พรรคประชาธิปัตย์ วันนี้(11 มี.ค.49) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและอดีตส.ส.พรรค ว่า หลังจากที่พรรคได้เดินสายชี้แจงเหตุผลที่ไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งต่อประชาชนในทุกภาคแล้ว สิ่งที่พรรคจะดำเนินการต่อไป คือภารกิจเดินหน้า “เปิดโปงปัญหาประเทศไทยภายใต้ระบอบทักษิณ”อย่างเป็นรูปธรรมในหลายรูปแบบ ทั้งการปราศรัยพบปะประชาชน และทำเป็นเอกสาร รวมทั้งผ่านสื่ออิเลคทรอนิกส์ โดยมีอดีตส.ส.ของพรรคเป็นกลไกสำคัญและประสานงานกับสาขาพรรคทั่วประเทศเพื่อให้ภารกิจดังกล่าวครอบคลุมทั่วประเทศไทย เนื่องจากพรรคเห็นว่าการเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย.นี้ไม่สามารถเป็นเครื่องยุติปัญหาวิกฤติทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจได้ ตราบใดที่ยังไม่แก้ที่ต้นตอของปัญหา ซึ่งคือระบอบทักษิณ ซึ่งมีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ
นายองอาจ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เรียกได้ว่าพรรคไทยรักไทยลงสมัครเพียงพรรคเดียวก็ยังพยายามโกงและทุจริตการเลือกตั้งในหลายรูปแบบ ซึ่งชี้ให้เห็นพฤติกรรมของนายกฯและพรรคไทยรักไทยที่ใช้การเลือกตั้งเพื่อฟอกตัวเองและรักษาอำนาจตัวเอง ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จะติดตามกลโกงในครั้งนี้ โดยขอให้ประชาชนและข้าราชการคนใดที่พบเห็นการโกงการเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดขอให้ส่งข้อมูลมาที่พรรคประชาธิปัตย์ ผ่านทางโทรศัพท์ หรือจดหมายโดยไม่ต้องระบุชื่อก็ได้ รวมทั้งผ่านทางเว็บของพรรค www.democrat.or.th เพื่อที่พรรคจะได้นำข้อมูลดังกล่าวใช้ในการเปิดโปงการทุจริตต่อไป
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ประชุมพรรคได้หยิบยกกรณีที่นายกฯใช้สื่อรูปแบบต่าง ๆ และการไปออกรายการ อาทิ รายการข่าวของซีเอ็นเอ็น รายการถึงลูกถึงคน เพื่อชี้แจงปัญหาที่รุมเร้าพ.ต.ท.ทักษิณ โดยมีจุดประสงค์เพื่อยืดอายุเวลาในการอยู่ในตำแหน่งนายกฯออกไปในนานที่สุดจนถึงวันเลือกตั้ง และจากนั้นก็จะใช้ผลการเลือกตั้งเป็นคำตอบสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองอยู่ในอำนาจได้ยาวนานต่อไป เพื่อที่จะใช้อำนาจนายกฯดำเนินการใน 2 เรื่องภายหลังการเลือกตั้ง คือ 1.ปกปิดความผิดที่เกิดขึ้นในช่วง 5 ปี และ2.ทำลายหลักฐานต่าง ๆ ที่ยังหลงเหลืออยู่ เพื่อไม่ให้ถูกเอาผิดได้ในอนาคต รวมทั้งเพื่อที่จะเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบได้อีก
นายองอาจ กล่าวว่า พรรคยังได้วิเคราะห์เหตุการณ์การวางระเบิดหน้าบ้านพักพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีว่า น่าจะเป็นการกระทำเพื่อหวังผลทางการเมืองอย่างแน่นอน แม้ว่าผู้มีอำนาจในบ้านเมืองจะบอกว่าเป็นการกระทำของมือที่ 3 ก็ตาม และเห็นว่าการชี้แจงของพ.ต.ท.ทักษิณในรายการถึงลูกถึงคนที่ระบุว่าเหตุการณ์ครั้งนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการชุมนุมที่สนามหลวง ถือว่าเป็นคำพูดที่ไม่ควรเกิดขึ้นจากปากนายกฯ เพราะตราบใดที่ยังไม่สามารถสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ ก็ไม่ควรใช้วิธีการใส่ร้ายบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 11 มี.ค. 2549--จบ--
นายองอาจ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เรียกได้ว่าพรรคไทยรักไทยลงสมัครเพียงพรรคเดียวก็ยังพยายามโกงและทุจริตการเลือกตั้งในหลายรูปแบบ ซึ่งชี้ให้เห็นพฤติกรรมของนายกฯและพรรคไทยรักไทยที่ใช้การเลือกตั้งเพื่อฟอกตัวเองและรักษาอำนาจตัวเอง ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จะติดตามกลโกงในครั้งนี้ โดยขอให้ประชาชนและข้าราชการคนใดที่พบเห็นการโกงการเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดขอให้ส่งข้อมูลมาที่พรรคประชาธิปัตย์ ผ่านทางโทรศัพท์ หรือจดหมายโดยไม่ต้องระบุชื่อก็ได้ รวมทั้งผ่านทางเว็บของพรรค www.democrat.or.th เพื่อที่พรรคจะได้นำข้อมูลดังกล่าวใช้ในการเปิดโปงการทุจริตต่อไป
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ประชุมพรรคได้หยิบยกกรณีที่นายกฯใช้สื่อรูปแบบต่าง ๆ และการไปออกรายการ อาทิ รายการข่าวของซีเอ็นเอ็น รายการถึงลูกถึงคน เพื่อชี้แจงปัญหาที่รุมเร้าพ.ต.ท.ทักษิณ โดยมีจุดประสงค์เพื่อยืดอายุเวลาในการอยู่ในตำแหน่งนายกฯออกไปในนานที่สุดจนถึงวันเลือกตั้ง และจากนั้นก็จะใช้ผลการเลือกตั้งเป็นคำตอบสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองอยู่ในอำนาจได้ยาวนานต่อไป เพื่อที่จะใช้อำนาจนายกฯดำเนินการใน 2 เรื่องภายหลังการเลือกตั้ง คือ 1.ปกปิดความผิดที่เกิดขึ้นในช่วง 5 ปี และ2.ทำลายหลักฐานต่าง ๆ ที่ยังหลงเหลืออยู่ เพื่อไม่ให้ถูกเอาผิดได้ในอนาคต รวมทั้งเพื่อที่จะเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบได้อีก
นายองอาจ กล่าวว่า พรรคยังได้วิเคราะห์เหตุการณ์การวางระเบิดหน้าบ้านพักพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีว่า น่าจะเป็นการกระทำเพื่อหวังผลทางการเมืองอย่างแน่นอน แม้ว่าผู้มีอำนาจในบ้านเมืองจะบอกว่าเป็นการกระทำของมือที่ 3 ก็ตาม และเห็นว่าการชี้แจงของพ.ต.ท.ทักษิณในรายการถึงลูกถึงคนที่ระบุว่าเหตุการณ์ครั้งนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการชุมนุมที่สนามหลวง ถือว่าเป็นคำพูดที่ไม่ควรเกิดขึ้นจากปากนายกฯ เพราะตราบใดที่ยังไม่สามารถสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ ก็ไม่ควรใช้วิธีการใส่ร้ายบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 11 มี.ค. 2549--จบ--