ทะนง-สมคิด เตือนทุนนอกย้ายฐาน

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 18, 2006 11:00 —กรมส่งเสริมการส่งออก

          ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ให้ความเห็นถึงผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองในกลุ่มประเทศตะวันออกกกลางต่อราคาน้ำมันว่า ผลของราคาน้ำมันที่สูงขึ้นไม่น่าจะเป็นแรงกดดันที่ทำให้เกิดอัตราเงินเฟ้อเพิ่มมากขึ้นนัก ทั้งนี้จะต้องรอดูสถานการณ์ไปอีกระยะหนึ่งก่อน ในขณะที่รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ดร.ทนง พิทยะ กล่าวถึงสถานการณ์ดังกล่าวว่าเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายจะต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากน้อยเพียงใดอย่างไรก็ตามนายทนงเชื่อว่า พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังคงมีเสถียรภาพพอที่จะรองรับปัญหาด้านราคาน้ำมัน
ดร.ทนงยังได้ให้ความเห็นถึงเรื่องปัจจัยที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้คือ การลงทุนของภาคเอกชนไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศมีแนวโน้มชะลอตัวลง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องศึกษาถึงสาเหตุและแนวทางแก้ไข ซึ่งดร.สมคิดยังได้กล่าวเสริมถึงประเด็นดังกล่าวว่า ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณว่านักลงทุนของสหรัฐฯ กำลังสนใจเข้าไปลงทุนในประเทศอื่นๆ เช่น มาเลเซียและเวียดนาม มากขึ้น เนื่องจากนักลงทุน ส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นลดลงในเสถียรภาพทางการเมืองของไทยในขณะนี้ หากขาดความชัดเจนเป็นเวลานาน จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาวได้ นอกจากนี้ล่าสุดสหรัฐฯ ได้ประกาศตัดสิทธิพิเศษภาษีศุลกากร (จีเอสพี) 4 รายการ ได้แก่ ลำไย/ลิ้นจี่กระป๋อง อะลูมิเนียม ผลิตภัณฑ์พลาสติก และธัญพืช ซึ่งคาดว่าในช่วงปลายปีนี้สหรัฐฯ จะพิจารณาทบทวนอีกครั้ง และจะมีผลจริงในเดือนธันวาคม 2549
ประเด็นวิเคราะห์
จากภาวะการเมืองที่ยังขาดความชัดเจน ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งจากต่างประเทศและภายในประเทศ และนอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นอีก เช่น ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ต่อเนื่อง อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ค่าเงินบาทผันผวนตลอดจนภาวะขัดแย้งในตะวันออกกลางระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นระหว่างอิสราเอลกับเลบานอน หากยืดเยื้อจะส่งผลกระทบให้ราคาน้ำมันซึ่งอ่อนไหวมากอาจพุ่งสูงขึ้นไปอีก จะส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อภาคการผลิตและเศรษฐกิจโดยรวมได้
ที่มา: http://www.depthai.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ