วันนี้ (22 กรกฎาคม 2549) เวลา 11.00 น.ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตของพรรคประชาธิปัตย์แถลงข่าวเกี่ยวกับกรณีความคืบหน้าเรื่องการทุจริตในโครงการเช่ารถรับส่งผู้โดยสารเพิ่มเติมว่า เนื่องจากได้ตรวจพบว่า ทอท.ไม่ได้ปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการบริหารการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือ กอท.ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานโดยที่มติของคณะกรรมการเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2549 ได้กำหนดแนวทางในการที่จะให้มีการบริหารรถเข็นกระเป๋าในสนามบินสุวรรณภูมิ โดยใช้รถเข็นกระเป๋าที่เป็นมาตราสากลที่ใช้อยู่ตามสนามบินสากลทั่วโลกและก็ให้พิจารณาถึงผลประโยชน์สูงสุดที่ ทอท.จะได้รับ
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นวันที่ 6 มิถุนายน 2549 คณะกรรมการพิจารณาการจัดจ้างได้ดำเนินการเสนอหนังสือถึงกรรมการผู้อำนวยการใหญ่เป็นแนวทางที่จะให้บริษัทชั้นนำของโลกได้เสนอที่ใช้อยู่แพร่หลาย แต่ปรากฎว่าเมื่อถึงวันที่ 8 มิถุนายน 2549 ได้มีหนังสือของบริษัทผู้ผลิตรถเข็นกระเป๋าของเยอรมันยี่ห้อวันซี ดดยกิจการร่วมค้า พีเจทีได้นำเสนอหนังสือโดยเสนอยกให้ฟรีทั้ง 9,000 คันทั้งขนาดกลาง ขนาดเล็กขนาดใหญ่แลกกกับโฆษณาที่จะติดบนตัวรถ ซึ่งหมายความว่า ทอท.จะไม่ต้องใช้เงินลงทุนเกือบ 500 ล้านบาทในโครงการดังกล่าว
“แต่ปรากฎว่าในวันที่ 16 มิถุนายน 2549 ในรายงานความก้าวหน้าของงานเอ้าท์ซอร์ตท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 1 ใน 47 โครงการนั้นก็คือโครงการจ้างผู้บริการรถเข็นกระเป่าระยะเวลา 7 ปี ทาง ทอท.ได้ลงนามในสัญญาว่าจ้างบริษัทไทยแอร์พอร์ตกราวนด์เซอร์วิสเป็นวงเงิน 498 ล้านบาท โดยไม่ได้ปฏิบัติตามมติของ กกท.และก็ข้อเสนอของคณะกรรมการจัดจ้างของ ทอท.เองในเรื่องนี้ซึ่งทำให้เห็นว่ามีเงื่อนงำในการเร่งรัดและตรวจสอบพบว่าแทนที่จะมีการนำรถเก๋งที่นำมาใช้ในสนามบินนานาชาติสากลที่ใช้อยู่ทั่วโลก แต่ปรากฎว่ากลับมีการแกไขสเปคและท้ายที่สุดก็กลายเป็นรีงงานที่ผลิตรถเข็นกระเป๋าในซุปเปอร์มาร์เก็ตไม่มีประสบการณ์ผลงานสำหรับการจำหน่ายหรือการให้บริการรถเข็นกระเป๋าในสนามบินนานาชาติ” นายอลงกรณ์กล่าว
นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ส่อให้เห็นว่า มีความไม่โปร่งใสและมีการรวบรัดในการำสัญญากับบริษัทไทยแอร์พอร์ตกราวนด์เซอร์วิสเซสซึ่งปัจจุบันสิงคโปร์ได้ถือหุ้น 48.5% เพราะฉะนั้นขอให้ รมว.คมนาคม และก็บอร์ดของ ทอท.และก็ผู้บริหาร ทอท.ได้ทบทวนเรื่องดังกล่าวให้มีการสอบสวนว่าทำไมถึงไม่ปฏิบัติตามมติของ กกท. และก็แนวทางในการยึดประโยชน์ของ กกท.
“วันพรุ่งนี้ (23 กรกฎาคม 2549) ก็จะมีการเปิดเผยผลการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการกำจัดขยะ 566 ล้านบาทที่สนามบินสุวรรณภูมิซึ่งไม่น่าเชื่อว่า บริษัทที่ได้สัญญาเป็นบริษัทที่ทำด้านโทรคมนาคมก็ไม่ทราบว่าการบริหารสนามบินสุวรรณภูมินั้น บริหารเพื่อให้เกิดมาตรฐานในระดับสากลเป็นฮับการบินของภูมิภาคแถบนี้อยู่ในระดับเวิร์ลคลาสแต่ปรากฎว่าการจัดซื้อจัดจ้างโดยอาศัยการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษนั้นล้วนแล้วแต่ก่อความไม่โปร่งใสทั้งในเรื่องของรถเข็นและล่าสุดก็คือโครงการกำจัดขยะสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งแปลกแต่ใจว่า กลายเป็นบริษัทโทรคมนาคมซึ่งมีความสัมพันธ์กับน้องสาวน้องชายของนายกรัฐมนตรี ที่ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าว” นายอลงกรณ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22 ก.ค. 2549--จบ--
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นวันที่ 6 มิถุนายน 2549 คณะกรรมการพิจารณาการจัดจ้างได้ดำเนินการเสนอหนังสือถึงกรรมการผู้อำนวยการใหญ่เป็นแนวทางที่จะให้บริษัทชั้นนำของโลกได้เสนอที่ใช้อยู่แพร่หลาย แต่ปรากฎว่าเมื่อถึงวันที่ 8 มิถุนายน 2549 ได้มีหนังสือของบริษัทผู้ผลิตรถเข็นกระเป๋าของเยอรมันยี่ห้อวันซี ดดยกิจการร่วมค้า พีเจทีได้นำเสนอหนังสือโดยเสนอยกให้ฟรีทั้ง 9,000 คันทั้งขนาดกลาง ขนาดเล็กขนาดใหญ่แลกกกับโฆษณาที่จะติดบนตัวรถ ซึ่งหมายความว่า ทอท.จะไม่ต้องใช้เงินลงทุนเกือบ 500 ล้านบาทในโครงการดังกล่าว
“แต่ปรากฎว่าในวันที่ 16 มิถุนายน 2549 ในรายงานความก้าวหน้าของงานเอ้าท์ซอร์ตท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 1 ใน 47 โครงการนั้นก็คือโครงการจ้างผู้บริการรถเข็นกระเป่าระยะเวลา 7 ปี ทาง ทอท.ได้ลงนามในสัญญาว่าจ้างบริษัทไทยแอร์พอร์ตกราวนด์เซอร์วิสเป็นวงเงิน 498 ล้านบาท โดยไม่ได้ปฏิบัติตามมติของ กกท.และก็ข้อเสนอของคณะกรรมการจัดจ้างของ ทอท.เองในเรื่องนี้ซึ่งทำให้เห็นว่ามีเงื่อนงำในการเร่งรัดและตรวจสอบพบว่าแทนที่จะมีการนำรถเก๋งที่นำมาใช้ในสนามบินนานาชาติสากลที่ใช้อยู่ทั่วโลก แต่ปรากฎว่ากลับมีการแกไขสเปคและท้ายที่สุดก็กลายเป็นรีงงานที่ผลิตรถเข็นกระเป๋าในซุปเปอร์มาร์เก็ตไม่มีประสบการณ์ผลงานสำหรับการจำหน่ายหรือการให้บริการรถเข็นกระเป๋าในสนามบินนานาชาติ” นายอลงกรณ์กล่าว
นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ส่อให้เห็นว่า มีความไม่โปร่งใสและมีการรวบรัดในการำสัญญากับบริษัทไทยแอร์พอร์ตกราวนด์เซอร์วิสเซสซึ่งปัจจุบันสิงคโปร์ได้ถือหุ้น 48.5% เพราะฉะนั้นขอให้ รมว.คมนาคม และก็บอร์ดของ ทอท.และก็ผู้บริหาร ทอท.ได้ทบทวนเรื่องดังกล่าวให้มีการสอบสวนว่าทำไมถึงไม่ปฏิบัติตามมติของ กกท. และก็แนวทางในการยึดประโยชน์ของ กกท.
“วันพรุ่งนี้ (23 กรกฎาคม 2549) ก็จะมีการเปิดเผยผลการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการกำจัดขยะ 566 ล้านบาทที่สนามบินสุวรรณภูมิซึ่งไม่น่าเชื่อว่า บริษัทที่ได้สัญญาเป็นบริษัทที่ทำด้านโทรคมนาคมก็ไม่ทราบว่าการบริหารสนามบินสุวรรณภูมินั้น บริหารเพื่อให้เกิดมาตรฐานในระดับสากลเป็นฮับการบินของภูมิภาคแถบนี้อยู่ในระดับเวิร์ลคลาสแต่ปรากฎว่าการจัดซื้อจัดจ้างโดยอาศัยการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษนั้นล้วนแล้วแต่ก่อความไม่โปร่งใสทั้งในเรื่องของรถเข็นและล่าสุดก็คือโครงการกำจัดขยะสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งแปลกแต่ใจว่า กลายเป็นบริษัทโทรคมนาคมซึ่งมีความสัมพันธ์กับน้องสาวน้องชายของนายกรัฐมนตรี ที่ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าว” นายอลงกรณ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22 ก.ค. 2549--จบ--