นางสาวพจนีย์ ธนวรานิช อธิบดีกรมการประกันภัย เปิดเผยว่า บริษัทประกันชีวิต ทั้ง 25 บริษัท ได้วางทรัพย์สินสำหรับเป็นเงินสำรองประกันภัยตามกรมธรรม์ประกันชีวิตซึ่งยังมีผลผูกพันกับกรมการประกันภัย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 97,128 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากปีก่อนร้อยละ 21.66 ซึ่งมีรายละเอียดทรัพย์สินดังนี้
1.พันธบัตรรัฐบาลไทยจำนวน 65,973.68 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 67.92 ของทรัพย์สินเงินสำรองที่วางไว้
2.พันธบัตรรัฐวิสาหกิจจำนวน 23,119.69 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23.80 ของทรัพย์สินเงินสำรองที่วางไว้
3.ตั๋วแลกเงินและตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 6,398.38 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.59 ของทรัพย์สินเงินสำรองที่วางไว้
4.สมุดเงินฝาก และใบรับฝากเงินประจำจำนวน 800 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.82 ของทรัพย์สินเงินสำรองที่วางไว้
5.ที่ดินและอาคารจำนวน 520.38 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.54 ของทรัพย์สิน เงินสำรองที่วางไว้
6.หุ้นกู้บริษัทจำกัดและหุ้นกู้บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจำนวน 315.91 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.33 ของทรัพย์สินเงินสำรองที่วางไว้
บริษัทประกันชีวิตจะต้องจัดสรรเบี้ยประกันภัยไว้เป็นเงินสำรองประกันภัยเพื่อจ่ายคืนให้แก่ผู้เอาประกันชีวิตหรือผู้รับประโยชน์ในอนาคตตามสัญญาที่ได้ทำไว้กับลูกค้า เช่น เมื่อครบกำหนดสัญญา เมื่อเสียชีวิต หรือเมื่อเวนคืนกรมธรรม์ ฯลฯ กฎหมายกำหนดให้บริษัทจะต้องนำเงินสำรองประกันภัยมาวางไว้กับกรมการประกันภัยเป็นมูลค่าไม่เกินร้อยละยี่สิบห้าของเงินสำรองประกันภัยทั้งสิ้น
เงินสำรองประกันภัยที่บริษัทประกันชีวิตได้วางไว้กับกรมการประกันภัยนี้เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงสำหรับผู้ทำประกันภัยกับบริษัทประกันชีวิต ดังนั้นกรมการประกันภัยจึงกำหนดให้บริษัทจะต้องนำทรัพย์สินที่มีความมั่นคงสูงเท่านั้นที่วางกับกรมการประกันภัยได้
ที่มา: http://www.doi.go.th