ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ยืนยันไม่พบการไหลออกของเงินทุนต่างชาติในช่วงนี้ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่พบการไหลออกของเงินทุนต่างชาติที่เข้ามาในช่วงก่อนหน้านี้ แม้ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดัชนีตลาดหุ้นจะปรับตัวลดลง แต่ไม่มีการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกไป เพียงแต่นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นทำกำไรออกมา
และยังคงพักเงินไว้ในประเทศเพื่อรอจังหวะลงทุนต่อไป ซึ่งแสดงว่าต่างชาติยังคงเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจไทย รวม
ถึงเชื่อมั่นในค่าเงินบาท เห็นได้จากในช่วงก่อนหน้าและขณะนี้ เงินบาทยังไม่อ่อนค่าลงไปมากกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
โดยมีการแข็งค่าและอ่อนค่าตามปัจจัยที่แท้จริงและภาวะตลาดบ้าง ส่วนอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นนั้น เป็นผลมาจากการ
ปรับขึ้นราคาน้ำมันเป็นครั้งที่ 2 ในปีที่แล้ว หลังจากที่รัฐบาลตรึงราคาไว้นาน แต่ในปีนี้หากไม่มีปัจจัยอื่นมาแทรกแซง
และราคาน้ำมันโลกไม่ปรับเพิ่มขึ้นอีก แรงกดดันของเงินเฟ้อน่าจะหมดลงในกลางปี ทั้งนี้ เชื่อว่าเมื่อเงินเฟ้อเริ่มนิ่ง
อัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะไล่ทันเงินเฟ้อ และทำให้ดอกเบี้ยเงินฝากที่แท้จริงเป็นบวกได้ (โลกวันนี้, โพสต์ทูเดย์)
2. มูลค่าการนำเข้าของไทยในเดือน ม.ค.49 ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 43 เดือน ปลัด ก.พาณิชย์
เปิดเผยถึงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน ม.ค.49 ว่า การส่งออกมีมูลค่า 8,946 ล.ดอลลาร์ สรอ.
เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 13.58% การนำเข้ามีมูลค่า 9,388 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน
ของปีก่อนเพียง 1.98% ซึ่งเป็นอัตราเพิ่มที่ต่ำสุดในรอบ 43 เดือน (ตั้งแต่เดือน พ.ค.45) เนื่องจาก ก.พาณิชย์มี
มาตรการในการดูแลการนำเข้าอย่างจริงจังตั้งแต่เดือน ก.ค.48 ส่งผลให้เดือน ม.ค.49 ไทยขาดดุลการค้าเพียง
442 ล.ดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดดุลการค้าถึง 1,328.8 ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือลดลง
66.7% นอกจากนี้ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ก.พาณิชย์ กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองจะไม่
กระทบยอดส่งออกที่ตั้งไว้ 17.5% โดยคาดว่าไทยจะขาดดุลการค้ารวม 6-7 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากราคา
น้ำมันที่ยังสูง แต่เชื่อว่ารายได้จากภาคการบริการการท่องเที่ยวจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 4 ของปี ทำ
ให้ทั้งปีไทยจะมียอดเกินดุลบริการ 4-5 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ดังนั้น เมื่อนำดุลการค้าและบริการมาหักลบกันคาดว่า
จะทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดปี 49 ขาดดุลประมาณ 2-3 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ซึ่งยอมรับได้ เพราะคิดเป็นอัตราติดลบเพียง
2-2.5% ของจีดีพีเท่านั้น ถือว่าเศรษฐกิจยังมีเสถียรภาพ (ข่าวสด, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, ไทยโพสต์, โพสต์ทูเดย์)
3. กองทุนฟื้นฟูฯ อยู่ระหว่างพิจารณาคุณสมบัติผู้ที่จะเข้าซื้อหุ้นธนาคารพาณิชย์ที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถืออยู่
นายไพโรจน์ เฮงสกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารโครงการและทรัพย์สิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
กล่าวถึงกรณีการขายหุ้นธนาคารพาณิชย์ที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถืออยู่ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่เข้ามาซื้อ
ในด้านศักยภาพในการบริหารกิจการธนาคารของผู้ที่จะซื้อหุ้น รวมทั้งรอดูช่วงจังหวะที่เหมาะสม โดยทุกธนาคารมีฐานะ
และการดำเนินงานดี จ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง เงินกองทุนครอบคลุมเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ เป็นปัจจัยที่ทำให้
มองว่าพร้อมที่จะออกสู่ประชาชนแล้ว สำหรับดัชนีหลักทรัพย์ที่ลดลงในขณะนี้ เป็นเพียงเหตุการณ์ในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ใช่
ปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อการขายหุ้นของธนาคารพาณิชย์ที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถืออยู่ ทั้งนี้ ขณะนี้ กองทุนฟื้นฟูฯ ถือหุ้น ธ.กรุงไทย
จำกัด (มหาชน) เป็นสัดส่วน 56.41% ธ.นครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) สัดส่วน 47.58% และ ธ.ไทยธนาคาร
จำกัด (มหาชน) สัดส่วน 48.98% (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เศรษฐกิจโดยรวมของกลุ่ม G7 และเขตเศรษฐกิจยุโรปช่วงไตรมาส 4 ปี 48 เติบโตต่ำสุดในรอบปี
รายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 20 ก.พ.49 องค์การเพื่อการพัฒนาและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
(OECD) เปิดเผยว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจรายไตรมาสโดยรวมของกลุ่มประเทศ G7 และเขตเศรษฐกิจยุโรป
ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 48 ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบปี โดยกลุ่ม G7 มีอัตราการเติบโตเทียบต่อไตรมาสเพียง
ร้อยละ 0.4 หลังจากที่จีดีพีขยายตัว 3 ไตรมาสติดต่อกันที่ระดับร้อยละ 0.8 ส่วน สรอ. และเขตเศรษฐกิจยุโรปขยาย
ตัวลดลงเหลือเพียงร้อยละ 0.3 จากร้อยละ 1.0 และ 0.6 ตามลำดับ ในขณะที่เศรษฐกิจของญี่ปุ่นจีดีพีรายไตรมาส
ขยายตัวร้อยละ 1.4 หลังจากที่ในไตรมาส 3 เติบโตเพียงร้อยละ 0.3 ด้านจีดีพีของอังกฤษขยายตัวร้อยละ 0.6
เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.4 ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน เศรษฐกิจของประเทศอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ใน 30 ประเทศของ
OECD ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 60 ของจีดีพีโลกขยายตัวร้อยละ 2.9 ในช่วงไตรมาส 4 ปี 48(รอยเตอร์)
2. การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของจีนในเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 11
รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 49 ก. พาณิชย์ ของจีนเปิดเผยว่า ในเดือน ม.ค. เงินลงทุนโดยตรงจาก
ต่างประเทศ (Foreign Direct Investment — FDI) ในจีน อยู่ที่ระดับ 4.55 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. เพิ่ม
ขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 11.0 เนื่องจากกิจการจากต่างประเทศต้องการแรงงานราคาถูก และตลาดผู้บริโภค
ที่กำลังขยายตัวอย่างมากในจีน อย่างไรก็ตามทางการจีนมิได้เปิดเผยรายละเอียดสัญญาการลงทุนแต่ประการใดโดย
ให้เหตุผลว่ายังมิใช่เป็นการลงทุนที่แท้จริง โดยในช่วง 2-3 ปีนี้ Contracted FDI เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า
การลงทุนที่แท้จริง (Actual FDI) ทำให้ช่องว่างระหว่างตัวเลขทั้ง 2 มีมากขึ้นโดยระหว่างเดือน ม.ค. — พ.ย.
48 Actual FDI อยู่ที่ระดับ 53.1 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ส่วน Contracted FDI อยู่ที่ 167.2 พัน ล.
ดอลลาร์ สรอ. สำหรับทั้งปี 48 FDI อยู่ที่ 60.3 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ลดลงเพียงเล็กน้อยจาก 60.6 พัน
ล. ดอลลาร์ สรอ. ในปี 47 ทั้งนี้เมื่อเดือนที่แล้ว นาย Lu Jianhua รมว. การค้าของจีน กล่าวว่าอาจจะเป็น
ไปได้ที่จีนจะดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศอีก 60 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ในปีนี้ ซึ่งที่ผ่านมา FDI มีส่วนสำคัญ
ในการสนับสนุนให้การส่งออกของจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้จีนกลายเป็นชาติการค้าที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของโลก
โดยเงินลงทุนของต่างประเทศคิดเป็นร้อยละ เกือบ 60 ของการส่งออกของจีน อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์
บางคนได้เรียกร้องให้รัฐบาลจีนเข้มงวดกับกิจการจากต่างประเทศที่จะลงทุนในจีนโดยขอให้สิ้นสุดการผ่อนปรน
ด้านภาษีแก่กิจการจากต่างประเทศเพื่อลดการส่งออกที่ขยายตัวอย่างมากที่ปัจจุบันผู้ส่งออกต้องเผชิญกับแรงกดดัน
จากต่างประเทศทั้งด้านปัจจัยพื้นฐานและการเมืองที่ต้องการให้จีนปรับเพิ่มค่าเงินหยวนให้เหมาะสม (รอยเตอร์)
3.ยอดขายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ 3 แห่งของเกาหลีใต้ในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่
12 ที่ร้อยละ 11.6 เทียบต่อปี รายงานจากโซล เมื่อ 20 ก.พ.49 ก.พาณิชย์เกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ยอดขาย
ของห้างสรรพสินค้าชั้นนำ 3 แห่งของเกาหลีใต้ คือ Lotte Shopping Co., Shinsegae Co. Ltd. และ
Hyundai Department Store Co. Ltd. ในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 ที่ร้อยละ 11.6
เมื่อเทียบต่อปี แม้ว่าจะมีอัตราที่ชะลอลงจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.0 ในเดือน ธ.ค.48 ก็ตาม ทั้งนี้ ยอดขายใน
ห้างสรรพสินค้าเป็นตัวเลขที่เกาหลีใต้เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นการแสดงให้เห็นถึงความต้องการ
ในประเทศว่ามีความแข็งแกร่งเพียงใด โดยรัฐบาลและนักวิเคราะห์ภาคเอกชนคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ในปีนี้ หลังจากที่ชะลอตัวตั้งแต่ปลายปี 45 นอกจากนี้ ตัวเลขการฟื้นตัวในตลาดแรงงานในเดือน ม.ค.49 ก็เป็น
สัญญาณสนับสนุนว่าความต้องการในประเทศของเกาหลีใต้ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น อนึ่ง ก.พาณิชย์คาดการณ์ว่ายอดขาย
ในห้างสรรพสินค้าของทั้งปี 49 จะขยายตัวร้อยละ 4.0 ที่จำนวน 18 ล้านล้านวอน (18.45 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.)
จากปีก่อน(รอยเตอร์)
4.คาดว่าเศรษฐกิจมาเลเซียในไตรมาสสุดท้ายปี 48 จะขยายตัวร้อยละ 5.8 ต่อปี รายงานจาก
กัวลาลัมเปอร์ เมื่อ 20 ก.พ.49 ผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่าเศรษฐกิจมาเลเซียในไตรมาสสุดท้ายปี 48 จะขยาย
ตัวร้อยละ 5.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน หลังจากขยายร้อยละ 5.3 และ 4.1 ต่อปีในไตรมาสที่ 3 และ 2 ของปี 48
ตามลำดับ นับเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่ขยายตัวในอัตราเดียวกันในไตรมาสสุดท้ายปี 47 นอกจากนี้
รอยเตอร์ยังคาดว่าเศรษฐกิจในปี 48 จะขยายตัวตลอดทั้งปีร้อยละ 5.4 ต่อปี ชะลอตัวลงจากร้อยละ 7.1 ต่อปี
ในปี 47 ซึ่งนับเป็นอัตราขยายตัวสูงสุดในรอบ 4 ปี ในขณะที่รัฐบาลคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 5 และ
5.5 ในปี 48 และ 49 ตามลำดับ ทั้งนี้เป็นผลจากการขยายตัวของการส่งออกและการบริโภคในประเทศ
โดยมาเลเซียส่งออกอุปกรณ์เซมิคอนดัคเตอร์ เครื่องรับวิทยุและโทรทัศน์ สายสัญญาณและสายเคเบิลเป็นสัดส่วน
ครึ่งหนึ่งของยอดส่งออกทั้งหมดของประเทศ ธ.กลางมาเลเซียมีกำหนดจะประกาศตัวเลขอัตราการขยายตัว
ทางเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายปี 48 และนโยบายการเงินในวันที่ 22 ก.พ.49 นี้ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า
ธ.กลางมาเลเซียอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 — 0.30 ต่อปีเพื่อลดแรงกดดันเงินเฟ้อซึ่งคาด
ว่าจะสูงเกินกว่าร้อยละ 6.5 ต่อปีจากค่าใช้กระแสไฟฟ้าและราคาน้ำมันที่สูงขึ้น หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
0.30 ต่อปีเป็นร้อยละ 3.0 ต่อปีเมื่อวันที่ 30 พ.ย.48 ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรก
นับตั้งแต่ปี 42 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 21 ก.พ. 49 20 ก.พ. 49 31 ม.ค. 48 แหล่งข้อมู
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.322 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.0802/39.3706 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.30469 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 734.65/ 14.81 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,250/10,350 10,200/10,300 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 57.27 57.03 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 16 ก.พ. 49 26.04*/24.29** 26.04*/24.29** 19.69/14.59 ปตท.
* ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 3 ก.พ. 49
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ยืนยันไม่พบการไหลออกของเงินทุนต่างชาติในช่วงนี้ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่พบการไหลออกของเงินทุนต่างชาติที่เข้ามาในช่วงก่อนหน้านี้ แม้ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดัชนีตลาดหุ้นจะปรับตัวลดลง แต่ไม่มีการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกไป เพียงแต่นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นทำกำไรออกมา
และยังคงพักเงินไว้ในประเทศเพื่อรอจังหวะลงทุนต่อไป ซึ่งแสดงว่าต่างชาติยังคงเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจไทย รวม
ถึงเชื่อมั่นในค่าเงินบาท เห็นได้จากในช่วงก่อนหน้าและขณะนี้ เงินบาทยังไม่อ่อนค่าลงไปมากกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
โดยมีการแข็งค่าและอ่อนค่าตามปัจจัยที่แท้จริงและภาวะตลาดบ้าง ส่วนอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นนั้น เป็นผลมาจากการ
ปรับขึ้นราคาน้ำมันเป็นครั้งที่ 2 ในปีที่แล้ว หลังจากที่รัฐบาลตรึงราคาไว้นาน แต่ในปีนี้หากไม่มีปัจจัยอื่นมาแทรกแซง
และราคาน้ำมันโลกไม่ปรับเพิ่มขึ้นอีก แรงกดดันของเงินเฟ้อน่าจะหมดลงในกลางปี ทั้งนี้ เชื่อว่าเมื่อเงินเฟ้อเริ่มนิ่ง
อัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะไล่ทันเงินเฟ้อ และทำให้ดอกเบี้ยเงินฝากที่แท้จริงเป็นบวกได้ (โลกวันนี้, โพสต์ทูเดย์)
2. มูลค่าการนำเข้าของไทยในเดือน ม.ค.49 ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 43 เดือน ปลัด ก.พาณิชย์
เปิดเผยถึงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน ม.ค.49 ว่า การส่งออกมีมูลค่า 8,946 ล.ดอลลาร์ สรอ.
เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 13.58% การนำเข้ามีมูลค่า 9,388 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน
ของปีก่อนเพียง 1.98% ซึ่งเป็นอัตราเพิ่มที่ต่ำสุดในรอบ 43 เดือน (ตั้งแต่เดือน พ.ค.45) เนื่องจาก ก.พาณิชย์มี
มาตรการในการดูแลการนำเข้าอย่างจริงจังตั้งแต่เดือน ก.ค.48 ส่งผลให้เดือน ม.ค.49 ไทยขาดดุลการค้าเพียง
442 ล.ดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดดุลการค้าถึง 1,328.8 ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือลดลง
66.7% นอกจากนี้ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ก.พาณิชย์ กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองจะไม่
กระทบยอดส่งออกที่ตั้งไว้ 17.5% โดยคาดว่าไทยจะขาดดุลการค้ารวม 6-7 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากราคา
น้ำมันที่ยังสูง แต่เชื่อว่ารายได้จากภาคการบริการการท่องเที่ยวจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 4 ของปี ทำ
ให้ทั้งปีไทยจะมียอดเกินดุลบริการ 4-5 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ดังนั้น เมื่อนำดุลการค้าและบริการมาหักลบกันคาดว่า
จะทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดปี 49 ขาดดุลประมาณ 2-3 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ซึ่งยอมรับได้ เพราะคิดเป็นอัตราติดลบเพียง
2-2.5% ของจีดีพีเท่านั้น ถือว่าเศรษฐกิจยังมีเสถียรภาพ (ข่าวสด, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, ไทยโพสต์, โพสต์ทูเดย์)
3. กองทุนฟื้นฟูฯ อยู่ระหว่างพิจารณาคุณสมบัติผู้ที่จะเข้าซื้อหุ้นธนาคารพาณิชย์ที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถืออยู่
นายไพโรจน์ เฮงสกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารโครงการและทรัพย์สิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
กล่าวถึงกรณีการขายหุ้นธนาคารพาณิชย์ที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถืออยู่ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่เข้ามาซื้อ
ในด้านศักยภาพในการบริหารกิจการธนาคารของผู้ที่จะซื้อหุ้น รวมทั้งรอดูช่วงจังหวะที่เหมาะสม โดยทุกธนาคารมีฐานะ
และการดำเนินงานดี จ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง เงินกองทุนครอบคลุมเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ เป็นปัจจัยที่ทำให้
มองว่าพร้อมที่จะออกสู่ประชาชนแล้ว สำหรับดัชนีหลักทรัพย์ที่ลดลงในขณะนี้ เป็นเพียงเหตุการณ์ในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ใช่
ปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อการขายหุ้นของธนาคารพาณิชย์ที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถืออยู่ ทั้งนี้ ขณะนี้ กองทุนฟื้นฟูฯ ถือหุ้น ธ.กรุงไทย
จำกัด (มหาชน) เป็นสัดส่วน 56.41% ธ.นครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) สัดส่วน 47.58% และ ธ.ไทยธนาคาร
จำกัด (มหาชน) สัดส่วน 48.98% (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เศรษฐกิจโดยรวมของกลุ่ม G7 และเขตเศรษฐกิจยุโรปช่วงไตรมาส 4 ปี 48 เติบโตต่ำสุดในรอบปี
รายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 20 ก.พ.49 องค์การเพื่อการพัฒนาและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
(OECD) เปิดเผยว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจรายไตรมาสโดยรวมของกลุ่มประเทศ G7 และเขตเศรษฐกิจยุโรป
ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 48 ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบปี โดยกลุ่ม G7 มีอัตราการเติบโตเทียบต่อไตรมาสเพียง
ร้อยละ 0.4 หลังจากที่จีดีพีขยายตัว 3 ไตรมาสติดต่อกันที่ระดับร้อยละ 0.8 ส่วน สรอ. และเขตเศรษฐกิจยุโรปขยาย
ตัวลดลงเหลือเพียงร้อยละ 0.3 จากร้อยละ 1.0 และ 0.6 ตามลำดับ ในขณะที่เศรษฐกิจของญี่ปุ่นจีดีพีรายไตรมาส
ขยายตัวร้อยละ 1.4 หลังจากที่ในไตรมาส 3 เติบโตเพียงร้อยละ 0.3 ด้านจีดีพีของอังกฤษขยายตัวร้อยละ 0.6
เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.4 ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน เศรษฐกิจของประเทศอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ใน 30 ประเทศของ
OECD ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 60 ของจีดีพีโลกขยายตัวร้อยละ 2.9 ในช่วงไตรมาส 4 ปี 48(รอยเตอร์)
2. การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของจีนในเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 11
รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 49 ก. พาณิชย์ ของจีนเปิดเผยว่า ในเดือน ม.ค. เงินลงทุนโดยตรงจาก
ต่างประเทศ (Foreign Direct Investment — FDI) ในจีน อยู่ที่ระดับ 4.55 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. เพิ่ม
ขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 11.0 เนื่องจากกิจการจากต่างประเทศต้องการแรงงานราคาถูก และตลาดผู้บริโภค
ที่กำลังขยายตัวอย่างมากในจีน อย่างไรก็ตามทางการจีนมิได้เปิดเผยรายละเอียดสัญญาการลงทุนแต่ประการใดโดย
ให้เหตุผลว่ายังมิใช่เป็นการลงทุนที่แท้จริง โดยในช่วง 2-3 ปีนี้ Contracted FDI เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า
การลงทุนที่แท้จริง (Actual FDI) ทำให้ช่องว่างระหว่างตัวเลขทั้ง 2 มีมากขึ้นโดยระหว่างเดือน ม.ค. — พ.ย.
48 Actual FDI อยู่ที่ระดับ 53.1 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ส่วน Contracted FDI อยู่ที่ 167.2 พัน ล.
ดอลลาร์ สรอ. สำหรับทั้งปี 48 FDI อยู่ที่ 60.3 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ลดลงเพียงเล็กน้อยจาก 60.6 พัน
ล. ดอลลาร์ สรอ. ในปี 47 ทั้งนี้เมื่อเดือนที่แล้ว นาย Lu Jianhua รมว. การค้าของจีน กล่าวว่าอาจจะเป็น
ไปได้ที่จีนจะดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศอีก 60 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ในปีนี้ ซึ่งที่ผ่านมา FDI มีส่วนสำคัญ
ในการสนับสนุนให้การส่งออกของจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้จีนกลายเป็นชาติการค้าที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของโลก
โดยเงินลงทุนของต่างประเทศคิดเป็นร้อยละ เกือบ 60 ของการส่งออกของจีน อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์
บางคนได้เรียกร้องให้รัฐบาลจีนเข้มงวดกับกิจการจากต่างประเทศที่จะลงทุนในจีนโดยขอให้สิ้นสุดการผ่อนปรน
ด้านภาษีแก่กิจการจากต่างประเทศเพื่อลดการส่งออกที่ขยายตัวอย่างมากที่ปัจจุบันผู้ส่งออกต้องเผชิญกับแรงกดดัน
จากต่างประเทศทั้งด้านปัจจัยพื้นฐานและการเมืองที่ต้องการให้จีนปรับเพิ่มค่าเงินหยวนให้เหมาะสม (รอยเตอร์)
3.ยอดขายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ 3 แห่งของเกาหลีใต้ในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่
12 ที่ร้อยละ 11.6 เทียบต่อปี รายงานจากโซล เมื่อ 20 ก.พ.49 ก.พาณิชย์เกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ยอดขาย
ของห้างสรรพสินค้าชั้นนำ 3 แห่งของเกาหลีใต้ คือ Lotte Shopping Co., Shinsegae Co. Ltd. และ
Hyundai Department Store Co. Ltd. ในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 ที่ร้อยละ 11.6
เมื่อเทียบต่อปี แม้ว่าจะมีอัตราที่ชะลอลงจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.0 ในเดือน ธ.ค.48 ก็ตาม ทั้งนี้ ยอดขายใน
ห้างสรรพสินค้าเป็นตัวเลขที่เกาหลีใต้เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นการแสดงให้เห็นถึงความต้องการ
ในประเทศว่ามีความแข็งแกร่งเพียงใด โดยรัฐบาลและนักวิเคราะห์ภาคเอกชนคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ในปีนี้ หลังจากที่ชะลอตัวตั้งแต่ปลายปี 45 นอกจากนี้ ตัวเลขการฟื้นตัวในตลาดแรงงานในเดือน ม.ค.49 ก็เป็น
สัญญาณสนับสนุนว่าความต้องการในประเทศของเกาหลีใต้ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น อนึ่ง ก.พาณิชย์คาดการณ์ว่ายอดขาย
ในห้างสรรพสินค้าของทั้งปี 49 จะขยายตัวร้อยละ 4.0 ที่จำนวน 18 ล้านล้านวอน (18.45 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.)
จากปีก่อน(รอยเตอร์)
4.คาดว่าเศรษฐกิจมาเลเซียในไตรมาสสุดท้ายปี 48 จะขยายตัวร้อยละ 5.8 ต่อปี รายงานจาก
กัวลาลัมเปอร์ เมื่อ 20 ก.พ.49 ผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่าเศรษฐกิจมาเลเซียในไตรมาสสุดท้ายปี 48 จะขยาย
ตัวร้อยละ 5.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน หลังจากขยายร้อยละ 5.3 และ 4.1 ต่อปีในไตรมาสที่ 3 และ 2 ของปี 48
ตามลำดับ นับเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่ขยายตัวในอัตราเดียวกันในไตรมาสสุดท้ายปี 47 นอกจากนี้
รอยเตอร์ยังคาดว่าเศรษฐกิจในปี 48 จะขยายตัวตลอดทั้งปีร้อยละ 5.4 ต่อปี ชะลอตัวลงจากร้อยละ 7.1 ต่อปี
ในปี 47 ซึ่งนับเป็นอัตราขยายตัวสูงสุดในรอบ 4 ปี ในขณะที่รัฐบาลคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 5 และ
5.5 ในปี 48 และ 49 ตามลำดับ ทั้งนี้เป็นผลจากการขยายตัวของการส่งออกและการบริโภคในประเทศ
โดยมาเลเซียส่งออกอุปกรณ์เซมิคอนดัคเตอร์ เครื่องรับวิทยุและโทรทัศน์ สายสัญญาณและสายเคเบิลเป็นสัดส่วน
ครึ่งหนึ่งของยอดส่งออกทั้งหมดของประเทศ ธ.กลางมาเลเซียมีกำหนดจะประกาศตัวเลขอัตราการขยายตัว
ทางเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายปี 48 และนโยบายการเงินในวันที่ 22 ก.พ.49 นี้ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า
ธ.กลางมาเลเซียอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 — 0.30 ต่อปีเพื่อลดแรงกดดันเงินเฟ้อซึ่งคาด
ว่าจะสูงเกินกว่าร้อยละ 6.5 ต่อปีจากค่าใช้กระแสไฟฟ้าและราคาน้ำมันที่สูงขึ้น หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
0.30 ต่อปีเป็นร้อยละ 3.0 ต่อปีเมื่อวันที่ 30 พ.ย.48 ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรก
นับตั้งแต่ปี 42 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 21 ก.พ. 49 20 ก.พ. 49 31 ม.ค. 48 แหล่งข้อมู
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.322 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.0802/39.3706 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.30469 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 734.65/ 14.81 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,250/10,350 10,200/10,300 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 57.27 57.03 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 16 ก.พ. 49 26.04*/24.29** 26.04*/24.29** 19.69/14.59 ปตท.
* ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 3 ก.พ. 49
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--