วันนี้(29 ก.ย.) เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุมอาคารรัฐสภา 2 คณะกรรมประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (พรรคร่วมฝ่ายค้าน) ได้จัดเวทีสาธารณะในหัวข้อ “นิติบัญญัติกับทางออกการครอบงำสื่อฯ” โดยมีวิทยากรและผู้สนใจเข้าร่วมระดมความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าว อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ทั้งนักวิชาชีพสื่อมวลชน นักวิชาการ
โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวนำว่าสถานการณ์ปัจจุบันหลายฝ่ายอาจมองว่าเสียงข้างมากของฝ่ายบริหารจะทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติลดบทบาทน้อยลงโดยปริยาย แต่ตนเห็นว่าความสำคัญของการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติไม่ได้อยู่ที่จำนวน แต่อยู่ที่จะดำเนินงานที่เป็นภาระกิจที่สำคัญของประเทศชาติในสังคมประชาธิปไตยได้อย่างเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพได้มากน้อยเพียงใดตรงนี้สำคัญกว่า
“วันนี้ทางคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านได้มองเห็นความสำคัญของการระดมความคิดเห็นจึงได้เปิดเวทีสาธารณะ ซึ่งจะนำไปสู่การเชื่อมโยงของฝ่ายนิติบัญญัติ และเพื่อให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องกับประเด็นที่อยู่ในความสนใจและส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ผลของการระดมความคิดวันนี้จะมีการบันทึกและนำไปวิเคราะห์เพื่อนำไปสู่การดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป ” นายอภิสิทธิกล่าว
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวต่อว่า ตนขอยืนยันว่าบทบาทของสื่อมวลชนในสังคมประชาธิปไตยมีความสำคัญมาก เพราะการปกครองในระบอบประชาธิปไตยจะบรรลุเป้าหมายมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการรับรู้ข่าวสารที่เป็นสาธารณะของประชาชน และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ หากขาดสื่อมวลชนที่เป็นอิสระ ไม่สามารถจะนำเสนอข้อเท็จจริงให้ประชาชน ซึ่งเป็นเจ้าของประเทศในสถานการณ์ความเป็นไปของบ้านเมือง
‘คุณค่าของระบอบประชาธิปไตย คือการใช้ความหลากหลายที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์และใช้ความฉลาดในการที่จะระดมความคิดที่หลากหลายมาใช้ในทางสร้างสรรค์เพื่อสะท้อนภาพปัญหาต่างๆ ของบ้านเมือง ตรงนี้ถือเป็นกลไกสำคัญในการที่จะขับเคลื่อนกระบวนการการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง อย่างมี ประสิทธิภาพ เพราะสื่อมวลชนคือหัวใจของการเมืองในระบอบประชาธิปไตย’ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า การคุกคามสื่อวันนี้มีความซับซ้อนมากขึ้น นอกจากการคุกคามในรูปแบบอำนาจรัฐแล้ว ยังมีการคุกคามในรูปแบบอำนาจทุน ซึ่งการคุกคามในรูปแบบหลังนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก เพราะกระบวนการคุกคามมีทั้งการใช้อิทธิพล การครอบงำ ซึ่งจะมีความซับซ้อนและเห็นไม่ชัดเจนเหมือนกรณีแรก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ดังนั้นเป้าหมายของการเปิดเวทีสาธารณะวันนี้ อย่างน้อยที่สุดก็เป็นไปเพื่อการสร้างความคุ้มกันให้กับสื่อที่มีความเป็นอิสระ เสรีภาพ วันนี้ตนมีข้อเสนอในประเด็นของช่องว่างและปัญหา กล่าวคือ การใช้อำนาจรัฐแทรกแซงสื่อ เช่นการยกเลิกรายการโทรทัศน์ วิทยุ ที่วิจารณ์ผู้มีอำนาจ โดยบทสรุปก็จะมีข้ออ้างว่าเป็นความจำเป็นของสถานีที่ต้องปรับผังรายการ ตรงนี้เป็นช่องว่าที่หน่วยงานของรัฐจะยกขึ้นมาเป็นข้ออ้างในการที่จะปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นทั้งหลาย วันนี้การสร้างความคุ้มครองให้กับสื่อจึงมีความจำเป็นมาก
ประการที่สองคือการแทรกแซงสื่อโดยอำนาจทุน ต้องยอมรับว่าวันนี้สื่อเติบโตอย่างรวดเร็วในเชิงพาณิชย์เพราะมีรายได้ที่เกิดจากการโฆษณา ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ถูกยกมาต่อรองในการนำเสนอข่าวสาร ตรงนี้เป็นปัญหาสำคัญที่เราจะต้องตระหนัก เพราะล่าสุดมีการครอบงำสื่อโดยอำนาจทุนที่มีหลายหลายรูปแบบเช่นผ่านตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น อีกประเด็นหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือการสร้างกรอบของกฎหมายในการดูแลสื่อให้พ้นจากอำนาจทุนและอำนาจรัฐ
“อยากเรียนผ่านไปยังรัฐบาลว่าอย่าคิดว่าการเอารัดเอาเปรียบในช่วงใดช่วงหนึ่ง เฉพาะหน้า จะเป็นคุณกับ รัฐบาลเสมอไป เพราะคุณค่าของการมีสื่อเสรีและอิสระคือช่องทางให้ผู้มีความคิดหลากหลายสามารถสะท้อนความคิดความรู้สึกต่อสถานะการบ้านเมือง ถ้าหวังฉกฉวยประโยชน์เฉพาะหน้าไม่ว่าทางการเมือง นั้นเป็นการสะสมความอึดอัด ไม่พอใจสุดท้าย จะส่งผลร้ายกับทุกฝ่าย ตลอดทั้งผู้มีอำนาจ ประวัติศาสตร์โลกกล่าวไว้อย่างนั้น” นายอภิสิทธิกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 29 ก.ย. 2548--จบ--
โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวนำว่าสถานการณ์ปัจจุบันหลายฝ่ายอาจมองว่าเสียงข้างมากของฝ่ายบริหารจะทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติลดบทบาทน้อยลงโดยปริยาย แต่ตนเห็นว่าความสำคัญของการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติไม่ได้อยู่ที่จำนวน แต่อยู่ที่จะดำเนินงานที่เป็นภาระกิจที่สำคัญของประเทศชาติในสังคมประชาธิปไตยได้อย่างเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพได้มากน้อยเพียงใดตรงนี้สำคัญกว่า
“วันนี้ทางคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านได้มองเห็นความสำคัญของการระดมความคิดเห็นจึงได้เปิดเวทีสาธารณะ ซึ่งจะนำไปสู่การเชื่อมโยงของฝ่ายนิติบัญญัติ และเพื่อให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องกับประเด็นที่อยู่ในความสนใจและส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ผลของการระดมความคิดวันนี้จะมีการบันทึกและนำไปวิเคราะห์เพื่อนำไปสู่การดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป ” นายอภิสิทธิกล่าว
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวต่อว่า ตนขอยืนยันว่าบทบาทของสื่อมวลชนในสังคมประชาธิปไตยมีความสำคัญมาก เพราะการปกครองในระบอบประชาธิปไตยจะบรรลุเป้าหมายมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการรับรู้ข่าวสารที่เป็นสาธารณะของประชาชน และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ หากขาดสื่อมวลชนที่เป็นอิสระ ไม่สามารถจะนำเสนอข้อเท็จจริงให้ประชาชน ซึ่งเป็นเจ้าของประเทศในสถานการณ์ความเป็นไปของบ้านเมือง
‘คุณค่าของระบอบประชาธิปไตย คือการใช้ความหลากหลายที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์และใช้ความฉลาดในการที่จะระดมความคิดที่หลากหลายมาใช้ในทางสร้างสรรค์เพื่อสะท้อนภาพปัญหาต่างๆ ของบ้านเมือง ตรงนี้ถือเป็นกลไกสำคัญในการที่จะขับเคลื่อนกระบวนการการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง อย่างมี ประสิทธิภาพ เพราะสื่อมวลชนคือหัวใจของการเมืองในระบอบประชาธิปไตย’ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า การคุกคามสื่อวันนี้มีความซับซ้อนมากขึ้น นอกจากการคุกคามในรูปแบบอำนาจรัฐแล้ว ยังมีการคุกคามในรูปแบบอำนาจทุน ซึ่งการคุกคามในรูปแบบหลังนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก เพราะกระบวนการคุกคามมีทั้งการใช้อิทธิพล การครอบงำ ซึ่งจะมีความซับซ้อนและเห็นไม่ชัดเจนเหมือนกรณีแรก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ดังนั้นเป้าหมายของการเปิดเวทีสาธารณะวันนี้ อย่างน้อยที่สุดก็เป็นไปเพื่อการสร้างความคุ้มกันให้กับสื่อที่มีความเป็นอิสระ เสรีภาพ วันนี้ตนมีข้อเสนอในประเด็นของช่องว่างและปัญหา กล่าวคือ การใช้อำนาจรัฐแทรกแซงสื่อ เช่นการยกเลิกรายการโทรทัศน์ วิทยุ ที่วิจารณ์ผู้มีอำนาจ โดยบทสรุปก็จะมีข้ออ้างว่าเป็นความจำเป็นของสถานีที่ต้องปรับผังรายการ ตรงนี้เป็นช่องว่าที่หน่วยงานของรัฐจะยกขึ้นมาเป็นข้ออ้างในการที่จะปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นทั้งหลาย วันนี้การสร้างความคุ้มครองให้กับสื่อจึงมีความจำเป็นมาก
ประการที่สองคือการแทรกแซงสื่อโดยอำนาจทุน ต้องยอมรับว่าวันนี้สื่อเติบโตอย่างรวดเร็วในเชิงพาณิชย์เพราะมีรายได้ที่เกิดจากการโฆษณา ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ถูกยกมาต่อรองในการนำเสนอข่าวสาร ตรงนี้เป็นปัญหาสำคัญที่เราจะต้องตระหนัก เพราะล่าสุดมีการครอบงำสื่อโดยอำนาจทุนที่มีหลายหลายรูปแบบเช่นผ่านตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น อีกประเด็นหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือการสร้างกรอบของกฎหมายในการดูแลสื่อให้พ้นจากอำนาจทุนและอำนาจรัฐ
“อยากเรียนผ่านไปยังรัฐบาลว่าอย่าคิดว่าการเอารัดเอาเปรียบในช่วงใดช่วงหนึ่ง เฉพาะหน้า จะเป็นคุณกับ รัฐบาลเสมอไป เพราะคุณค่าของการมีสื่อเสรีและอิสระคือช่องทางให้ผู้มีความคิดหลากหลายสามารถสะท้อนความคิดความรู้สึกต่อสถานะการบ้านเมือง ถ้าหวังฉกฉวยประโยชน์เฉพาะหน้าไม่ว่าทางการเมือง นั้นเป็นการสะสมความอึดอัด ไม่พอใจสุดท้าย จะส่งผลร้ายกับทุกฝ่าย ตลอดทั้งผู้มีอำนาจ ประวัติศาสตร์โลกกล่าวไว้อย่างนั้น” นายอภิสิทธิกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 29 ก.ย. 2548--จบ--