วันนี้(23 กค. 49) นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแถลงข่าวกรณีที่ รมต.กระทรวงคมนาคม นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ได้ใช้อำนาจในการคัดค้านมติที่ประชุมคณะกรรมการขนส่งทางบกกลางในเบื้องต้น ซึ่งมี นายคำรบลักขิ์ สุรัสวดี รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมยินยอมให้ผู้ประกอบการขนส่งทุกประเภทขึ้นค่าโดยสารนั้น นายสาธิตตั้งข้อสังเกตว่า เพียงข้ามคืน หลังจากที่นางสุจินดา เชิดชัย (เจ๊เกียว) นายกสมาคมรถร่วมบริการบขส. ได้เข้าพบ รมต.กระทรวงคมนาคม แล้วผลปรากฎว่า กระทรวงคมนาคมกลับยินยอมปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร เฉพาะรายที่เป็นรถร่วมบขส. เพียงประเภทเดียว แต่ยังคงคัดค้านที่จะขึ้นค่าโดยสารให้กับผู้ให้บริการรายอื่น ๆ
พร้อมกันนี้ นายสาธิตได้ตั้งข้อสงสัยว่า การดำเนินการในลักษณะนี้เป็นการเลือกปฏิบัติกับผู้ประกอบการที่เป็นพรรคพวกของตนเองหรือไม่ โดยเป็นที่ทราบดีว่าคนในครอบครัวของนางสุจินดา (เจ๊เกียว) เป็นผู้สมัคร ส.ส. สังกัดพรรคไทยรักไทย ที่จ.นครราชสีมา นอกจากนี้ลักษณะการขึ้นค่าโดยสารครั้งนี้กลับยินยอมขึ้นค่าโดยสารเฉพาะรถร่วมบริการบขส.เท่านั้น ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเอกชน ที่ดำเนินธุรกิจประเภทเดียวกันกับที่รัฐดูแลและถือหุ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นการกระทำเหล่านี้นายสาธิตตั้งคำถามว่าเป็นการกระทำที่เห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวมสูงสุดแล้วหรือไม่
“การที่รมต.ทำอย่างนี้ เพื่อเป็นการเตรียมหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งใหม่หรือไม่ เพราะกิจการของรัฐนั้นยอมขาดทุน เพื่อให้ได้คะแนนเสียง แต่ว่ากิจการร่วมได้ยอมขึ้นราคา ซึ่งก็ทำให้ได้คะแนนเสียงอีก เพราะฉะนั้นทิศทางในการตัดสินของรมต.กระทรวงคมนาคมท่านนี้ ซึ่งอยู่ในพรรคไทยรักไทย ได้ตัดสินใจอยู่บนผลประโยชน์ของอะไร ผลประโยชน์ของพรรคฯ หรืออยู่บนผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก” นายสาธิตกล่าว
นายสาธิต ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมามีการขึ้นราคาค่าโดยสารมาแล้ว 3 ครั้งตั้งแต่ 19 เม.ย. 48, 5 กค. 48 และ 1 กพ. 49 คิดเป็นอัตราส่วน 65 — 70 เปอร์เซนต์ ขณะที่ต้นทุนของรถร่วมบริการ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือต้นทุนน้ำมัน 30 เปอร์เซนต์ ต้นทุนตัวรถ และต้นทุนค่าแรงงาน แต่การปรับราคาค่าโดยสารแต่ละครั้งมีการอ้างเหตุผลถึงต้นทุนน้ำมันเพียงข้ออ้างเดียว ดังนั้นรัฐบาลควรมีความกล้าหาญที่จะคัดค้านการขึ้นค่าของรถโดยสารทุกประเภท เพราะได้เคยพิจารณาปรับขึ้นค่าโดยสารเป็นสัดส่วนที่พอสมควรกับราคาปัจจุบันแล้ว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 ก.ค. 2549--จบ--
พร้อมกันนี้ นายสาธิตได้ตั้งข้อสงสัยว่า การดำเนินการในลักษณะนี้เป็นการเลือกปฏิบัติกับผู้ประกอบการที่เป็นพรรคพวกของตนเองหรือไม่ โดยเป็นที่ทราบดีว่าคนในครอบครัวของนางสุจินดา (เจ๊เกียว) เป็นผู้สมัคร ส.ส. สังกัดพรรคไทยรักไทย ที่จ.นครราชสีมา นอกจากนี้ลักษณะการขึ้นค่าโดยสารครั้งนี้กลับยินยอมขึ้นค่าโดยสารเฉพาะรถร่วมบริการบขส.เท่านั้น ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเอกชน ที่ดำเนินธุรกิจประเภทเดียวกันกับที่รัฐดูแลและถือหุ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นการกระทำเหล่านี้นายสาธิตตั้งคำถามว่าเป็นการกระทำที่เห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวมสูงสุดแล้วหรือไม่
“การที่รมต.ทำอย่างนี้ เพื่อเป็นการเตรียมหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งใหม่หรือไม่ เพราะกิจการของรัฐนั้นยอมขาดทุน เพื่อให้ได้คะแนนเสียง แต่ว่ากิจการร่วมได้ยอมขึ้นราคา ซึ่งก็ทำให้ได้คะแนนเสียงอีก เพราะฉะนั้นทิศทางในการตัดสินของรมต.กระทรวงคมนาคมท่านนี้ ซึ่งอยู่ในพรรคไทยรักไทย ได้ตัดสินใจอยู่บนผลประโยชน์ของอะไร ผลประโยชน์ของพรรคฯ หรืออยู่บนผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก” นายสาธิตกล่าว
นายสาธิต ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมามีการขึ้นราคาค่าโดยสารมาแล้ว 3 ครั้งตั้งแต่ 19 เม.ย. 48, 5 กค. 48 และ 1 กพ. 49 คิดเป็นอัตราส่วน 65 — 70 เปอร์เซนต์ ขณะที่ต้นทุนของรถร่วมบริการ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือต้นทุนน้ำมัน 30 เปอร์เซนต์ ต้นทุนตัวรถ และต้นทุนค่าแรงงาน แต่การปรับราคาค่าโดยสารแต่ละครั้งมีการอ้างเหตุผลถึงต้นทุนน้ำมันเพียงข้ออ้างเดียว ดังนั้นรัฐบาลควรมีความกล้าหาญที่จะคัดค้านการขึ้นค่าของรถโดยสารทุกประเภท เพราะได้เคยพิจารณาปรับขึ้นค่าโดยสารเป็นสัดส่วนที่พอสมควรกับราคาปัจจุบันแล้ว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 ก.ค. 2549--จบ--