นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย แถลงผล การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันนี้ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มในระยะต่อไป เพื่อกำหนดแนวนโยบายการเงินที่เหมาะสม โดยมีประเด็นที่สำคัญ ดังนี้
ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2549 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างน่าพอใจ โดยในไตรมาสที่ 3 เศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 4.7 จากภาคการส่งออกที่ยังขยายตัวดี ขณะที่เสถียรภาพทางเศรษฐกิจปรับตัว ดีขึ้นโดยรวม โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ชะลอลงต่อเนื่อง จากร้อยละ 1.8 ในเดือนตุลาคมมาอยู่ที่ ร้อยละ 1.7 เดือนพฤศจิกายน และแม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.8 ในเดือนตุลาคมมาอยู่ที่ร้อยละ 3.5 แต่เป็นเพราะราคาพืชผักที่สูงขึ้นจากเหตุการณ์น้ำท่วมเป็นสำคัญ
คณะกรรมการฯ เห็นว่า เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่แรงขับเคลื่อนทางด้านการ ลงทุนภาคเอกชนเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามต่อไป ส่วนแรงกดดันด้านราคายังมีอยู่ แม้จะปรับลดลง ดังนั้น คณะกรรมการฯ จึงเห็นว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับปัจจุบันเหมาะสมกับสภาวะของเศรษฐกิจ ในขณะนี้ และให้คงอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วันไว้ที่ร้อยละ 5.00 ต่อปี
นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินนโยบายการเงินและนำไปสู่กรอบการดำเนินนโยบายที่โปร่งใส รวมทั้งเพื่อส่งเสริมพัฒนาการของตลาดเงิน คณะกรรมการฯ เห็นควรให้ใช้อัตรา ดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแทนอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน ทั้งนี้ตั้งแต่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งถัดไป
ข้อมูลเพิ่มเติม : นายไตรรัตน์ ธนะประกอบกรณ์ โทร 0 2283 6186 e-mail: triratt@bot.or.th
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2549 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างน่าพอใจ โดยในไตรมาสที่ 3 เศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 4.7 จากภาคการส่งออกที่ยังขยายตัวดี ขณะที่เสถียรภาพทางเศรษฐกิจปรับตัว ดีขึ้นโดยรวม โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ชะลอลงต่อเนื่อง จากร้อยละ 1.8 ในเดือนตุลาคมมาอยู่ที่ ร้อยละ 1.7 เดือนพฤศจิกายน และแม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.8 ในเดือนตุลาคมมาอยู่ที่ร้อยละ 3.5 แต่เป็นเพราะราคาพืชผักที่สูงขึ้นจากเหตุการณ์น้ำท่วมเป็นสำคัญ
คณะกรรมการฯ เห็นว่า เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่แรงขับเคลื่อนทางด้านการ ลงทุนภาคเอกชนเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามต่อไป ส่วนแรงกดดันด้านราคายังมีอยู่ แม้จะปรับลดลง ดังนั้น คณะกรรมการฯ จึงเห็นว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับปัจจุบันเหมาะสมกับสภาวะของเศรษฐกิจ ในขณะนี้ และให้คงอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วันไว้ที่ร้อยละ 5.00 ต่อปี
นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินนโยบายการเงินและนำไปสู่กรอบการดำเนินนโยบายที่โปร่งใส รวมทั้งเพื่อส่งเสริมพัฒนาการของตลาดเงิน คณะกรรมการฯ เห็นควรให้ใช้อัตรา ดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแทนอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน ทั้งนี้ตั้งแต่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งถัดไป
ข้อมูลเพิ่มเติม : นายไตรรัตน์ ธนะประกอบกรณ์ โทร 0 2283 6186 e-mail: triratt@bot.or.th
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--