ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. งปม.รายจ่ายประจำปี 50 จะเป็นแบบขาดดุลประมาณร้อยละ 2 ของจีดีพี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ ธปท.
เปิดเผยว่า ธปท. ได้หารือกับ ก.คลัง สำนักงบประมาณ สนง.คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดทำ งปม.
รายจ่ายประจำปี 50 เพื่อเร่งรัดให้รวดเร็ว คาดว่าจะแล้วเสร็จเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อทรงลงพระ
ปรมาภิไธยภายในวันที่ 29 ธ.ค.นี้ และในวันที่ 1 ม.ค.50 จะมี งปม.ปี 50 ออกใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป โดยจะเป็น งปม.
แบบขาดดุลประมาณร้อยละ 2 ของจีดีพี นอกจากนี้ ได้เสนอรัฐบาลถึงโครงการที่จะต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจคือ 1)
โครงการขนส่งมวลชน โดยให้มีการเปิดประมูลรถไฟฟ้าและลงทุนในเส้นทางที่เป็นประโยชน์และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนมากที่สุด
2) พัฒนาระบบขนส่งสินค้า เพราะปัจจุบันราคาน้ำมันสูงขึ้นทำให้ต้นทุนการขนส่งสินค้าแพงขึ้น ส่งผลให้ไทยเสียความสามารถด้านการแข่งขัน
และ 3) พัฒนาแหล่งทรัพยากรน้ำ ส่วนเศรษฐกิจไทยปี 50 จะดีกว่าปี 49 อย่างแน่นอน ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจปี 49 จะขยายตัวร้อยละ
4 — 5 โดยการลงทุนของภาคเอกชนจะดีขึ้น เพราะการเมืองมีความชัดเจนและราคาน้ำมันที่ลดลงทำให้เงินเฟ้อปรับลดลงตาม ความจำเป็นที่
จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อดูแลเสถียรภาพก็จะหมดไป (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ, เดลินิวส์)
2. ธปท. ให้ ธ.พาณิชย์เสนอผลกระทบการใช้มาตรฐานทางบัญชีแบบใหม่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ ธปท. เปิดเผย
ภายหลังการประชุมร่วมกับสมาคมธนาคารไทยว่า เป็นการหารือถึงมาตรฐานทางบัญชีแบบใหม่ IAS 39
(International Accounting Standard) ต่อเนื่องจากการประชุมครั้งก่อนซึ่งยังไม่มีข้อสรุปเพราะต้องพิจารณาอย่างรอบด้านที่สุด เนื่อง
จากยังมีเวลาอีก 2 ปี ก่อนที่จะนำมาใช้จริงในปี 51 ด้าน นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า
ที่ประชุมในครั้งนี้ได้ให้ ธ.พาณิชย์เป็นผู้เสนอถึงผลกระทบที่จะใช้มาตรฐานบัญชีแบบใหม่ว่ามีอะไรบ้าง เพื่อให้ ธปท. รับทราบแล้วนำมาพิจารณา
ต่อไป ขณะที่ คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กก.ผจก.ใหญ่ ธ.ไทยพาณิชย์ และประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า อาจมีการยืดหยุ่นในเรื่องของ
PV (present value) หรือการคิดราคาปัจจุบันของธุรกิจเช่าซื้อที่ไม่ควรจะนำมาคำนวณ เพราะ ธ.พาณิชย์มีวิธีการปฏิบัติในการดำเนินการที่
แตกต่างกับทฤษฎีที่ ธปท. ใช้ และมีรายละเอียดค่อนข้างมาก จึงต้องหารือกันอีกครั้ง (แนวหน้า)
3. รมว.คลังจะเป็นผู้เสนอชื่อ ผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่ต่อ ครม. นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพสถาบันการเงิน
ธปท. เปิดเผยถึงกรณีที่ตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. จะว่างลงเมื่อ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ ธปท. จะไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล
ชุดใหม่ว่า จะไม่ส่งผลกระทบกับการดำเนินงานของ ธปท. และไม่น่ากังวลใจอะไรเนื่องจากมีกลไกวางไว้อยู่แล้ว ทั้งนี้ ตนจะรับหน้าที่
รักษาการผู้ว่าการ ธปท. แทนไปก่อน ส่วนตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่นั้นเป็นหน้าที่ของ รมว.คลังคนใหม่ที่จะนำเสนอ ครม. ส่วนกระแสข่าว
ที่ตนจะได้รับตำแหน่งเป็นผู้ว่าการ ธปท. นั้นยังไม่ขอพูดอะไรมาก และขณะนี้ผู้ว่าการ ธปท. ยังไม่มีการพูดคุยในเรื่องนี้ (เดลินิวส์, โพสต์ทูเดย์)
4. ธปท. ยืนยันยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท.
กล่าวว่า ธปท. จะใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการพิจารณาว่าควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 5 ลงได้หรือไม่ แต่คงไม่ใช่ช่วงนี้ แม้
อัตราเงินเฟ้อล่าสุดในเดือน ก.ย. จะลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.7 ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ (โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. แรงกดดันเงินเฟ้อในเขตเศรษฐกิจยุโรปหรือ Euro zone กำลังเพิ่มสูงขึ้นในขณะที่อัตราการว่างงานก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
รายงานจากบรัสเซลส์ เมื่อ 3 ต.ค.49 Eurostat ซึ่งเป็นสนง.สถิติกลางของยุโรปรายงานดัชนีราคาผู้ผลิตใน Euro zone เพิ่มขึ้นร้อยละ
0.1 ในเดือน ส.ค.49 จากเดือน ก.ค.49 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ต่อเดือน โดยหากเทียบต่อปีแล้วดัชนีราคาผู้ผลิตใน
เดือน ส.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 ต่อปี ชะลอตัวลงจากร้อยละ 6.0 ต่อปีในเดือน ก.ค.49 อย่างไรก็ดีหากไม่รวมราคาพลังงานแล้ว ดัชนี
ราคาผู้ผลิตได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 ติดต่อกันแล้ว สร้างความกังวลว่าราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก่อนหน้านี้จะ
ส่งผลให้ผู้ผลิตผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมายังผู้บริโภคและส่งผลให้ราคาสินค้าและอัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น แต่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าราคาน้ำมันที่
ชะลอตัวลงในเดือน ก.ย.49 และอัตราการว่างงานซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 7.9
ในเดือน ส.ค.49 จากร้อยละ 7.8 ในเดือน ก.ค.49 ได้ช่วยชะลออัตราเงินเฟ้อไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นมากในช่วงนี้ โดยดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน
ก.ย.49 ชะลอตัวลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.8 ต่อปีจากร้อยละ 2.3 ต่อปีในเดือน ส.ค.49 แต่อย่างไรก็ดี ตลาดก็ยังคงคาดว่า ธ.กลางยุโรปหรือ
ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งภายในสิ้นปีนี้คือในวันที่ 5 ต.ค.49 ที่จะถึงนี้และอีกครั้งในเดือน ธ.ค.49 ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น
เป็นร้อยละ 3.5 ต่อปีเพื่อลดแรงกดดันเงินเฟ้อ (รอยเตอร์)
2. การเลิกจ้างงานของสรอ. ในเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 49 นาย John A. Challenger ผู้บริหารระดับสูง
ของบริษัท Challenger Gray & Christmas รายงานว่า ในเดือน ก.ย. กิจการในสรอ.ปลดคนงาน 100,315 ตำแหน่งเทียบกับ 65,278
ตำแหน่งในเดือน ส.ค. หรือเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 54 และสูงกว่า 100,000 คนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ม.ค. ทั้งนี้ตัวเลขการเลิก
จ้างงานของ สรอ. เพิ่มขึ้นเนื่องจากการเลิกจ้างงานถึง 33,745 ตำแหน่งในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. ที่มีประกาศ
การเลิกจ้างงานถึง 36,299 ตำแหน่ง เช่นเดียวกับในภาคการสื่อสารที่มีการเลิกจ้างเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 10,059 ตำแหน่ง สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน
มี.ค. ทั้งนี้เศรษฐกิจ สรอ.ในไตรมาสที่ 2 ขยายตัวจากไตรมาสเดียวกันปีที่แล้วเพียงร้อยละ 2.6 และการใช้จ่ายบริโภค (ตัวเลขที่ปรับแล้ว)
ในเดือน ส.ค. ลดลงร้อยละ 0.1 ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้นายจ้างปรับลดระดับการผลิตลง และส่งผลต่อเนื่องในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีการลดการ
จ้างงานลงในเดือน ก.ย. อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้ที่การชะลอตัวของการจ้างงานเป็นไปเพียงชั่วคราว โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้
กิจการในสรอ.ประกาศเลิกจ้างงาน 639,229 ตำแหน่ง เทียบกับ 783,652 ตำแหน่งในระยะเดียวกันปีที่แล้วหรือลดลงร้อยละ 18 จากช่วง
เดียวกันปีที่แล้ว (รอยเตอร์)
3. ยอดขายปลีกของร้านค้าปลีกใน สรอ. ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.49 ลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 ที่ร้อยละ 0.3 เทียบต่อ
สัปดาห์ รายงานากนิวยอร์ก เมื่อ 3 ต.ค.49 The International Council of Shopping Centers (ICSC) และ UBS เปิดเผยว่า
ยอดขายปลีกของร้านค้าปลีกใน สรอ.ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.49 ลดลงร้อยละ 0.3 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 0.6 ในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่ง
เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 เนื่องจากฤดูหนาวที่ผิดปกติส่งผลให้ผู้จับจ่ายใช้สอยอยู่กับบ้าน และหากเทียบกับสัปดาห์เดียวกันของปี 48
ยอดขายปลีกเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 ลดลงจากร้อยละ 4.2 ในสัปดาห์ก่อนหน้า ทั้งนี้ ตัวเลขยอดขายปลีกของ ICSC และ UBS ได้จากการรวบรวม
ยอดขายจากร้านค้าขนาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าปลีกของ สรอ.ที่รายงานตัวเลขเป็นรายสัปดาห์ (รอยเตอร์)
4. ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอังกฤษปรับตัวดีขึ้นในเดือน ก.ย.49 รายงานจากลอนดอนเมื่อ 4 ต.ค.49 สถาบันให้บริการด้าน
เงินกู้จำนอง Nationwide เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอังกฤษในเดือน ก.ย.49 ว่า ดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 89
หลังจากที่ ธ.กลางอังกฤษปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และเป็นการเพิ่มขึ้นหลังจากการลดลงต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่งในเดือนก่อนหน้า โดยดัชนีฯ
ในเดือน ส.ค. ได้ปรับตัวลดลงถึง 11 จุดที่ระดับ 83 ทั้งนี้ การที่ดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือน ก.ย. ได้รับแรงสนับสนุนจากการเพิ่มขึ้นของดัชนี
ความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่ใช้ชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์แรงงาน โดยดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น
เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือนที่ระดับ 90 ส่วนดัชนีความคาดหวังต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ก็ปรับตัวดีขึ้นที่ระดับ 88 จาก
ระดับ 81 ในเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม Nationwide แสดงความกังวลว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอังกฤษยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับเฉลี่ยใน
ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นอย่างมากของหนี้สินด้านสาธารณูปโภคและต้นทุนการกู้ยืม อาจส่งผลกระทบในด้านลบต่อรายได้ของผู้บริโภค
ได้ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 4 ต.ค. 49 3 ต.ค. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 37.572 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 37.3917/37.6863 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.13438 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 681.84/12.22 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,250/10,350 10,550/10,650 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 54.13 55.92 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลด เมื่อ 23 ก.ย. 49 25.99*/24.54** 25.99*/24.54** 27.24/24.69 ปตท.
** ปรับลด เมื่อ 27 ก.ย. 49
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. งปม.รายจ่ายประจำปี 50 จะเป็นแบบขาดดุลประมาณร้อยละ 2 ของจีดีพี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ ธปท.
เปิดเผยว่า ธปท. ได้หารือกับ ก.คลัง สำนักงบประมาณ สนง.คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดทำ งปม.
รายจ่ายประจำปี 50 เพื่อเร่งรัดให้รวดเร็ว คาดว่าจะแล้วเสร็จเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อทรงลงพระ
ปรมาภิไธยภายในวันที่ 29 ธ.ค.นี้ และในวันที่ 1 ม.ค.50 จะมี งปม.ปี 50 ออกใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป โดยจะเป็น งปม.
แบบขาดดุลประมาณร้อยละ 2 ของจีดีพี นอกจากนี้ ได้เสนอรัฐบาลถึงโครงการที่จะต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจคือ 1)
โครงการขนส่งมวลชน โดยให้มีการเปิดประมูลรถไฟฟ้าและลงทุนในเส้นทางที่เป็นประโยชน์และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนมากที่สุด
2) พัฒนาระบบขนส่งสินค้า เพราะปัจจุบันราคาน้ำมันสูงขึ้นทำให้ต้นทุนการขนส่งสินค้าแพงขึ้น ส่งผลให้ไทยเสียความสามารถด้านการแข่งขัน
และ 3) พัฒนาแหล่งทรัพยากรน้ำ ส่วนเศรษฐกิจไทยปี 50 จะดีกว่าปี 49 อย่างแน่นอน ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจปี 49 จะขยายตัวร้อยละ
4 — 5 โดยการลงทุนของภาคเอกชนจะดีขึ้น เพราะการเมืองมีความชัดเจนและราคาน้ำมันที่ลดลงทำให้เงินเฟ้อปรับลดลงตาม ความจำเป็นที่
จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อดูแลเสถียรภาพก็จะหมดไป (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ, เดลินิวส์)
2. ธปท. ให้ ธ.พาณิชย์เสนอผลกระทบการใช้มาตรฐานทางบัญชีแบบใหม่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ ธปท. เปิดเผย
ภายหลังการประชุมร่วมกับสมาคมธนาคารไทยว่า เป็นการหารือถึงมาตรฐานทางบัญชีแบบใหม่ IAS 39
(International Accounting Standard) ต่อเนื่องจากการประชุมครั้งก่อนซึ่งยังไม่มีข้อสรุปเพราะต้องพิจารณาอย่างรอบด้านที่สุด เนื่อง
จากยังมีเวลาอีก 2 ปี ก่อนที่จะนำมาใช้จริงในปี 51 ด้าน นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า
ที่ประชุมในครั้งนี้ได้ให้ ธ.พาณิชย์เป็นผู้เสนอถึงผลกระทบที่จะใช้มาตรฐานบัญชีแบบใหม่ว่ามีอะไรบ้าง เพื่อให้ ธปท. รับทราบแล้วนำมาพิจารณา
ต่อไป ขณะที่ คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กก.ผจก.ใหญ่ ธ.ไทยพาณิชย์ และประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า อาจมีการยืดหยุ่นในเรื่องของ
PV (present value) หรือการคิดราคาปัจจุบันของธุรกิจเช่าซื้อที่ไม่ควรจะนำมาคำนวณ เพราะ ธ.พาณิชย์มีวิธีการปฏิบัติในการดำเนินการที่
แตกต่างกับทฤษฎีที่ ธปท. ใช้ และมีรายละเอียดค่อนข้างมาก จึงต้องหารือกันอีกครั้ง (แนวหน้า)
3. รมว.คลังจะเป็นผู้เสนอชื่อ ผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่ต่อ ครม. นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพสถาบันการเงิน
ธปท. เปิดเผยถึงกรณีที่ตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. จะว่างลงเมื่อ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ ธปท. จะไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล
ชุดใหม่ว่า จะไม่ส่งผลกระทบกับการดำเนินงานของ ธปท. และไม่น่ากังวลใจอะไรเนื่องจากมีกลไกวางไว้อยู่แล้ว ทั้งนี้ ตนจะรับหน้าที่
รักษาการผู้ว่าการ ธปท. แทนไปก่อน ส่วนตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่นั้นเป็นหน้าที่ของ รมว.คลังคนใหม่ที่จะนำเสนอ ครม. ส่วนกระแสข่าว
ที่ตนจะได้รับตำแหน่งเป็นผู้ว่าการ ธปท. นั้นยังไม่ขอพูดอะไรมาก และขณะนี้ผู้ว่าการ ธปท. ยังไม่มีการพูดคุยในเรื่องนี้ (เดลินิวส์, โพสต์ทูเดย์)
4. ธปท. ยืนยันยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท.
กล่าวว่า ธปท. จะใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการพิจารณาว่าควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 5 ลงได้หรือไม่ แต่คงไม่ใช่ช่วงนี้ แม้
อัตราเงินเฟ้อล่าสุดในเดือน ก.ย. จะลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.7 ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ (โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. แรงกดดันเงินเฟ้อในเขตเศรษฐกิจยุโรปหรือ Euro zone กำลังเพิ่มสูงขึ้นในขณะที่อัตราการว่างงานก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
รายงานจากบรัสเซลส์ เมื่อ 3 ต.ค.49 Eurostat ซึ่งเป็นสนง.สถิติกลางของยุโรปรายงานดัชนีราคาผู้ผลิตใน Euro zone เพิ่มขึ้นร้อยละ
0.1 ในเดือน ส.ค.49 จากเดือน ก.ค.49 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ต่อเดือน โดยหากเทียบต่อปีแล้วดัชนีราคาผู้ผลิตใน
เดือน ส.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 ต่อปี ชะลอตัวลงจากร้อยละ 6.0 ต่อปีในเดือน ก.ค.49 อย่างไรก็ดีหากไม่รวมราคาพลังงานแล้ว ดัชนี
ราคาผู้ผลิตได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 ติดต่อกันแล้ว สร้างความกังวลว่าราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก่อนหน้านี้จะ
ส่งผลให้ผู้ผลิตผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมายังผู้บริโภคและส่งผลให้ราคาสินค้าและอัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น แต่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าราคาน้ำมันที่
ชะลอตัวลงในเดือน ก.ย.49 และอัตราการว่างงานซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 7.9
ในเดือน ส.ค.49 จากร้อยละ 7.8 ในเดือน ก.ค.49 ได้ช่วยชะลออัตราเงินเฟ้อไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นมากในช่วงนี้ โดยดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน
ก.ย.49 ชะลอตัวลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.8 ต่อปีจากร้อยละ 2.3 ต่อปีในเดือน ส.ค.49 แต่อย่างไรก็ดี ตลาดก็ยังคงคาดว่า ธ.กลางยุโรปหรือ
ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งภายในสิ้นปีนี้คือในวันที่ 5 ต.ค.49 ที่จะถึงนี้และอีกครั้งในเดือน ธ.ค.49 ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น
เป็นร้อยละ 3.5 ต่อปีเพื่อลดแรงกดดันเงินเฟ้อ (รอยเตอร์)
2. การเลิกจ้างงานของสรอ. ในเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 49 นาย John A. Challenger ผู้บริหารระดับสูง
ของบริษัท Challenger Gray & Christmas รายงานว่า ในเดือน ก.ย. กิจการในสรอ.ปลดคนงาน 100,315 ตำแหน่งเทียบกับ 65,278
ตำแหน่งในเดือน ส.ค. หรือเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 54 และสูงกว่า 100,000 คนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ม.ค. ทั้งนี้ตัวเลขการเลิก
จ้างงานของ สรอ. เพิ่มขึ้นเนื่องจากการเลิกจ้างงานถึง 33,745 ตำแหน่งในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. ที่มีประกาศ
การเลิกจ้างงานถึง 36,299 ตำแหน่ง เช่นเดียวกับในภาคการสื่อสารที่มีการเลิกจ้างเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 10,059 ตำแหน่ง สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน
มี.ค. ทั้งนี้เศรษฐกิจ สรอ.ในไตรมาสที่ 2 ขยายตัวจากไตรมาสเดียวกันปีที่แล้วเพียงร้อยละ 2.6 และการใช้จ่ายบริโภค (ตัวเลขที่ปรับแล้ว)
ในเดือน ส.ค. ลดลงร้อยละ 0.1 ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้นายจ้างปรับลดระดับการผลิตลง และส่งผลต่อเนื่องในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีการลดการ
จ้างงานลงในเดือน ก.ย. อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้ที่การชะลอตัวของการจ้างงานเป็นไปเพียงชั่วคราว โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้
กิจการในสรอ.ประกาศเลิกจ้างงาน 639,229 ตำแหน่ง เทียบกับ 783,652 ตำแหน่งในระยะเดียวกันปีที่แล้วหรือลดลงร้อยละ 18 จากช่วง
เดียวกันปีที่แล้ว (รอยเตอร์)
3. ยอดขายปลีกของร้านค้าปลีกใน สรอ. ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.49 ลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 ที่ร้อยละ 0.3 เทียบต่อ
สัปดาห์ รายงานากนิวยอร์ก เมื่อ 3 ต.ค.49 The International Council of Shopping Centers (ICSC) และ UBS เปิดเผยว่า
ยอดขายปลีกของร้านค้าปลีกใน สรอ.ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.49 ลดลงร้อยละ 0.3 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 0.6 ในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่ง
เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 เนื่องจากฤดูหนาวที่ผิดปกติส่งผลให้ผู้จับจ่ายใช้สอยอยู่กับบ้าน และหากเทียบกับสัปดาห์เดียวกันของปี 48
ยอดขายปลีกเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 ลดลงจากร้อยละ 4.2 ในสัปดาห์ก่อนหน้า ทั้งนี้ ตัวเลขยอดขายปลีกของ ICSC และ UBS ได้จากการรวบรวม
ยอดขายจากร้านค้าขนาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าปลีกของ สรอ.ที่รายงานตัวเลขเป็นรายสัปดาห์ (รอยเตอร์)
4. ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอังกฤษปรับตัวดีขึ้นในเดือน ก.ย.49 รายงานจากลอนดอนเมื่อ 4 ต.ค.49 สถาบันให้บริการด้าน
เงินกู้จำนอง Nationwide เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอังกฤษในเดือน ก.ย.49 ว่า ดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 89
หลังจากที่ ธ.กลางอังกฤษปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และเป็นการเพิ่มขึ้นหลังจากการลดลงต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่งในเดือนก่อนหน้า โดยดัชนีฯ
ในเดือน ส.ค. ได้ปรับตัวลดลงถึง 11 จุดที่ระดับ 83 ทั้งนี้ การที่ดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือน ก.ย. ได้รับแรงสนับสนุนจากการเพิ่มขึ้นของดัชนี
ความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่ใช้ชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์แรงงาน โดยดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น
เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือนที่ระดับ 90 ส่วนดัชนีความคาดหวังต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ก็ปรับตัวดีขึ้นที่ระดับ 88 จาก
ระดับ 81 ในเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม Nationwide แสดงความกังวลว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอังกฤษยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับเฉลี่ยใน
ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นอย่างมากของหนี้สินด้านสาธารณูปโภคและต้นทุนการกู้ยืม อาจส่งผลกระทบในด้านลบต่อรายได้ของผู้บริโภค
ได้ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 4 ต.ค. 49 3 ต.ค. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 37.572 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 37.3917/37.6863 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.13438 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 681.84/12.22 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,250/10,350 10,550/10,650 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 54.13 55.92 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลด เมื่อ 23 ก.ย. 49 25.99*/24.54** 25.99*/24.54** 27.24/24.69 ปตท.
** ปรับลด เมื่อ 27 ก.ย. 49
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--