วันนี้ (17 ก.ย.49) เวลา 14.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเกี่ยวกับท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ต่อข่าวกรณีเหตุระเบิดที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาวันนี้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอประนามความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการระเบิดที่หาดใหญ่ในครั้งนี้ต้องถือว่าเป็นความรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งของประเทศไทยและขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากความรุนแรงในครั้งนี้
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อไปว่า ประชาชนก็คงรู้สึกเช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่อยากจะเห็นความรุนแรงอย่างนี้เกิดขึ้นในบ้านเมือง จึงอยากจะเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในสังคมไทยช่วยกันหาทางระงับยับยั้งป้องกันไม่ให้ความรุนแรงลักษณะนี้เกิดขึ้นในบ้านเมือง เพราะเป็นความรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร ส่งผลสะเทือนต่อการทำมาค้าขาย การทำมาหากินของประชาชน
“ถ้าสังเกตความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะเห็นได้ว่า ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างมาก วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ช่วงเช้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้มอบหมายให้ ส.ส.ในพื้นที่ ใน จ.สงขลา นำโดย นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ไปเยี่ยมครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บที่หาดใหญ่ในครั้งนี้และวันเดียวกันนี้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ได้ออกเดินทางจาก จ.ตรังเพื่อไปให้กำลังใจผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระเบิดและจะเดินทางไปดูที่เกิดเหตุด้วย” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ให้ ส.ส.ของพรรครวบรวมรายชื่อผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตปรากฎว่ารวบรวมข้อมูลถึงเที่ยงวันมีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บที่ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 37 ราย และมีผู้ที่บาดเจ็บที่สามารถกลับบ้านได้ 28 ราย
“การระเบิดที่หาดใหญ่ครั้งนี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่าความรุนแรงกำลังเริ่มเข้ามาสู่ปริมณฑลทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น ถ้าสังเกตการระเบิดธนาคารที่ จ.ยะลา และใจกลางธุรกิจของเมืองหาดใหญ่ พรรคประชาธิปัตย์มองว่าการระเบิดครั้งนี้กระทบต่อเศรษฐกิจภูมิภาคและกระทบต่อการท่องเที่ยวในภาคใต้ ซึ่งหาดใหญ่ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่มีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียและสิงค์โปร์เดินทางมาจำนวนมาก ถ้าความรุนแรงนี้ขยายตัวออกไปย่อมกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม” นายองอาจกล่าว
และในวันเดียวกัน ที่พรรคประชาธิปัตย์ ม.ล.อภิมงคล โสณกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์จากต่างประเทศช่วงการประชุมประเทศไม่ฝักฝ่ายใดเมื่อวานนี้ (16 ก.ย.49) ว่า ปัญหาการเมืองในประเทศไทยทำให้ต่างชาติโดยเฉพาะประเทศกาตาร์ไม่กล้ามาลงทุน 10,000 ล้านบาทว่า การพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ สร้างความสับสนให้กับประชาชน นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังพยายามที่จะชี้ให้สังคมเห็นว่า ความวุ่นวายทางด้านการเมืองหลายๆ กำลังทำให้การลงทุนชะลอตัว เศรษฐกิจอยู่ในช่วงฝืดเคือง
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า อยากให้พิจารณาให้ดีว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นจากการเมืองหรือนักการเมือง ความวุ่นวายที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้บอกไว้ ข้อเท็จจริงแล้วเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่มีการขายหุ้นชินคอร์ปเกิดความไม่โปร่งใสจนกระทั่งประชาชนเกิดความแคลงใจไปชุมนุมเรียกร้องความเป็นธรรม ในช่วงนั้น พ.ต.ท.ทักษิณมีโอกาสลดความวุ่นวาย มีโอกาสที่จะลาออกจากตำแหน่งเสียสละเพื่อประชาชน ขณะเดียวกันเมื่อมีความพยายามที่จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าวก่อนที่จะมีการเปิดสภาให้เกิดความชัดเจนปรากฎว่า สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณประกาศว่าชาติหน้าตอนบ่ายๆ ยังไงก็ไม่ทำ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับยุบสภา
“เห็นได้ชัดว่าการกระทำในเรื่องดังกล่าวเป็นการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ เอง แต่เพียงผู้เดียว การกระทำดังกล่าวทำให้เกิดความวุ่นวายในสังคม จนกระทั่งเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 พิสูจน์ชัดว่า เมื่อการยุบสภาขาดความเป็นธรรมการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผมว่าถึงเวลาแล้วที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ควรหากระจกบานใหม่สะท้อนถึงนักการเมือง สถานการณ์การเมืองไม่ใช่กระจกบานที่บ้านจันทน์ส่องหล้าอีกแล้ว เพราะกระจกบานนั้นได้สร้างความบิดเบือนให้กับสังคมไปมาก”รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ต่อข้อถามถึงการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่ารถไฟฟ้าช้าเพราะปัญหาการเมืองนั้น รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องนี้คนกรุงเทพมหานครได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ช่วงที่มีการหาเสียงในปี 2548 พรรคไทยรักไทยประกาศเป็นนโยบายหาเสียงชัดเจนว่าจะมีรถไฟฟ้า 10 สาย แต่ปรากฎว่า เมื่อเข้าสู่ช่วงดำเนินการจริงกลับ ตกหายไปไหน บางทีก็ 7 สาย จนกระทั่งเหลือ 3 สาย ในที่สุด วันนี้ความสับสนเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ประชาชนขาดความมั่นใจในรัฐบาลพรคคไทยรักไทยในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อไปว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะบอกว่า รถไฟฟ้าช้าเพราะการเมืองก็คงมีความจริงอยู่ส่วนหนึ่ง แต่คงไม่ช้าในเรื่องของการเมืองเพื่อประชาชน แต่ช้าในเรื่องของการเมืองพรรคไทยรักไทยเอง จะเห็นได้ว่าเรื่องของรถไฟฟ้ามีความขัดแย้งกันอยู่ภายในพรรคไทยรักไทยอย่างชัดเจนระหว่าง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กับ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมซึ่งเรื่องนี้มีเหตุผลที่ชัดเจนว่า มีการทะเลาะกันในการประชุมคณะรัฐมนตรีก็ดี การเดินออกจากห้องประชุมก็ดี เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นผลประโยชน์ในพรรคไทยรักไทย
“เรื่องเหล่านี้ ผมคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ควรที่จะหาแนวทางแก้ไข ควรจะเลิกสร้างความสับสนให้กับสังคม ควรจะพิจารณาตัวเองว่าจะทำอย่างไรจึงจะแก้ไข และสร้างความสามัคคีให้กับสังคมได้อีกครั้ง” ม.ล.อภิมงคล กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 17 ก.ย. 2549--จบ--
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อไปว่า ประชาชนก็คงรู้สึกเช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่อยากจะเห็นความรุนแรงอย่างนี้เกิดขึ้นในบ้านเมือง จึงอยากจะเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในสังคมไทยช่วยกันหาทางระงับยับยั้งป้องกันไม่ให้ความรุนแรงลักษณะนี้เกิดขึ้นในบ้านเมือง เพราะเป็นความรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร ส่งผลสะเทือนต่อการทำมาค้าขาย การทำมาหากินของประชาชน
“ถ้าสังเกตความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะเห็นได้ว่า ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างมาก วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ช่วงเช้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้มอบหมายให้ ส.ส.ในพื้นที่ ใน จ.สงขลา นำโดย นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ไปเยี่ยมครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บที่หาดใหญ่ในครั้งนี้และวันเดียวกันนี้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ได้ออกเดินทางจาก จ.ตรังเพื่อไปให้กำลังใจผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระเบิดและจะเดินทางไปดูที่เกิดเหตุด้วย” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ให้ ส.ส.ของพรรครวบรวมรายชื่อผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตปรากฎว่ารวบรวมข้อมูลถึงเที่ยงวันมีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บที่ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 37 ราย และมีผู้ที่บาดเจ็บที่สามารถกลับบ้านได้ 28 ราย
“การระเบิดที่หาดใหญ่ครั้งนี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่าความรุนแรงกำลังเริ่มเข้ามาสู่ปริมณฑลทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น ถ้าสังเกตการระเบิดธนาคารที่ จ.ยะลา และใจกลางธุรกิจของเมืองหาดใหญ่ พรรคประชาธิปัตย์มองว่าการระเบิดครั้งนี้กระทบต่อเศรษฐกิจภูมิภาคและกระทบต่อการท่องเที่ยวในภาคใต้ ซึ่งหาดใหญ่ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่มีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียและสิงค์โปร์เดินทางมาจำนวนมาก ถ้าความรุนแรงนี้ขยายตัวออกไปย่อมกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม” นายองอาจกล่าว
และในวันเดียวกัน ที่พรรคประชาธิปัตย์ ม.ล.อภิมงคล โสณกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์จากต่างประเทศช่วงการประชุมประเทศไม่ฝักฝ่ายใดเมื่อวานนี้ (16 ก.ย.49) ว่า ปัญหาการเมืองในประเทศไทยทำให้ต่างชาติโดยเฉพาะประเทศกาตาร์ไม่กล้ามาลงทุน 10,000 ล้านบาทว่า การพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ สร้างความสับสนให้กับประชาชน นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังพยายามที่จะชี้ให้สังคมเห็นว่า ความวุ่นวายทางด้านการเมืองหลายๆ กำลังทำให้การลงทุนชะลอตัว เศรษฐกิจอยู่ในช่วงฝืดเคือง
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า อยากให้พิจารณาให้ดีว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นจากการเมืองหรือนักการเมือง ความวุ่นวายที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้บอกไว้ ข้อเท็จจริงแล้วเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่มีการขายหุ้นชินคอร์ปเกิดความไม่โปร่งใสจนกระทั่งประชาชนเกิดความแคลงใจไปชุมนุมเรียกร้องความเป็นธรรม ในช่วงนั้น พ.ต.ท.ทักษิณมีโอกาสลดความวุ่นวาย มีโอกาสที่จะลาออกจากตำแหน่งเสียสละเพื่อประชาชน ขณะเดียวกันเมื่อมีความพยายามที่จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าวก่อนที่จะมีการเปิดสภาให้เกิดความชัดเจนปรากฎว่า สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณประกาศว่าชาติหน้าตอนบ่ายๆ ยังไงก็ไม่ทำ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับยุบสภา
“เห็นได้ชัดว่าการกระทำในเรื่องดังกล่าวเป็นการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ เอง แต่เพียงผู้เดียว การกระทำดังกล่าวทำให้เกิดความวุ่นวายในสังคม จนกระทั่งเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 พิสูจน์ชัดว่า เมื่อการยุบสภาขาดความเป็นธรรมการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผมว่าถึงเวลาแล้วที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ควรหากระจกบานใหม่สะท้อนถึงนักการเมือง สถานการณ์การเมืองไม่ใช่กระจกบานที่บ้านจันทน์ส่องหล้าอีกแล้ว เพราะกระจกบานนั้นได้สร้างความบิดเบือนให้กับสังคมไปมาก”รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ต่อข้อถามถึงการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่ารถไฟฟ้าช้าเพราะปัญหาการเมืองนั้น รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องนี้คนกรุงเทพมหานครได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ช่วงที่มีการหาเสียงในปี 2548 พรรคไทยรักไทยประกาศเป็นนโยบายหาเสียงชัดเจนว่าจะมีรถไฟฟ้า 10 สาย แต่ปรากฎว่า เมื่อเข้าสู่ช่วงดำเนินการจริงกลับ ตกหายไปไหน บางทีก็ 7 สาย จนกระทั่งเหลือ 3 สาย ในที่สุด วันนี้ความสับสนเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ประชาชนขาดความมั่นใจในรัฐบาลพรคคไทยรักไทยในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อไปว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะบอกว่า รถไฟฟ้าช้าเพราะการเมืองก็คงมีความจริงอยู่ส่วนหนึ่ง แต่คงไม่ช้าในเรื่องของการเมืองเพื่อประชาชน แต่ช้าในเรื่องของการเมืองพรรคไทยรักไทยเอง จะเห็นได้ว่าเรื่องของรถไฟฟ้ามีความขัดแย้งกันอยู่ภายในพรรคไทยรักไทยอย่างชัดเจนระหว่าง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กับ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมซึ่งเรื่องนี้มีเหตุผลที่ชัดเจนว่า มีการทะเลาะกันในการประชุมคณะรัฐมนตรีก็ดี การเดินออกจากห้องประชุมก็ดี เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นผลประโยชน์ในพรรคไทยรักไทย
“เรื่องเหล่านี้ ผมคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ควรที่จะหาแนวทางแก้ไข ควรจะเลิกสร้างความสับสนให้กับสังคม ควรจะพิจารณาตัวเองว่าจะทำอย่างไรจึงจะแก้ไข และสร้างความสามัคคีให้กับสังคมได้อีกครั้ง” ม.ล.อภิมงคล กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 17 ก.ย. 2549--จบ--