กรุงเทพ--10 ก.พ.--กระทรวงการต่างประเทศ
ในช่วงบ่ายของวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2549 ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ณ วิมานเอกราช บ้านพักทางการของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และได้เข้าพบนาย สก อัน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการสำนักงานคณะรัฐมนตรี ณ สำนักงานคณะรัฐมนตรีกัมพูชา
ในระหว่างการสนทนากับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา สมเด็จฮุน เซน ได้แจ้งกับ ดร. กันตธีร์ฯ ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชามีการพัฒนาไปอย่างมาก จนปัจจุบันนี้นับว่าอยู่ในขั้นที่ดีที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา และทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งหวังที่จะพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไปอีกในอนาคต เพื่อประโยชน์ของประชาชนสองประเทศ นอกจากนั้นทั้งสองฝ่ายได้แสดงความประทับใจต่อผลสำเร็จของการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชาครั้งที่ 5 ซึ่งคณะผู้แทนไทยและกัมพูชาได้เห็นพ้องกันที่จะร่วมมือกันในหลายด้าน
สมเด็จฮุน เซน กล่าวถึงความร่วมมือสองฝ่ายไทย-กัมพูชา ด้านการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้กล่าวขอบคุณประเทศไทยที่ได้ให้ความช่วยเหลือในการก่อตั้งวิทยาลัยกำปงเฌอเตียล (Kampong Chheauteal College) ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาเสด็จฯ เปิดวิทยาลัย เมื่อปลายปี 2548 และกล่าวด้วยว่า ในส่วนของรัฐบาลกัมพูชากำลังปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนและสะพาน ไปยังวิทยาลัยเพื่ออำนวยความสะดวก และคาดว่าจะสร้างเสร็จทันเทศกาลสงกรานต์ในเดือนเมษายนนี้
ในเรื่องการปักปันเขตแดนระหว่างกัน สมเด็จฮุน เซนแจ้งว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอของรัฐมนตรีต่างประเทศไทยที่จะเร่งรัดให้มีการดำเนินการปักปันเขตแดนทางบกให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันกำหนดกรอบเวลาในการดำเนินการ และได้ย้ำว่า ควรเดินหน้าปักปันเขตแดนกันอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ควรดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และควรทำการปักปันเขตแดนทางทะเลไปควบคู่พร้อมกันกับการดำเนินการปักปันเขตแดนทางบก โดยจะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกัมพูชาไปร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ไทยต่อไป
นอกจากนั้น รองนายกรัฐมนตรีสก อัน ยังได้เห็นพ้องในหลักการกับข้อเสนอของฝ่ายไทยเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อร่วมกันพัฒนาพื้นที่ทับซ้อนในทะเล และแบ่งปันผลประโยชน์กัน ซึ่งฝ่ายไทยได้เสนอสูตรและฝ่ายกัมพูชาจะพิจารณาต่อไปในรายละเอียด
เกี่ยวกับการร่วมกันพัฒนาบริเวณพื้นที่ชายแดนทางบกที่ติดต่อกันนั้น สมเด็จฮุน เซน ได้แจ้งว่า ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาให้น่าอยู่ ไม่อันตราย และต้องการจะพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนในแถบชายแดนให้มีความสุขทัดเทียมประชาชนในเมืองใหญ่ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาใฝ่ฝันที่จะให้ไทยและกัมพูชาร่วมมือกันพัฒนาพื้นที่ชายแดนด้วยกันจนสามารถเป็นตัวอย่างให้กับโลกได้ โดยเมื่อการร่วมพัฒนาบริเวณชายแดนประสบผลสำเร็จแล้ว ก็อาจจัดให้มีกิจกรรมร่วมกัน เช่น การแสดงคอนเสิร์ทที่ชายแดน และถ่ายทอดให้ประชาชนของทั้งสองประเทศได้ชมพร้อมๆ กัน
นอกจากนั้น ฝ่ายกัมพูชาได้ขอบคุณที่ไทยให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาเส้นทางถนนสายที่ 48 และ 67 ของกัมพูชาด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
ในช่วงบ่ายของวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2549 ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ณ วิมานเอกราช บ้านพักทางการของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และได้เข้าพบนาย สก อัน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการสำนักงานคณะรัฐมนตรี ณ สำนักงานคณะรัฐมนตรีกัมพูชา
ในระหว่างการสนทนากับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา สมเด็จฮุน เซน ได้แจ้งกับ ดร. กันตธีร์ฯ ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชามีการพัฒนาไปอย่างมาก จนปัจจุบันนี้นับว่าอยู่ในขั้นที่ดีที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา และทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งหวังที่จะพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไปอีกในอนาคต เพื่อประโยชน์ของประชาชนสองประเทศ นอกจากนั้นทั้งสองฝ่ายได้แสดงความประทับใจต่อผลสำเร็จของการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชาครั้งที่ 5 ซึ่งคณะผู้แทนไทยและกัมพูชาได้เห็นพ้องกันที่จะร่วมมือกันในหลายด้าน
สมเด็จฮุน เซน กล่าวถึงความร่วมมือสองฝ่ายไทย-กัมพูชา ด้านการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้กล่าวขอบคุณประเทศไทยที่ได้ให้ความช่วยเหลือในการก่อตั้งวิทยาลัยกำปงเฌอเตียล (Kampong Chheauteal College) ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาเสด็จฯ เปิดวิทยาลัย เมื่อปลายปี 2548 และกล่าวด้วยว่า ในส่วนของรัฐบาลกัมพูชากำลังปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนและสะพาน ไปยังวิทยาลัยเพื่ออำนวยความสะดวก และคาดว่าจะสร้างเสร็จทันเทศกาลสงกรานต์ในเดือนเมษายนนี้
ในเรื่องการปักปันเขตแดนระหว่างกัน สมเด็จฮุน เซนแจ้งว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอของรัฐมนตรีต่างประเทศไทยที่จะเร่งรัดให้มีการดำเนินการปักปันเขตแดนทางบกให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันกำหนดกรอบเวลาในการดำเนินการ และได้ย้ำว่า ควรเดินหน้าปักปันเขตแดนกันอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ควรดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และควรทำการปักปันเขตแดนทางทะเลไปควบคู่พร้อมกันกับการดำเนินการปักปันเขตแดนทางบก โดยจะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกัมพูชาไปร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ไทยต่อไป
นอกจากนั้น รองนายกรัฐมนตรีสก อัน ยังได้เห็นพ้องในหลักการกับข้อเสนอของฝ่ายไทยเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อร่วมกันพัฒนาพื้นที่ทับซ้อนในทะเล และแบ่งปันผลประโยชน์กัน ซึ่งฝ่ายไทยได้เสนอสูตรและฝ่ายกัมพูชาจะพิจารณาต่อไปในรายละเอียด
เกี่ยวกับการร่วมกันพัฒนาบริเวณพื้นที่ชายแดนทางบกที่ติดต่อกันนั้น สมเด็จฮุน เซน ได้แจ้งว่า ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาให้น่าอยู่ ไม่อันตราย และต้องการจะพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนในแถบชายแดนให้มีความสุขทัดเทียมประชาชนในเมืองใหญ่ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาใฝ่ฝันที่จะให้ไทยและกัมพูชาร่วมมือกันพัฒนาพื้นที่ชายแดนด้วยกันจนสามารถเป็นตัวอย่างให้กับโลกได้ โดยเมื่อการร่วมพัฒนาบริเวณชายแดนประสบผลสำเร็จแล้ว ก็อาจจัดให้มีกิจกรรมร่วมกัน เช่น การแสดงคอนเสิร์ทที่ชายแดน และถ่ายทอดให้ประชาชนของทั้งสองประเทศได้ชมพร้อมๆ กัน
นอกจากนั้น ฝ่ายกัมพูชาได้ขอบคุณที่ไทยให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาเส้นทางถนนสายที่ 48 และ 67 ของกัมพูชาด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-