สถาบันวิจัยด้านการเงินระหว่างประเทศ (ไอไอเอฟ) ของกองทุนเงินตราระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ออกรายงานเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งคาดว่าในปี 2005 ตลาดเกิดใหม่ทั่วโลกจะได้รับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ราว 276,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งน้อยกว่าปี 2004 ที่มีการลงทุนราว 279,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยจีนและอินเดียจะเป็นเป้าหมายใหญ่ของการลงทุนในปีนี้
ไอไอเอฟเชื่อว่าแม้เศรษฐกิจของจีนจะชะลอตัวลงเล็กน้อยในปี 2005 เนื่องจากมาตรการควบคุมเศรษฐกิจมหภาคแต่แรงดึงดูดทุนต่างชาติก็ยังเข้มแข็ง รวมทั้งกระแสเก็งกำไรจากการปรับขึ้นเงินหยวนจึงมีผลให้ไหลเข้าไปจีนโดยประมาณกว่า 80% ของเงินทุนต่างประเทศที่จะเข้าในตลาดใหม่แถบเอเซียจำนวนราว 75,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯจะเข้าไปจีน
ส่วนอินเดียเป็นแหล่งดึงดูดต่างชาติที่สำคัญรองจากจีนในภูมิภาคเอเชีย ไอไอเอฟประเมินว่าน่าจะมีเงินทุนต่างชาติไหลเข้าราว 6.5% หรือประมาณ 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า อุตสาหกรรมภาคเทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอทีของอินเดียมีความเข้มแข็งมากและกำลังจะเป็นหลักในการพัฒนาประเทศ
ประเด็นวิเคราะห์
มาร์ติน วูลห์ แห่งไฟแนนเชียลไทม์ ได้ให้ข้อคิดเห็นว่าระบบการเมืองมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจเพราะสามารถกุมอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งสังคมและเศรษฐกิจ จีนยังมีปัญหาอยู่ที่กฎหมายไม่รัดกุม การควบคุมสิทธิทรัพย์สินทางปัญญามีช่องโหว่ วิสาหกิจของรัฐและระบบการเงินมีประสิทธิภาพต่ำ จึงเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตแบบยั่งยืนของเศรษฐกิจจีน
คาดว่าในช่วง 20-30 ปีข้างหน้าจีนจะสามารถรักษาอัตราการขยายตัวที่สูงไว้ได้ และจะสูงกว่าอินเดียเพราะมีความได้เปรียบในด้านการออม สัดส่วนผู้ไม่รู้หนังสือของจีนมีเพียง 6% ส่วนอินเดียมีมากถึง 35% นอกจากนี้จีนยังมีการลงทุนในสาธารณูปโภคพื้นฐานมากกว่าอินเดียถึง 8 เท่า เป็นต้น
ที่มา: http://www.depthai.go.th
-ดท-