่ำกว่าประมาณการ ประกอบกับผลของการคืนภาษีของกรมสรรพากรที่สูงกว่าประมาณ
การ 29,568 ล้านบาท ซึ่งมีผลดีต่อสภาพคล่องของภาคเอกชนในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวลง ได้ทำให้รายได้
รัฐบาลสุทธิลดลงไปกว่าที่ประมาณการไว้อีกด้วย
2. รายจ่ายรัฐบาล มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 1,394,572 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียว
กันปีที่แล้วร้อยละ 11.6 โดยเป็นการเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายปี 2549 จำนวน 1,270,028 ล้านบาท
คิดเป็นอัตราการเบิกจ่ายร้อยละ 93.4 แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 1,006,881 ล้านบาท (อัตราการเบิกจ่าย
ร้อยละ 99.6) และรายจ่ายลงทุน 263,147 ล้านบาท (อัตราการเบิกจ่ายร้อยละ 75.3) และงบประมาณ
รายจ่ายปีก่อนอีก 124,544 ล้านบาท
3. ดุลการคลังรัฐบาลตามกระแสเงินสด รายได้สุทธิและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณข้างต้นส่งผล
ให้ดุลเงินงบประมาณขาดดุลจำนวน 55,187 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในระหว่างปีรัฐบาลได้ออกตั๋วเงินคลัง
เพื่อเสริมสภาพคล่องจำนวน 80,000 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลเงินนอกงบประมาณเกินดุล 97,430 ล้านบาท และ
ดุลการคลัง (ดุลเงินสด) เกินดุลจำนวน 42,243 ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดดังตารางที่ 1
ตารางที่ 1 ฐานะการคลังตามระบบกระแสเงินสดปี 2549
หน่วย: ล้านบาท
1. รายได้นำส่งคลัง 1,339,385
2. รายจ่าย 1,394,572
2.1 จากงบประมาณปีปัจจุบัน 1,270,028
2.2 จากงบประมาณปีก่อน 124,544
3. ดุลเงินงบประมาณ (1-2) -55,187
4. ดุลเงินนอกงบประมาณ 97,430
5. ดุลการคลัง(ดุลเงินสด) (3+4) 42,243
ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมบัญชีกลาง
4. กรอบความยั่งยืนทางการคลัง ในปีงบประมาณ 2549 การดำเนินนโยบายการคลังของ
รัฐบาลยังอยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลัง โดยสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม
2549 เท่ากับ 3,260,742 ล้านบาท เทียบเท่าร้อยละ 41.64 ของ GDP ต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนฯ
ที่ตั้งไว้ไม่เกินร้อยละ 50 ของ GDP นอกจากนี้ ภาระหนี้ต่องบประมาณ ณ สิ้นปีงบประมาณ 2549 เท่ากับ
ร้อยละ 9.6 ต่ำกว่ากรอบความยั่งยืน ฯ ที่ตั้งไว้ไม่เกินร้อยละ 15
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 90/2549 11 ตุลาคม 49--