ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.เตรียมพิจารณาการให้ซอฟท์โลนแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม รักษาการผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงการ
พิจารณาสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) ให้กับผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วมว่า ขณะนี้ ธพ.กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดของสินเชื่อดังกล่าว
อยู่ ซึ่งหลังจากพิจารณาแล้วจะเสนอมายัง ธปท. นอกจากนี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.ไทยพาณิชย์ กล่ายภายหลังการประชุมร่วมกับคณะกรรมการ
ร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า ในส่วนของสมาคมธนาคารไทย จะทำหนังสือถึง ธปท.ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อหาแนวทางในการบรรเทาความ
เดือดร้อนให้กับผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งในเบื้องต้นได้มีการหารือด้วยวาจาและ ธปท.เห็นชอบกับแนวทางดังกล่าว โดยจะเป็นการขอวงเงิน
สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำคล้ายกับความช่วยเหลือที่ให้กับผู้ประสบภัยสึนามิและ 3 จังหวัดภาคใต้ (กรุงเทพธุรกิจ)
2. สศช.พัฒนาดัชนีชี้วัดความอยู่เย็นเป็นสุขเพื่อใช้ชี้วัดความเข้มแข็งของชุมชน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ สศช. ซึ่งมีการพิจารณาพัฒนาดัชนีชี้วัดความอยู่เย็นเป็นสุขสำหรับชี้วัดความ
เข้มแข็งของชุมชน ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 โดยการจัดทำดัชนีชี้วัดความอยู่เย็นเป็นสุขเน้น 5 องค์ประกอบ
ได้แก่ 1) ด้านเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ การทำมาหากิจที่มีรายได้และหลักประกันความมั่นคงในชีวิต 2) ความเข้มแข็งของคนทั้งในสังคม ชุมชน
และครอบครัว 3) ความมีสุขภาวะที่ดี ทั้งจิตใจ อารมณ์ ร่างกาย และสติปัญญาอย่างสมดุลและเข้าถึงหลักศาสนา 4) อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี
มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และ 5) หลักธรรมาภิบาลที่มีสิทธิเสรีภาพ และการเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้
ภายในเวลา 2 เดือน จะนำการกำหนดตัวชี้วัดรายงานต่อคณะกรรมการอีกครั้ง (กรุงเทพธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์, ไทยโพสต์)
3. ดัชนีความเชื่อมั่นเอสเอ็มอีเดือน ก.ย.49 ปรับตัวลดลงเล็กน้อย ผอ.สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและ
ขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคการค้าและบริการของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(เอสเอ็มอี) เดือน ก.ย.49 ปรับตัวลดลงเล็กน้อยที่ระดับ 41.0 จาก 41.3 ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจของ
ประเทศเพิ่มขึ้นที่ 32.7 จาก 30.4 ส่วนความเชื่อมั่นต่อธุรกิจตนเองของเอสเอ็มอีลดลงที่ 34.6 จาก 36.6 สาเหตุจากดัชนีความเชื่อมั่นเกือบ
ทุกองค์ประกอบโดยเฉพาะด้านกำไรและยอดขายปรับตัวลดลง จากปัญหาการเมืองและน้ำท่วม โดยสาขาธุรกิจที่มีระดับความเชื่อมั่นลดลงสูงสุดคือ
ภาคบริการ โรงแรม ซึ่งดัชนีลดลงที่ 39.1 จาก 49.1 (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้, ข่าวสด)
4. ภาวะเศรษฐกิจภาคใต้ไตรมาส 3 ปี 49 ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากไตรมาสก่อน ผู้อำนวยการอาวุโส
ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ แถลงข่าวภาวะเศรษฐกิจภาคใต้ไตรมาส 3 ปี 49 ว่า เศรษฐกิจภาคใต้โดยรวมขยายตัวในอัตราที่
ชะลอลงจากไตรมาสก่อน โดยด้านการผลิต รายได้จากการขายพืชผลที่สำคัญขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากไตรมาสก่อนค่อนข้างมากเป็นผลจาก
ราคายางพาราที่ปรับลดลง และด้านประมงที่ซบเซาต่อเนื่องจากผลกระทบราคาน้ำมันและมาตรการเข้มงวดในน่านน้ำประเทศเพื่อนบ้าน ส่วน
ภาคอุตสาหกรรมโดยรวมขยายตัวในอัตราชะลอลงเช่นกัน สำหรับการท่องเที่ยวแม้จะชะลอตัวลงบ้างแต่ก็ยังขยายตัวในเกณฑ์ดี โดยจำนวน
นักท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวชะลอลง ขณะที่การ
ลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากแรงกดดันต่อการตัดสินใจลงทุนเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น อาทิ ราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม
ภาคการเงินได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดในย่านธุรกิจ อ.หาดใหญ่ และสถานการณ์การเมือง ส่งผลให้ผู้ประกอบการรอดูทิศทางเพื่อลงทุนใน
ธุรกิจทำให้ความต้องการสินเชื่อชะลอลง สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจภาคใต้ปี 50 หากพิจารณาจากปัจจัยบวกและลบแล้วยังคงขยายตัวในเกณฑ์ดี
โดยปัจจัยบวกที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจภาคใต้ ได้แก่ ความชัดเจนทางการเมือง ส่วนปัจจัยลบที่ต้องติดตามคือ ทิศทางราคาน้ำมัน (ผู้จัดการรายวัน)
5. ธ.กสิกรไทยได้รับการจัดอันดับความแข็งแกร่งเป็น 300 อันดับแรกในเอเชีย-แปซิฟิก กรรมการผู้จัดการ ธ.กสิกรไทย
เปิดเผยว่า วารสาร The Asian Banker ฉบับพิเศษ ได้รายงานผลการจัดอันดับ The Asian Banker 300 ประจำปี 2549 ซึ่งเป็นการ
จัดอันดับธนาคารพาณิชย์ในเอเชีย-แปซิฟิก 300 อันดับแรก ในด้านขนาดของสินทรัพย์และด้านความแข็งแกร่ง ซึ่ง ธ.กสิกรไทย ได้รับการจัดอันดับ
ให้เป็นธนาคารที่มีขนาดของสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับที่ 130 ของเอเชีย-แปซิฟิก ขณะเดียวกันได้รับการจัดอันดับให้เป็นธนาคารที่มีความแข็งแกร่ง
สูงเป็นอันดับที่ 137 ของเอเชีย-แปซิฟิก โดยได้รับคะแนนความแข็งแกร่งที่ 2.50 จากคะแนนเต็ม 50 ทั้งนี้ การคำนวณเพื่อจัดอันดับความ
แข็งแกร่งนั้น ใช้ตัววัดที่ประกอบด้วยตัวเลขผลประกอบการและอัตราส่วนทางการเงินในปี 48 ของแต่ละธนาคาร 11 ประเภท ซึ่งสะท้อนแง่มุม
สำคัญของธนาคารทั้งสิ้น 5 ด้าน ได้แก่ ขนาดของสินทรัพย์ การเติบโตของตัวเลขในงบดุล การจัดการความเสี่ยง ความสามารถในการทำกำไร
และคุณภาพสินทรัพย์ สำหรับธนาคารที่มีความแข็งแกร่งที่สุดในเอเชีย-แปซิฟิกคือ Shinsei Bank ของญี่ปุ่นซึ่งมีคะแนน 4.29 คะแนน และธนาคาร
ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ได้แก่ Mitsubishi UFJ Financial Group ของญี่ปุ่น (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้, ไทยโพสต์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. OPEC อาจพิจารณาลดกำลังการผลิตน้ำมันอีกรอบ รายงานจากโซล เมื่อ 6 พ.ย.49 Edmund Daukoru ซึ่งเป็นประธานกลุ่ม
ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือ OPEC และดำรงตำแหน่ง รมต.พลังงานของไนจีเรียซึ่งเป็นประเทศผู้น้ำมันรายใหญ่อันดับที่ 8 ของโลกด้วยให้สัมภาษณ์
ในระหว่างการเยือนเมืองหลวงของเกาหลีใต้ว่ากำลังการผลิตน้ำมันของ OPEC ในขณะนี้ยังอยู่ในระดับที่เกินความต้องการแม้ว่าที่ประชุม OPEC
จะได้ตกลงให้มีการลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 1.2 ล้านบาร์เรลเมื่อเดือนที่ผ่านมาแล้วก็ตาม ดังนั้น OPEC อาจพิจารณาลดกำลังการผลิตน้ำมัน
อีกรอบ แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะลดกำลังการผลิตลงเท่าไร ทั้งนี้คาดกันว่าปริมาณน้ำมันจากกลุ่มประเทศ OPEC จะลดลงในเดือน พ.ย.49
หลังจากมีข้อตกลงดังกล่าวข้างต้น แต่นักวิเคราะห์ตั้งข้อสงสัยว่า OPEC จะลดลงกำลังการผลิตเต็มจำนวนตามที่ตกลงกันหรือไม่ เพราะเท่าที่ทราบ
ขณะนี้มีการลดกำลังการผลิตลงเพียง 0.5 ล้านบาร์เรลจาก 3 ประเทศสมาชิกคือ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับ เอมิเรต และ แอลจีเรีย (รอยเตอร์)
2. ทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนทำสถิติสูงสุดถึง1 ล้าน ล้าน ดอลลาร์ สรอ. รายงานจากปักกิ่งเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 49
โฆษกรัฐบาลจีนเปิดเผยว่า ทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนใน ณ สิ้นสุดเดือน ก.ย. ทำสถิติสูงสุดที่ระดับ 987.9 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.
ทั้งนี้ทุนสำรองระหว่างประเทศขยายตัวอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง คาดว่าจะสูงถึง 1 ล้าน ล้านดอลลาร์ สรอ. ได้ทุกเวลา โดยก่อนหน้านั้น
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าทุนสำรองทางการของจีนจะสูงถึง 2 ล้าน ล้าน ดอลลาร์ สรอ. ในปี 53 (รอยเตอร์)
3. Qatar Islamic Bank มีแผนที่จะขยายสาขาในภูมิภาคเอเซีย รายงานจากโดฮาเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 49 ผู้บริหารระดับสูงของ .
Qatar Islamic Bank ธ.อิสลามที่มีมูลค่าการตลาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 5 ของอาหรับมีแผนที่จะเปิดสำนักงานในประเทศอินโดนีเซีย สิงคโปร์
และบรูไน ทั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการขยายสาขาในภูมิภาคเอเชีย โดย Qatar Islamic Bank ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นถึงร้อยละ 70 ใน
Asian Finance Bank จะเปิดสำนักงานตัวแทนใน 3 ประเทศก่อนที่จะตั้งเป็นสาขาของธนาคาร โดยจะดำเนินกิจการการเงิน บริการที่ปรึกษา
ทางการเงิน และการลงทุนต่างๆ เป็นพิเศษต่างจาก ธพ.ท้องถิ่นอื่นๆ ทั้งนี้ธนาคารต่างๆจากภูมิภาคเอเชียไปจนถึง สรอ.ต่างขยายการดำเนิน
กิจการ ธ.อิสลามเนื่องจากความต้องการใช้บริการทางการเงินของชาวมุสลิมทั่วโลกถึง 1.2 พัน ล. คน และประมาณร้อยละ 10 หรือ
400 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ของ 4 ล้าน ล้าน ดอลลาร์ สรอ. ของชาวมุสลิมผู้มั่งคั่งใช้กฎหมายอิสลาม บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ
Standard & Poor กล่าวว่าชาวอิสลามห้ามการรับดอกเบี้ยที่สูงเกินไป ทั้งนี้ในช่วงไตรมาสที่ 3 Qatar Islamic Bank มีกำไรมากกว่าเท่า
ตัวและจะลงทุน 100 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในการจัดตั้งธ.อิสลามในประเทศอินโดนิเนีย (รอยเตอร์)
4. คาดว่าผลผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซียในเดือน ก.ย.49 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 เมื่อเทียบต่อปี รายงานจากกัวลาลัมเปอร์เมื่อ
6 พ.ย.49 ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์คาดว่าผลผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซียซึ่งประกอบด้วยผลผลิตโรงงาน การ
ทำเหมืองและการผลิตกระแสไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 ในเดือน ก.ย.49 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 48 หลังจากเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ
5.0 ในเดือน ส.ค.49 ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ทั้งนี้นักเศรษฐศาสตร์คาดว่ายอดนำเข้าสินค้าขั้นกลางเพื่อนำมาผลิตต่อเป็นสินค้าสำเร็จ
รูปที่เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดในรอบ 7 เดือนในเดือน ส.ค.49 จะทำให้ผลผลิตโรงงานในเดือน ก.ย.49 เพิ่มสูงขึ้นจากเดือน ส.ค.49 โดยผลผลิต
โรงงานมีสัดส่วนถึง 2 ใน 3 ของผลผลิตอุตสาหกรรมทั้งหมดและส่วนใหญ่เป็นการผลิตในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เซมิคอนดัคเตอร์
เครื่องรับโทรทัศน์ สายเคเบิ้ลและสายไฟฟ้า เป็นต้น อย่างไรก็ดี คาดว่าผลผลิตอุตสาหกรรมในปี 50 จะชะลอตัวลงตามการชะลอตัวของ
เศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะ สรอ.ซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญของมาเลเซีย (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 7 พ.ย. 49 6 พ.ย. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 36.732 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 36.5392/36.8335 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12063 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 734.90/12.42 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,750/10,850 10,800/10,900 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 55.55 54.55 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 3 พ.ย. 49 25.29*/23.84* 25.29*/23.84* 27.24/24.69 ปตท
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.เตรียมพิจารณาการให้ซอฟท์โลนแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม รักษาการผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงการ
พิจารณาสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) ให้กับผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วมว่า ขณะนี้ ธพ.กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดของสินเชื่อดังกล่าว
อยู่ ซึ่งหลังจากพิจารณาแล้วจะเสนอมายัง ธปท. นอกจากนี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.ไทยพาณิชย์ กล่ายภายหลังการประชุมร่วมกับคณะกรรมการ
ร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า ในส่วนของสมาคมธนาคารไทย จะทำหนังสือถึง ธปท.ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อหาแนวทางในการบรรเทาความ
เดือดร้อนให้กับผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งในเบื้องต้นได้มีการหารือด้วยวาจาและ ธปท.เห็นชอบกับแนวทางดังกล่าว โดยจะเป็นการขอวงเงิน
สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำคล้ายกับความช่วยเหลือที่ให้กับผู้ประสบภัยสึนามิและ 3 จังหวัดภาคใต้ (กรุงเทพธุรกิจ)
2. สศช.พัฒนาดัชนีชี้วัดความอยู่เย็นเป็นสุขเพื่อใช้ชี้วัดความเข้มแข็งของชุมชน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ สศช. ซึ่งมีการพิจารณาพัฒนาดัชนีชี้วัดความอยู่เย็นเป็นสุขสำหรับชี้วัดความ
เข้มแข็งของชุมชน ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 โดยการจัดทำดัชนีชี้วัดความอยู่เย็นเป็นสุขเน้น 5 องค์ประกอบ
ได้แก่ 1) ด้านเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ การทำมาหากิจที่มีรายได้และหลักประกันความมั่นคงในชีวิต 2) ความเข้มแข็งของคนทั้งในสังคม ชุมชน
และครอบครัว 3) ความมีสุขภาวะที่ดี ทั้งจิตใจ อารมณ์ ร่างกาย และสติปัญญาอย่างสมดุลและเข้าถึงหลักศาสนา 4) อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี
มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และ 5) หลักธรรมาภิบาลที่มีสิทธิเสรีภาพ และการเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้
ภายในเวลา 2 เดือน จะนำการกำหนดตัวชี้วัดรายงานต่อคณะกรรมการอีกครั้ง (กรุงเทพธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์, ไทยโพสต์)
3. ดัชนีความเชื่อมั่นเอสเอ็มอีเดือน ก.ย.49 ปรับตัวลดลงเล็กน้อย ผอ.สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและ
ขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคการค้าและบริการของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(เอสเอ็มอี) เดือน ก.ย.49 ปรับตัวลดลงเล็กน้อยที่ระดับ 41.0 จาก 41.3 ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจของ
ประเทศเพิ่มขึ้นที่ 32.7 จาก 30.4 ส่วนความเชื่อมั่นต่อธุรกิจตนเองของเอสเอ็มอีลดลงที่ 34.6 จาก 36.6 สาเหตุจากดัชนีความเชื่อมั่นเกือบ
ทุกองค์ประกอบโดยเฉพาะด้านกำไรและยอดขายปรับตัวลดลง จากปัญหาการเมืองและน้ำท่วม โดยสาขาธุรกิจที่มีระดับความเชื่อมั่นลดลงสูงสุดคือ
ภาคบริการ โรงแรม ซึ่งดัชนีลดลงที่ 39.1 จาก 49.1 (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้, ข่าวสด)
4. ภาวะเศรษฐกิจภาคใต้ไตรมาส 3 ปี 49 ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากไตรมาสก่อน ผู้อำนวยการอาวุโส
ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ แถลงข่าวภาวะเศรษฐกิจภาคใต้ไตรมาส 3 ปี 49 ว่า เศรษฐกิจภาคใต้โดยรวมขยายตัวในอัตราที่
ชะลอลงจากไตรมาสก่อน โดยด้านการผลิต รายได้จากการขายพืชผลที่สำคัญขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากไตรมาสก่อนค่อนข้างมากเป็นผลจาก
ราคายางพาราที่ปรับลดลง และด้านประมงที่ซบเซาต่อเนื่องจากผลกระทบราคาน้ำมันและมาตรการเข้มงวดในน่านน้ำประเทศเพื่อนบ้าน ส่วน
ภาคอุตสาหกรรมโดยรวมขยายตัวในอัตราชะลอลงเช่นกัน สำหรับการท่องเที่ยวแม้จะชะลอตัวลงบ้างแต่ก็ยังขยายตัวในเกณฑ์ดี โดยจำนวน
นักท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวชะลอลง ขณะที่การ
ลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากแรงกดดันต่อการตัดสินใจลงทุนเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น อาทิ ราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม
ภาคการเงินได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดในย่านธุรกิจ อ.หาดใหญ่ และสถานการณ์การเมือง ส่งผลให้ผู้ประกอบการรอดูทิศทางเพื่อลงทุนใน
ธุรกิจทำให้ความต้องการสินเชื่อชะลอลง สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจภาคใต้ปี 50 หากพิจารณาจากปัจจัยบวกและลบแล้วยังคงขยายตัวในเกณฑ์ดี
โดยปัจจัยบวกที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจภาคใต้ ได้แก่ ความชัดเจนทางการเมือง ส่วนปัจจัยลบที่ต้องติดตามคือ ทิศทางราคาน้ำมัน (ผู้จัดการรายวัน)
5. ธ.กสิกรไทยได้รับการจัดอันดับความแข็งแกร่งเป็น 300 อันดับแรกในเอเชีย-แปซิฟิก กรรมการผู้จัดการ ธ.กสิกรไทย
เปิดเผยว่า วารสาร The Asian Banker ฉบับพิเศษ ได้รายงานผลการจัดอันดับ The Asian Banker 300 ประจำปี 2549 ซึ่งเป็นการ
จัดอันดับธนาคารพาณิชย์ในเอเชีย-แปซิฟิก 300 อันดับแรก ในด้านขนาดของสินทรัพย์และด้านความแข็งแกร่ง ซึ่ง ธ.กสิกรไทย ได้รับการจัดอันดับ
ให้เป็นธนาคารที่มีขนาดของสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับที่ 130 ของเอเชีย-แปซิฟิก ขณะเดียวกันได้รับการจัดอันดับให้เป็นธนาคารที่มีความแข็งแกร่ง
สูงเป็นอันดับที่ 137 ของเอเชีย-แปซิฟิก โดยได้รับคะแนนความแข็งแกร่งที่ 2.50 จากคะแนนเต็ม 50 ทั้งนี้ การคำนวณเพื่อจัดอันดับความ
แข็งแกร่งนั้น ใช้ตัววัดที่ประกอบด้วยตัวเลขผลประกอบการและอัตราส่วนทางการเงินในปี 48 ของแต่ละธนาคาร 11 ประเภท ซึ่งสะท้อนแง่มุม
สำคัญของธนาคารทั้งสิ้น 5 ด้าน ได้แก่ ขนาดของสินทรัพย์ การเติบโตของตัวเลขในงบดุล การจัดการความเสี่ยง ความสามารถในการทำกำไร
และคุณภาพสินทรัพย์ สำหรับธนาคารที่มีความแข็งแกร่งที่สุดในเอเชีย-แปซิฟิกคือ Shinsei Bank ของญี่ปุ่นซึ่งมีคะแนน 4.29 คะแนน และธนาคาร
ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ได้แก่ Mitsubishi UFJ Financial Group ของญี่ปุ่น (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้, ไทยโพสต์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. OPEC อาจพิจารณาลดกำลังการผลิตน้ำมันอีกรอบ รายงานจากโซล เมื่อ 6 พ.ย.49 Edmund Daukoru ซึ่งเป็นประธานกลุ่ม
ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือ OPEC และดำรงตำแหน่ง รมต.พลังงานของไนจีเรียซึ่งเป็นประเทศผู้น้ำมันรายใหญ่อันดับที่ 8 ของโลกด้วยให้สัมภาษณ์
ในระหว่างการเยือนเมืองหลวงของเกาหลีใต้ว่ากำลังการผลิตน้ำมันของ OPEC ในขณะนี้ยังอยู่ในระดับที่เกินความต้องการแม้ว่าที่ประชุม OPEC
จะได้ตกลงให้มีการลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 1.2 ล้านบาร์เรลเมื่อเดือนที่ผ่านมาแล้วก็ตาม ดังนั้น OPEC อาจพิจารณาลดกำลังการผลิตน้ำมัน
อีกรอบ แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะลดกำลังการผลิตลงเท่าไร ทั้งนี้คาดกันว่าปริมาณน้ำมันจากกลุ่มประเทศ OPEC จะลดลงในเดือน พ.ย.49
หลังจากมีข้อตกลงดังกล่าวข้างต้น แต่นักวิเคราะห์ตั้งข้อสงสัยว่า OPEC จะลดลงกำลังการผลิตเต็มจำนวนตามที่ตกลงกันหรือไม่ เพราะเท่าที่ทราบ
ขณะนี้มีการลดกำลังการผลิตลงเพียง 0.5 ล้านบาร์เรลจาก 3 ประเทศสมาชิกคือ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับ เอมิเรต และ แอลจีเรีย (รอยเตอร์)
2. ทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนทำสถิติสูงสุดถึง1 ล้าน ล้าน ดอลลาร์ สรอ. รายงานจากปักกิ่งเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 49
โฆษกรัฐบาลจีนเปิดเผยว่า ทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนใน ณ สิ้นสุดเดือน ก.ย. ทำสถิติสูงสุดที่ระดับ 987.9 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.
ทั้งนี้ทุนสำรองระหว่างประเทศขยายตัวอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง คาดว่าจะสูงถึง 1 ล้าน ล้านดอลลาร์ สรอ. ได้ทุกเวลา โดยก่อนหน้านั้น
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าทุนสำรองทางการของจีนจะสูงถึง 2 ล้าน ล้าน ดอลลาร์ สรอ. ในปี 53 (รอยเตอร์)
3. Qatar Islamic Bank มีแผนที่จะขยายสาขาในภูมิภาคเอเซีย รายงานจากโดฮาเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 49 ผู้บริหารระดับสูงของ .
Qatar Islamic Bank ธ.อิสลามที่มีมูลค่าการตลาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 5 ของอาหรับมีแผนที่จะเปิดสำนักงานในประเทศอินโดนีเซีย สิงคโปร์
และบรูไน ทั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการขยายสาขาในภูมิภาคเอเชีย โดย Qatar Islamic Bank ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นถึงร้อยละ 70 ใน
Asian Finance Bank จะเปิดสำนักงานตัวแทนใน 3 ประเทศก่อนที่จะตั้งเป็นสาขาของธนาคาร โดยจะดำเนินกิจการการเงิน บริการที่ปรึกษา
ทางการเงิน และการลงทุนต่างๆ เป็นพิเศษต่างจาก ธพ.ท้องถิ่นอื่นๆ ทั้งนี้ธนาคารต่างๆจากภูมิภาคเอเชียไปจนถึง สรอ.ต่างขยายการดำเนิน
กิจการ ธ.อิสลามเนื่องจากความต้องการใช้บริการทางการเงินของชาวมุสลิมทั่วโลกถึง 1.2 พัน ล. คน และประมาณร้อยละ 10 หรือ
400 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ของ 4 ล้าน ล้าน ดอลลาร์ สรอ. ของชาวมุสลิมผู้มั่งคั่งใช้กฎหมายอิสลาม บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ
Standard & Poor กล่าวว่าชาวอิสลามห้ามการรับดอกเบี้ยที่สูงเกินไป ทั้งนี้ในช่วงไตรมาสที่ 3 Qatar Islamic Bank มีกำไรมากกว่าเท่า
ตัวและจะลงทุน 100 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในการจัดตั้งธ.อิสลามในประเทศอินโดนิเนีย (รอยเตอร์)
4. คาดว่าผลผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซียในเดือน ก.ย.49 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 เมื่อเทียบต่อปี รายงานจากกัวลาลัมเปอร์เมื่อ
6 พ.ย.49 ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์คาดว่าผลผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซียซึ่งประกอบด้วยผลผลิตโรงงาน การ
ทำเหมืองและการผลิตกระแสไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 ในเดือน ก.ย.49 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 48 หลังจากเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ
5.0 ในเดือน ส.ค.49 ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ทั้งนี้นักเศรษฐศาสตร์คาดว่ายอดนำเข้าสินค้าขั้นกลางเพื่อนำมาผลิตต่อเป็นสินค้าสำเร็จ
รูปที่เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดในรอบ 7 เดือนในเดือน ส.ค.49 จะทำให้ผลผลิตโรงงานในเดือน ก.ย.49 เพิ่มสูงขึ้นจากเดือน ส.ค.49 โดยผลผลิต
โรงงานมีสัดส่วนถึง 2 ใน 3 ของผลผลิตอุตสาหกรรมทั้งหมดและส่วนใหญ่เป็นการผลิตในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เซมิคอนดัคเตอร์
เครื่องรับโทรทัศน์ สายเคเบิ้ลและสายไฟฟ้า เป็นต้น อย่างไรก็ดี คาดว่าผลผลิตอุตสาหกรรมในปี 50 จะชะลอตัวลงตามการชะลอตัวของ
เศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะ สรอ.ซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญของมาเลเซีย (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 7 พ.ย. 49 6 พ.ย. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 36.732 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 36.5392/36.8335 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12063 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 734.90/12.42 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,750/10,850 10,800/10,900 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 55.55 54.55 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 3 พ.ย. 49 25.29*/23.84* 25.29*/23.84* 27.24/24.69 ปตท
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--