แท็ก
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ธนาคารแห่งประเทศไทย
กิตติรัตน์ ณ ระนอง
อัตราดอกเบี้ย
ลดดอกเบี้ย
ตลท.
ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ระบุไม่สามารถใช้นโยบายลดดอกเบี้ยได้ เหตุเพราะไทยยังมีความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ รองผู้ว่าการ สายเสถียรภาพสถาบัน
การเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตกรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
(ตลท.) เสนอว่า ธปท.ควรจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายว่า ธปท.คงไม่สามารถลด
อัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงด้านเงินเฟ้ออยู่ เพราะราคาน้ำมันยังคงปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การ
ดำเนินนโยบายการเงินนั้น ธปท.ก็ให้ความสำคัญทั้งภาวะเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อควบคู่กันอยู่แล้ว โดยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการ
เงิน (กนง.) ครั้งล่าสุดที่ไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพราะเห็นว่าความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมีมากขึ้น ในขณะที่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ
ยังพอควบคุมได้ (กรุงเทพธุรกิจ, เดลินิวส์, มติชน, แนวหน้า)
2. ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมไทยในเดือน มิ.ย.49 ปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 6 เดือนอยู่ที่ระดับ 87.9 ประธานสภา
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย (Thai Industries Sentiment
Index : TISI) ในเดือน มิ.ย.49 ที่ได้จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน 500 ตัวอย่าง ครอบคลุม 35 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรม
พบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 87.9 จากระดับ 94.3 ในเดือน พ.ค.49 ทั้งนี้ ค่าดัชนีที่ได้มีค่าต่ำกว่า
100 เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน นับจากเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา และต่ำสุดในรอบ 6 เดือนแรก ซึ่งลักษณะดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ผู้ประกอบการมี
ความเชื่อมั่นต่อภาวการณ์ด้านอุตสาหกรรมอยู่ในระดับที่ไม่ดีนัก สาเหตุที่ทำให้ค่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลง เนื่องมาจากค่าดัชนี
หลักที่นำมาใช้คำนวณทุกปัจจัยปรับตัวลดลง ได้แก่ ค่าดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมของยอดคำสั่งซื้อ ยอดขาย และปริมาณการผลิตปรับลดลงจาก
107.1 104.0 และ 110.9 ในเดือน พ.ค. เป็น 100.4 101.4 และ 108.0 ในเดือน มิ.ย.ตามลำดับ เช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่น
โดยรวมของต้นทุนการประกอบการและผลประกอบการที่ปรับตัวลดลงจาก 54.6 และ 101.8 ในเดือน พ.ค. เป็น 51.3 และ 95.6 ในเดือน
มิ.ย.ตามลำดับ (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, ไทยรัฐ, เดลินิวส์, บ้านเมือง, สยามรัฐ, ข่าวสด)
3. รัฐบาลสามารถเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในเดือน มิ.ย.49 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 27.4 สุดสุดในรอบ 5 เดือน รองผู้อำนวยการสำนักงาน
เศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า เศรษฐกิจในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมายังขยายตัวดี จากแรงหนุนด้านการบริโภคภายในประเทศที่วัดจากการ
เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มขยายตัวถึงร้อยละ 27.4 สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา หรือในรอบ 5 เดือน แม้ว่าจะตัดปัจจัยด้านเงินเฟ้อออกไป
ภาษีมูลค่าเพิ่มในแง่ของปริมาณก็ยังขยายได้ถึงร้อยละ 20.3 ซึ่งถือเป็นระดับที่สูง เนื่องจากประชาชนยังมีกำลังและความมั่นใจในการบริโภค โดย
ส่วนสำคัญที่การบริโภคในเดือน มิ.ย.ขยายตัวได้สูงมาก เพราะเป็นช่วงของการจัดงานฉลองครองราชย์ครบ 60 ปี ทำให้เศรษฐกิจของไทย
ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง (โพสต์ทูเดย์)
4. บ.ทริส เรทติ้งประเมินภาวะเศรษฐกิจไทยชะลอตัวส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมแต่ในระยะสั้นยังไม่มีผลต่อเครดิตของลูกค้า
บริษัท กรรมการผู้จัดการ บ.ทริส เรทติ้ง เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวได้ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม แต่ในระยะสั้นยังไม่มีผลต่อ
เครดิตของลูกค้าบริษัทกว่า 100 รายที่จัดอันดับเครดิตกับทริส เรทติ้ง อย่างไรก็ตาม ทริสจะเริ่มเฝ้าติดตามบริษัทที่มีฐานะการเงินไม่เข้มแข็ง
และมีแนวโน้มอ่อนตัวลงอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ทิศทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขึ้นอยู่กับภาคการส่งออกและภาวะเศรษบกิจของประเทศผู้นำเข้าเป็นหลัก
ได้แก่ สรอ. กลุ่มสหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งโดยภาพรวมกำลังซื้อของประเทศเหล่านี้ยังอยู่ในเกณฑ์ดี (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. การขอรับสวัสดิการว่างงานของ สรอ. ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 ก.ค.49 ลดลงต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ รายงานจากวอชิงตัน
เมื่อ 27 ก.ค.49 ก.แรงงาน เปิดเผยว่า จำนวนแรงงานที่ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 ก.ค.49 ลดลงต่ำสุดในรอบ
6 สัปดาห์ โดยมีจำนวน 298,000 คน จากจำนวน 305,000 คนในสัปดาห์ก่อนหน้า หรือลดลง 7,000 คน สวนทางกับการคาดการณ์ของ
นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่า การขอรับสวัสดิการจะเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 310,000 คน ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จาก ก.แรงงานกล่าวว่า ไม่มีปัจจัย
พิเศษใดๆ ในการอธิบายการลดลงของตัวเลขดังกล่าว สำหรับยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่บรรดานัก
เศรษฐศาสตร์มองว่ามีความแม่นยำในการสะท้อนภาพตลาดแรงงานมากกว่า ก็ลดลงเช่นกันเหลือจำนวน 312,750 คน จาก 317,000 คนใน
สัปดาห์ก่อนหน้า (รอยเตอร์)
2. เงินเฟ้อและเศรษฐกิจที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอาจทำให้ ธ.กลางอังกฤษปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานจาก
กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 28 ก.ค.49 สถาบันเพื่อการวิจัยทางเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NIESR) ของอังกฤษ เปิดเผยว่า
การที่เศรษฐกิจของอังกฤษฟื้นตัวได้เร็วและขยายตัวต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังปีนี้ โดยคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.5 ในปี 49 และจะขยายตัวเพิ่มขึ้น
อีกเล็กน้อยในปี 50 และ 51 รวมทั้งภาวะเงินเฟ้อที่ดูเหมือนจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายที่ ธ.กลางอังกฤษกำหนดไว้ที่ร้อยละ
2.0 อีกหลายปี เนื่องจากราคาน้ำมันแพงและต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ อาจส่งผลให้ ธ.กลางอังกฤษต้องปรับขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดย NIESR คาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.25 จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับร้อยละ
4.5 ภายในสิ้นปีนี้และจะปรับขึ้นอีกในปี 50 ในขณะที่ความขัดแย้งในตะวันออกกลางจะส่งผลให้ราคาน้ำมันทรงตัวอยู่ในระดับสูงจนถึงปีหน้า รวม
ถึงการที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นอาจทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลงบ้าง ทำให้ NIESR ปรับลดประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจของ
อังกฤษในปี 50 และ 51 ลงเหลือร้อยละ 2.6 จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 2.75 เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
3. ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเยอรมนีสำหรับเดือน ส.ค.49 เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงสุดในรอบเกือบ 5 ปี รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ
27 ก.ค.49 ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นล่วงหน้าของผู้บริโภคในเยอรมนีสำหรับเดือน ส.ค.49 จากผลสำรวจความเห็นของชาวเยอรมนีประมาณ
2,000 คนโดย GfK ซึ่งเป็นสำนักวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำแห่งหนึ่งของเยอรมนีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 8.6 จากระดับ 8.0 ในเดือน ก.ค.49 สูงกว่า
ที่คาดไว้ที่ระดับ 7.9 จากผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์ และอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.44 ซึ่งอยู่ที่ระดับ
9.6 โดย GfK ให้เหตุผลว่าเป็นผลมาจากชาวเยอรมนีส่วนใหญ่วางแผนที่จะซื้อสินค้าที่มีราคาสูงภายในปีนี้ก่อนที่ราคาสินค้าจะสูงขึ้นในปีหน้าจากการ
ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคอีกร้อยละ 3.0 เป็นร้อยละ 19.0 ซึ่งจะเริ่มมีผลตั้งแต่ต้นปี 50 อย่างไรก็ดีเมื่อดูดัชนีที่เป็นองค์ประกอบ
ส่วนย่อยของดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นข้างต้นแล้ว กลับให้ภาพที่สับสนเกี่ยวกับแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยดัชนีชี้วัดความตั้งใจที่จะใช้จ่ายเพิ่ม
ขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันในเดือน ก.ค.49 มาอยู่ที่ระดับ 57.5 จากระดับ 54.2 ในเดือน มิ.ย.49 อยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการสำรวจในปี
23 ในขณะที่ดัชนีชี้วัดความคาดหวังเกี่ยวกับวงจรเศรษฐกิจกลับลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันมาอยู่ที่ระดับ 15.6 จากระดับ 20.4 ในเดือน
มิ.ย.49 ส่วนดัชนีชี้วัดความคาดหวังเกี่ยวกับรายได้ส่วนบุคคลก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ -3.8 จากระดับ -8.9 ในเดือน มิ.ย.49 หลังจากลดลงใน
เดือน มิ.ย.49 โดยยังไม่เห็นแนวโน้มที่ชัดเจนว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ทั้งนี้คาดว่าเป็นผลจากภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคจากราคาน้ำมัน
ความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าประกันสุขภาพในปีหน้าในขณะที่ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตจากปัญหาการว่างงาน
ที่ยังอยู่ในระดับสูง (รอยเตอร์)
4. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของญี่ปุ่นในเดือน มิ.ย.49 เพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราการว่างงานสะท้อนภาพตลาดแรงงานชะลอตัว รายงาน
จากโตเกียวเมื่อ 28 ก.ค.49 ทางการญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ของญี่ปุ่นในเดือน มิ.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6
เทียบต่อปี เป็นไปตามความคาดหมายของตลาด โดย Core CPI ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือน พ.ย.48 สะท้อนว่าเศรษฐกิจของ
ญี่ปุ่นได้หลุดพ้นจากภาวะเงินฝืดแล้ว ทั้งนี้ มีความคาดหมายว่าจากการที่ภาวะเศรษฐกิจของญี่ปุ่นขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของ
ดัชนีราคาผู้บริโภค จะส่งผลให้ ธ.กลางญี่ปุ่นปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อยอีกครั้งภายในปีนี้ หลังจากที่ได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็น
ครั้งแรกในรอบ 6 ปีเมื่อวันที่ 14 ก.ค.49 สำหรับ Core CPI ในเขตโตเกียวในเดือน ก.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 เทียบต่อปี เป็นไปตามการ
คาดการณ์ของตลาด นอกจากนี้ ยอดขายปลีกในเดือน มิ.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 เทียบต่อปี หลังจากที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.1 ในเดือน
ก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ตัวเลขอัตราการว่างงานของญี่ปุ่นกลับเพิ่มขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ตลาดแรงงานที่อยู่ในช่วงการฟื้นตัว ขณะที่ตัวเลขการ
ใช้จ่ายครัวเรือนลดลง โดยอัตราการว่างงานในเดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 สูงกว่าเดือนก่อนหน้าซึ่งขยายตัวร้อยละ 4.0 และสูงกว่าที่ตลาด
คาดการณ์ว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.0 เช่นกัน ส่วนการใช้จ่ายครัวเรือนลดลงร้อยละ 2.2 เหนือความคาดหมายของตลาดซึ่งคาดว่าจะลดลงเพียง
ร้อยละ 1.7 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 28 ก.ค. 49 27 ก.ค. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 37.856 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 37.6728/37.9583 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.14375 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 695.83/ 17.72 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 11,300/11,400 11,200/11,300 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 69.57 68.54 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 26 ก.ค. 49 29.79*/27.54* 29.79/27.54 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ระบุไม่สามารถใช้นโยบายลดดอกเบี้ยได้ เหตุเพราะไทยยังมีความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ รองผู้ว่าการ สายเสถียรภาพสถาบัน
การเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตกรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
(ตลท.) เสนอว่า ธปท.ควรจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายว่า ธปท.คงไม่สามารถลด
อัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงด้านเงินเฟ้ออยู่ เพราะราคาน้ำมันยังคงปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การ
ดำเนินนโยบายการเงินนั้น ธปท.ก็ให้ความสำคัญทั้งภาวะเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อควบคู่กันอยู่แล้ว โดยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการ
เงิน (กนง.) ครั้งล่าสุดที่ไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพราะเห็นว่าความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมีมากขึ้น ในขณะที่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ
ยังพอควบคุมได้ (กรุงเทพธุรกิจ, เดลินิวส์, มติชน, แนวหน้า)
2. ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมไทยในเดือน มิ.ย.49 ปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 6 เดือนอยู่ที่ระดับ 87.9 ประธานสภา
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย (Thai Industries Sentiment
Index : TISI) ในเดือน มิ.ย.49 ที่ได้จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน 500 ตัวอย่าง ครอบคลุม 35 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรม
พบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 87.9 จากระดับ 94.3 ในเดือน พ.ค.49 ทั้งนี้ ค่าดัชนีที่ได้มีค่าต่ำกว่า
100 เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน นับจากเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา และต่ำสุดในรอบ 6 เดือนแรก ซึ่งลักษณะดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ผู้ประกอบการมี
ความเชื่อมั่นต่อภาวการณ์ด้านอุตสาหกรรมอยู่ในระดับที่ไม่ดีนัก สาเหตุที่ทำให้ค่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลง เนื่องมาจากค่าดัชนี
หลักที่นำมาใช้คำนวณทุกปัจจัยปรับตัวลดลง ได้แก่ ค่าดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมของยอดคำสั่งซื้อ ยอดขาย และปริมาณการผลิตปรับลดลงจาก
107.1 104.0 และ 110.9 ในเดือน พ.ค. เป็น 100.4 101.4 และ 108.0 ในเดือน มิ.ย.ตามลำดับ เช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่น
โดยรวมของต้นทุนการประกอบการและผลประกอบการที่ปรับตัวลดลงจาก 54.6 และ 101.8 ในเดือน พ.ค. เป็น 51.3 และ 95.6 ในเดือน
มิ.ย.ตามลำดับ (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, ไทยรัฐ, เดลินิวส์, บ้านเมือง, สยามรัฐ, ข่าวสด)
3. รัฐบาลสามารถเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในเดือน มิ.ย.49 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 27.4 สุดสุดในรอบ 5 เดือน รองผู้อำนวยการสำนักงาน
เศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า เศรษฐกิจในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมายังขยายตัวดี จากแรงหนุนด้านการบริโภคภายในประเทศที่วัดจากการ
เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มขยายตัวถึงร้อยละ 27.4 สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา หรือในรอบ 5 เดือน แม้ว่าจะตัดปัจจัยด้านเงินเฟ้อออกไป
ภาษีมูลค่าเพิ่มในแง่ของปริมาณก็ยังขยายได้ถึงร้อยละ 20.3 ซึ่งถือเป็นระดับที่สูง เนื่องจากประชาชนยังมีกำลังและความมั่นใจในการบริโภค โดย
ส่วนสำคัญที่การบริโภคในเดือน มิ.ย.ขยายตัวได้สูงมาก เพราะเป็นช่วงของการจัดงานฉลองครองราชย์ครบ 60 ปี ทำให้เศรษฐกิจของไทย
ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง (โพสต์ทูเดย์)
4. บ.ทริส เรทติ้งประเมินภาวะเศรษฐกิจไทยชะลอตัวส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมแต่ในระยะสั้นยังไม่มีผลต่อเครดิตของลูกค้า
บริษัท กรรมการผู้จัดการ บ.ทริส เรทติ้ง เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวได้ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม แต่ในระยะสั้นยังไม่มีผลต่อ
เครดิตของลูกค้าบริษัทกว่า 100 รายที่จัดอันดับเครดิตกับทริส เรทติ้ง อย่างไรก็ตาม ทริสจะเริ่มเฝ้าติดตามบริษัทที่มีฐานะการเงินไม่เข้มแข็ง
และมีแนวโน้มอ่อนตัวลงอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ทิศทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขึ้นอยู่กับภาคการส่งออกและภาวะเศรษบกิจของประเทศผู้นำเข้าเป็นหลัก
ได้แก่ สรอ. กลุ่มสหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งโดยภาพรวมกำลังซื้อของประเทศเหล่านี้ยังอยู่ในเกณฑ์ดี (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. การขอรับสวัสดิการว่างงานของ สรอ. ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 ก.ค.49 ลดลงต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ รายงานจากวอชิงตัน
เมื่อ 27 ก.ค.49 ก.แรงงาน เปิดเผยว่า จำนวนแรงงานที่ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 ก.ค.49 ลดลงต่ำสุดในรอบ
6 สัปดาห์ โดยมีจำนวน 298,000 คน จากจำนวน 305,000 คนในสัปดาห์ก่อนหน้า หรือลดลง 7,000 คน สวนทางกับการคาดการณ์ของ
นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่า การขอรับสวัสดิการจะเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 310,000 คน ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จาก ก.แรงงานกล่าวว่า ไม่มีปัจจัย
พิเศษใดๆ ในการอธิบายการลดลงของตัวเลขดังกล่าว สำหรับยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่บรรดานัก
เศรษฐศาสตร์มองว่ามีความแม่นยำในการสะท้อนภาพตลาดแรงงานมากกว่า ก็ลดลงเช่นกันเหลือจำนวน 312,750 คน จาก 317,000 คนใน
สัปดาห์ก่อนหน้า (รอยเตอร์)
2. เงินเฟ้อและเศรษฐกิจที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอาจทำให้ ธ.กลางอังกฤษปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานจาก
กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 28 ก.ค.49 สถาบันเพื่อการวิจัยทางเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NIESR) ของอังกฤษ เปิดเผยว่า
การที่เศรษฐกิจของอังกฤษฟื้นตัวได้เร็วและขยายตัวต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังปีนี้ โดยคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.5 ในปี 49 และจะขยายตัวเพิ่มขึ้น
อีกเล็กน้อยในปี 50 และ 51 รวมทั้งภาวะเงินเฟ้อที่ดูเหมือนจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายที่ ธ.กลางอังกฤษกำหนดไว้ที่ร้อยละ
2.0 อีกหลายปี เนื่องจากราคาน้ำมันแพงและต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ อาจส่งผลให้ ธ.กลางอังกฤษต้องปรับขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดย NIESR คาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.25 จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับร้อยละ
4.5 ภายในสิ้นปีนี้และจะปรับขึ้นอีกในปี 50 ในขณะที่ความขัดแย้งในตะวันออกกลางจะส่งผลให้ราคาน้ำมันทรงตัวอยู่ในระดับสูงจนถึงปีหน้า รวม
ถึงการที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นอาจทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลงบ้าง ทำให้ NIESR ปรับลดประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจของ
อังกฤษในปี 50 และ 51 ลงเหลือร้อยละ 2.6 จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 2.75 เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
3. ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเยอรมนีสำหรับเดือน ส.ค.49 เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงสุดในรอบเกือบ 5 ปี รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ
27 ก.ค.49 ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นล่วงหน้าของผู้บริโภคในเยอรมนีสำหรับเดือน ส.ค.49 จากผลสำรวจความเห็นของชาวเยอรมนีประมาณ
2,000 คนโดย GfK ซึ่งเป็นสำนักวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำแห่งหนึ่งของเยอรมนีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 8.6 จากระดับ 8.0 ในเดือน ก.ค.49 สูงกว่า
ที่คาดไว้ที่ระดับ 7.9 จากผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์ และอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.44 ซึ่งอยู่ที่ระดับ
9.6 โดย GfK ให้เหตุผลว่าเป็นผลมาจากชาวเยอรมนีส่วนใหญ่วางแผนที่จะซื้อสินค้าที่มีราคาสูงภายในปีนี้ก่อนที่ราคาสินค้าจะสูงขึ้นในปีหน้าจากการ
ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคอีกร้อยละ 3.0 เป็นร้อยละ 19.0 ซึ่งจะเริ่มมีผลตั้งแต่ต้นปี 50 อย่างไรก็ดีเมื่อดูดัชนีที่เป็นองค์ประกอบ
ส่วนย่อยของดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นข้างต้นแล้ว กลับให้ภาพที่สับสนเกี่ยวกับแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยดัชนีชี้วัดความตั้งใจที่จะใช้จ่ายเพิ่ม
ขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันในเดือน ก.ค.49 มาอยู่ที่ระดับ 57.5 จากระดับ 54.2 ในเดือน มิ.ย.49 อยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการสำรวจในปี
23 ในขณะที่ดัชนีชี้วัดความคาดหวังเกี่ยวกับวงจรเศรษฐกิจกลับลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันมาอยู่ที่ระดับ 15.6 จากระดับ 20.4 ในเดือน
มิ.ย.49 ส่วนดัชนีชี้วัดความคาดหวังเกี่ยวกับรายได้ส่วนบุคคลก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ -3.8 จากระดับ -8.9 ในเดือน มิ.ย.49 หลังจากลดลงใน
เดือน มิ.ย.49 โดยยังไม่เห็นแนวโน้มที่ชัดเจนว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ทั้งนี้คาดว่าเป็นผลจากภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคจากราคาน้ำมัน
ความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าประกันสุขภาพในปีหน้าในขณะที่ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตจากปัญหาการว่างงาน
ที่ยังอยู่ในระดับสูง (รอยเตอร์)
4. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของญี่ปุ่นในเดือน มิ.ย.49 เพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราการว่างงานสะท้อนภาพตลาดแรงงานชะลอตัว รายงาน
จากโตเกียวเมื่อ 28 ก.ค.49 ทางการญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ของญี่ปุ่นในเดือน มิ.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6
เทียบต่อปี เป็นไปตามความคาดหมายของตลาด โดย Core CPI ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือน พ.ย.48 สะท้อนว่าเศรษฐกิจของ
ญี่ปุ่นได้หลุดพ้นจากภาวะเงินฝืดแล้ว ทั้งนี้ มีความคาดหมายว่าจากการที่ภาวะเศรษฐกิจของญี่ปุ่นขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของ
ดัชนีราคาผู้บริโภค จะส่งผลให้ ธ.กลางญี่ปุ่นปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อยอีกครั้งภายในปีนี้ หลังจากที่ได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็น
ครั้งแรกในรอบ 6 ปีเมื่อวันที่ 14 ก.ค.49 สำหรับ Core CPI ในเขตโตเกียวในเดือน ก.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 เทียบต่อปี เป็นไปตามการ
คาดการณ์ของตลาด นอกจากนี้ ยอดขายปลีกในเดือน มิ.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 เทียบต่อปี หลังจากที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.1 ในเดือน
ก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ตัวเลขอัตราการว่างงานของญี่ปุ่นกลับเพิ่มขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ตลาดแรงงานที่อยู่ในช่วงการฟื้นตัว ขณะที่ตัวเลขการ
ใช้จ่ายครัวเรือนลดลง โดยอัตราการว่างงานในเดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 สูงกว่าเดือนก่อนหน้าซึ่งขยายตัวร้อยละ 4.0 และสูงกว่าที่ตลาด
คาดการณ์ว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.0 เช่นกัน ส่วนการใช้จ่ายครัวเรือนลดลงร้อยละ 2.2 เหนือความคาดหมายของตลาดซึ่งคาดว่าจะลดลงเพียง
ร้อยละ 1.7 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 28 ก.ค. 49 27 ก.ค. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 37.856 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 37.6728/37.9583 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.14375 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 695.83/ 17.72 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 11,300/11,400 11,200/11,300 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 69.57 68.54 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 26 ก.ค. 49 29.79*/27.54* 29.79/27.54 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--