‘องอาจ’ ระบุ นายกฯในระบอบประชาธิปไตยต้องพร้อมฟังเสียงวิจารณ์ แนะ ควร นำคำพูด ผบ.ทบ.มาคิดหาทางแก้ปัญหา ชี้ 4 นายพล เข้าร้องป๋า เพราะเหลืออด จึงหาที่พึ่ง
วันนี้ ( 2ก.ย.49) เวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานเป็นประธานโครงการพัฒนานักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ว่าคนแก่บางคนไม่ยอมรับความเปลี่ยนแปลง ไม่ทันยุคนั้น ว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวเช่นนั้นเป็นการพูดที่ทำให้สังคมสับสน เพราะบ้านเมืองก็มีการพัฒนามาอย่างเป็นลำดับจะเร็วหรือช้านั้นก็เป็นไปตามยุคสมัย การที่บ้านเมืองจะพัฒนาช้าหรือเร็วนั้นต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความดีงามและไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่เลวร้ายตามที่เป็นอยู่ในขณะนี้
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว ว่า ตนคิดว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี พูดว่า บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เพราะสังคมไทยเป็นสังคมแห่งการวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ใช่สังคมฐานความรู้นั้น ตนอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าใจว่าการปกครองในระบอบประชาธิปไตยนั้น การวิพากษ์วิจารณ์เป็นเรื่องปกติในสังคม ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนโดยทั่วไป หาก พ.ต.ท.ทักษิณไม่อยากได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และอยากได้ยินเสียงเยินยอแทน ก็ไม่ควรที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตย แต่ควรเป็นนายกรัฐมนตรีในระบอบเผด็จการมากกว่า
“ผมคิดว่า การที่อดีตนายกรัฐมนตรีอย่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงนักวิชาการอาวุโสอย่างหมอประเวศออกมาวิพากษ์วิจารณ์ให้ข้อคิดในสังคมในทางที่ดีนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ควรที่จะรับฟังเสียงเหล่านี้เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขมากกว่า” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ต่อข้อถามถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี แนะนำหนังสือเมื่อวานนี้และให้ข้อคิดน่าสนใจว่า “อย่ากินคนเดียว” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณแนะหนังสือ และแง่คิดอะไรก็แล้วแต่ ตนคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงหมายถึงเวลาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำอะไรจะไม่ทำคนเดียว ถึงต้องเชิญพวกพ้องของตัวเองมากินด้วย โกงคนเดียวไม่พอต้องมีพวกพ้องมากินด้วย
“ผมอยากจะแนะนำพ.ต.ท.ทักษิณว่า การมีเครือข่ายพวกพ้องเป็นเรื่องที่ดี่ จะนำพาประเทศเจริญในทางที่ดีได้ แต่ถ้าการมีเครือข่ายและรวมหัวกันทุจริตคอรัปชั่นทำให้บ้านเมืองเสียหายเหมือนที่เป็นอยู่ในขณะนี้นั้น ผมคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ควรที่จะกินของคนอื่น และควรทำอะไรให้อยู่ในขอบเขตของบ้านเมืองจะดีกว่า” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
แนะ ควร นำคำพูด ผบ.ทบ.มาคิดหาทางแก้ปัญหา
กรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ออกมาให้สัมภาษร์ถึงแนวทางแก้ปัญหาความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ว่า พรรคประชาธิปัตน์ มีความเห็นว่าคำสัมภาษณ์ของพล.อ.สนธิ ผบ.ทบ. เป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นเรื่องที่ฝ่ายการเมืองต้องรับฟังแนะมามาพิจารณาเพื่อเป็นแนวทางในการหาวิธีและแนวทางในการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งต้องยอมรับว่าปัญหาต่างๆที่ทวีความรุนแรงทุกวันนี้มีต้นตอมาจากนโยบายที่ผิดพลาด และแก้ปัญหาไม่ตรงจุดของรัฐบาล ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกฯ จึงไม่สามารถจะปฏิเสธความรับผิดชอบนี้ได้เลย และสมควรอย่างยิ่งที่ต้องมีนโยบายที่เป็นเอกภาพ ซึ่งความเป็นเอกภาพไม่ได้เกิดจากเพียงหน่วยใดหน่วยงานหนึ่ง แต่เกิดจาการประสานงานกับฝ่ายต่างๆ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลภายใต้การนำของพ.ต.ท.ทักษิณได้ทำลายการระบบการทำงานของเจ้าหน้าที่ค่อนข้างมาก จึงทำให้ไม่สามรถแก้ปัญหาได้
ชี้ 4 นายพลเหลืออด จึงหาที่พึ่ง
ส่วนกรณีที่มีการเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนของความเป็นธรรมต่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค์มนตรี ของ 4 นายพลงนั้น นายองอาจ กล่าวว่า เป็นการแสดงออกตามสิทธิ เป็นเป็นเรื่องน่ายกย่องที่ 4 นายทหารมีความกล้าหาญที่จะชนกับอำนาจมิชอบ และความไม่ถูกต้อง เพราะทหารต้องตระอยู่เสมอว่าเป็นทหารของชาติ และแผ่นดิน ไม่ใช่เป็นทหารเพื่อรับใช้ผู้มีอำนาจที่มักใช้อำนาจมิชอบ และตนเชื่อว่าหากสถานการณ์ไม่กดดันจนถึงที่สุด 4 นายพลงคงไม่ออกมาเช่นนี้ การแสดงออกคือความเหลืออดของทหาร
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 2 ก.ย. 2549--จบ--
วันนี้ ( 2ก.ย.49) เวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานเป็นประธานโครงการพัฒนานักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ว่าคนแก่บางคนไม่ยอมรับความเปลี่ยนแปลง ไม่ทันยุคนั้น ว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวเช่นนั้นเป็นการพูดที่ทำให้สังคมสับสน เพราะบ้านเมืองก็มีการพัฒนามาอย่างเป็นลำดับจะเร็วหรือช้านั้นก็เป็นไปตามยุคสมัย การที่บ้านเมืองจะพัฒนาช้าหรือเร็วนั้นต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความดีงามและไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่เลวร้ายตามที่เป็นอยู่ในขณะนี้
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว ว่า ตนคิดว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี พูดว่า บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เพราะสังคมไทยเป็นสังคมแห่งการวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ใช่สังคมฐานความรู้นั้น ตนอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าใจว่าการปกครองในระบอบประชาธิปไตยนั้น การวิพากษ์วิจารณ์เป็นเรื่องปกติในสังคม ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนโดยทั่วไป หาก พ.ต.ท.ทักษิณไม่อยากได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และอยากได้ยินเสียงเยินยอแทน ก็ไม่ควรที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตย แต่ควรเป็นนายกรัฐมนตรีในระบอบเผด็จการมากกว่า
“ผมคิดว่า การที่อดีตนายกรัฐมนตรีอย่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงนักวิชาการอาวุโสอย่างหมอประเวศออกมาวิพากษ์วิจารณ์ให้ข้อคิดในสังคมในทางที่ดีนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ควรที่จะรับฟังเสียงเหล่านี้เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขมากกว่า” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ต่อข้อถามถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี แนะนำหนังสือเมื่อวานนี้และให้ข้อคิดน่าสนใจว่า “อย่ากินคนเดียว” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณแนะหนังสือ และแง่คิดอะไรก็แล้วแต่ ตนคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงหมายถึงเวลาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำอะไรจะไม่ทำคนเดียว ถึงต้องเชิญพวกพ้องของตัวเองมากินด้วย โกงคนเดียวไม่พอต้องมีพวกพ้องมากินด้วย
“ผมอยากจะแนะนำพ.ต.ท.ทักษิณว่า การมีเครือข่ายพวกพ้องเป็นเรื่องที่ดี่ จะนำพาประเทศเจริญในทางที่ดีได้ แต่ถ้าการมีเครือข่ายและรวมหัวกันทุจริตคอรัปชั่นทำให้บ้านเมืองเสียหายเหมือนที่เป็นอยู่ในขณะนี้นั้น ผมคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ควรที่จะกินของคนอื่น และควรทำอะไรให้อยู่ในขอบเขตของบ้านเมืองจะดีกว่า” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
แนะ ควร นำคำพูด ผบ.ทบ.มาคิดหาทางแก้ปัญหา
กรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ออกมาให้สัมภาษร์ถึงแนวทางแก้ปัญหาความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ว่า พรรคประชาธิปัตน์ มีความเห็นว่าคำสัมภาษณ์ของพล.อ.สนธิ ผบ.ทบ. เป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นเรื่องที่ฝ่ายการเมืองต้องรับฟังแนะมามาพิจารณาเพื่อเป็นแนวทางในการหาวิธีและแนวทางในการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งต้องยอมรับว่าปัญหาต่างๆที่ทวีความรุนแรงทุกวันนี้มีต้นตอมาจากนโยบายที่ผิดพลาด และแก้ปัญหาไม่ตรงจุดของรัฐบาล ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกฯ จึงไม่สามารถจะปฏิเสธความรับผิดชอบนี้ได้เลย และสมควรอย่างยิ่งที่ต้องมีนโยบายที่เป็นเอกภาพ ซึ่งความเป็นเอกภาพไม่ได้เกิดจากเพียงหน่วยใดหน่วยงานหนึ่ง แต่เกิดจาการประสานงานกับฝ่ายต่างๆ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลภายใต้การนำของพ.ต.ท.ทักษิณได้ทำลายการระบบการทำงานของเจ้าหน้าที่ค่อนข้างมาก จึงทำให้ไม่สามรถแก้ปัญหาได้
ชี้ 4 นายพลเหลืออด จึงหาที่พึ่ง
ส่วนกรณีที่มีการเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนของความเป็นธรรมต่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค์มนตรี ของ 4 นายพลงนั้น นายองอาจ กล่าวว่า เป็นการแสดงออกตามสิทธิ เป็นเป็นเรื่องน่ายกย่องที่ 4 นายทหารมีความกล้าหาญที่จะชนกับอำนาจมิชอบ และความไม่ถูกต้อง เพราะทหารต้องตระอยู่เสมอว่าเป็นทหารของชาติ และแผ่นดิน ไม่ใช่เป็นทหารเพื่อรับใช้ผู้มีอำนาจที่มักใช้อำนาจมิชอบ และตนเชื่อว่าหากสถานการณ์ไม่กดดันจนถึงที่สุด 4 นายพลงคงไม่ออกมาเช่นนี้ การแสดงออกคือความเหลืออดของทหาร
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 2 ก.ย. 2549--จบ--