กรุงเทพ--19 ส.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้( 19 สิงหาคม 2548) ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการแถลงข่าวในโครงการสร้างทางธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการของไทยกับนักธุรกิจผู้นำเข้าสินค้าในแต่ละประเทศที่เข้าร่วมโครงการ Business Matching 2005 & Living with Thainess ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมแถลงข่าวประกอบด้วย
1. นายกุญญพันธ์ แรงขำ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์
2. นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานกรรมการ SME Bank
3. นายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ กรรมการผู้จัดการ SME Bank
ความเป็นมาและวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ดังกล่าวสรุปได้ ดังนี้
1. โครงการ Business Matching 2005 จัดขึ้นในโอกาสที่จะมีการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลกประจำปี 2548 ระหว่างวันที่ 13-24 สิงหาคม ศกนี้ โดยให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่พิจารณาเชิญนักธุรกิจที่มีศักยภาพในฐานะผู้นำเข้าสินค้าของแต่ละประเทศ เดินทางมาเยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ 23-25 สิงหาคม 2548 เพื่อมาร่วมงานแสดงสินค้า “วิถีไทยสู่โลก” (Living with Thainess) ในวันที่ 23 สิงหาคม 2548 ณ ศูนย์แสดงสินค้าส่งออก กรมส่งเสริมการส่งออก เพื่อแสวงหาลู่ทางและเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการไทย และชมแหล่งผลิตสินค้า OTOP และ SMEs ของไทยในวันที่ 24 -25 สิงหาคม 2548
ในชั้นนี้ ได้รับการยืนยันรายชื่อนักธุรกิจแล้วทั้งสิ้น 111 คน จาก 43 ประเทศทั่วโลก โดยแบ่งตามรายภูมิภาค ดังนี้ ตะวันออกกลาง 24 คน ยุโรป 20 คน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 18 คน เอเชียใต้ 18 คน เอเชียตะวันออก 11 คน แอฟริกา 10 คน และอเมริกาเหนือ/ใต้ 10 คน
2. การจัดงานในครั้งนี้เป็นนิมิตหมายที่ดีที่ทุกหน่วยงานแสดงความพร้อมที่จะทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพในการส่งเสริมและสนับสนุนสินค้าไทย ด้วยการประสานร่วมมือกันโดยไม่มีขอบเขตของกระทรวงหรือหน่วยงาน นับเป็นการทำงานในลักษณะการบูรณาการอย่างแท้จริง
3. กระทรวงการต่างประเทศได้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการของไทยในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยภารกิจสำคัญประการหนึ่ง คือ การขยายโอกาสและลู่ทางในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับประเทศต่าง ๆ โดยมุ่งเน้นการสร้างโอกาสให้นักธุรกิจและภาคเอกชนไทยเข้าไปมีบทบาทมากขึ้นในการแสวงหาตลาด และสร้างพันธมิตรทางการค้าและการลงทุนผ่านช่องทางการสนับสนุนของสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลทั่วโลก เป็นการ เพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในระดับรากหญ้าตามที่รัฐบาลมุ่งเน้นการดำเนินนโยบายการตลาดเชิงรุกทั้งในตลาดเดิมและตลาดใหม่ เพื่อส่งเสริมให้สินค้าและบริการของไทยเป็นที่รู้จักและยอมรับอย่างแพร่หลายของผู้บริโภคต่างประเทศ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนนโยบายการขจัดความยากจนโดยเชื่อมโยงฐานการผลิตในประเทศ รวมทั้งตลาดและโอกาสในต่างประเทศ
4. และ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2548 กระทรวงการต่างประเทศได้จัดการประชุมระดมสมอง เพื่อสนองการสนับสนุนยุทธศาสตร์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ของรัฐบาล โดยเป็นการประชุมร่วมกันระหว่าง กระทรวงการต่างประเทศ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กรมส่งเสริมการส่งออก และกรมพัฒนาชุมชน ที่ประชุมเห็นพ้องในการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการโดยให้ จัดตั้งคณะทำงานในระดับปฏิบัติการ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนการสร้างและขยาย โอกาสของสินค้าไทยทั้งในตลาดเดิมและตลาดใหม่ รวมทั้ง ศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาและอุปสรรคจากประสบการณ์ของแต่ละหน่วยงาน ตลอดจนร่วมกันผลักดันกิจกรรมที่มีอยู่ของหน่วยงานต่าง ๆ ให้มีความ เข็มแข็งและมีความเป็นเอกภาพยิ่งขึ้น
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
วันนี้( 19 สิงหาคม 2548) ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการแถลงข่าวในโครงการสร้างทางธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการของไทยกับนักธุรกิจผู้นำเข้าสินค้าในแต่ละประเทศที่เข้าร่วมโครงการ Business Matching 2005 & Living with Thainess ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมแถลงข่าวประกอบด้วย
1. นายกุญญพันธ์ แรงขำ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์
2. นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานกรรมการ SME Bank
3. นายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ กรรมการผู้จัดการ SME Bank
ความเป็นมาและวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ดังกล่าวสรุปได้ ดังนี้
1. โครงการ Business Matching 2005 จัดขึ้นในโอกาสที่จะมีการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลกประจำปี 2548 ระหว่างวันที่ 13-24 สิงหาคม ศกนี้ โดยให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่พิจารณาเชิญนักธุรกิจที่มีศักยภาพในฐานะผู้นำเข้าสินค้าของแต่ละประเทศ เดินทางมาเยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ 23-25 สิงหาคม 2548 เพื่อมาร่วมงานแสดงสินค้า “วิถีไทยสู่โลก” (Living with Thainess) ในวันที่ 23 สิงหาคม 2548 ณ ศูนย์แสดงสินค้าส่งออก กรมส่งเสริมการส่งออก เพื่อแสวงหาลู่ทางและเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการไทย และชมแหล่งผลิตสินค้า OTOP และ SMEs ของไทยในวันที่ 24 -25 สิงหาคม 2548
ในชั้นนี้ ได้รับการยืนยันรายชื่อนักธุรกิจแล้วทั้งสิ้น 111 คน จาก 43 ประเทศทั่วโลก โดยแบ่งตามรายภูมิภาค ดังนี้ ตะวันออกกลาง 24 คน ยุโรป 20 คน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 18 คน เอเชียใต้ 18 คน เอเชียตะวันออก 11 คน แอฟริกา 10 คน และอเมริกาเหนือ/ใต้ 10 คน
2. การจัดงานในครั้งนี้เป็นนิมิตหมายที่ดีที่ทุกหน่วยงานแสดงความพร้อมที่จะทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพในการส่งเสริมและสนับสนุนสินค้าไทย ด้วยการประสานร่วมมือกันโดยไม่มีขอบเขตของกระทรวงหรือหน่วยงาน นับเป็นการทำงานในลักษณะการบูรณาการอย่างแท้จริง
3. กระทรวงการต่างประเทศได้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการของไทยในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยภารกิจสำคัญประการหนึ่ง คือ การขยายโอกาสและลู่ทางในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับประเทศต่าง ๆ โดยมุ่งเน้นการสร้างโอกาสให้นักธุรกิจและภาคเอกชนไทยเข้าไปมีบทบาทมากขึ้นในการแสวงหาตลาด และสร้างพันธมิตรทางการค้าและการลงทุนผ่านช่องทางการสนับสนุนของสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลทั่วโลก เป็นการ เพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในระดับรากหญ้าตามที่รัฐบาลมุ่งเน้นการดำเนินนโยบายการตลาดเชิงรุกทั้งในตลาดเดิมและตลาดใหม่ เพื่อส่งเสริมให้สินค้าและบริการของไทยเป็นที่รู้จักและยอมรับอย่างแพร่หลายของผู้บริโภคต่างประเทศ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนนโยบายการขจัดความยากจนโดยเชื่อมโยงฐานการผลิตในประเทศ รวมทั้งตลาดและโอกาสในต่างประเทศ
4. และ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2548 กระทรวงการต่างประเทศได้จัดการประชุมระดมสมอง เพื่อสนองการสนับสนุนยุทธศาสตร์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ของรัฐบาล โดยเป็นการประชุมร่วมกันระหว่าง กระทรวงการต่างประเทศ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กรมส่งเสริมการส่งออก และกรมพัฒนาชุมชน ที่ประชุมเห็นพ้องในการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการโดยให้ จัดตั้งคณะทำงานในระดับปฏิบัติการ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนการสร้างและขยาย โอกาสของสินค้าไทยทั้งในตลาดเดิมและตลาดใหม่ รวมทั้ง ศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาและอุปสรรคจากประสบการณ์ของแต่ละหน่วยงาน ตลอดจนร่วมกันผลักดันกิจกรรมที่มีอยู่ของหน่วยงานต่าง ๆ ให้มีความ เข็มแข็งและมีความเป็นเอกภาพยิ่งขึ้น
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-