กรุงเทพ--6 ก.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2548 ที่ประชุมคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปได้ให้การรับรองมาตรการพิเศษเพื่อช่วยเหลือสินค้ากุ้งของไทย (Autonomous Measure) เพื่อช่วยฟื้นฟูความเสียหายจากเหตุธรณีพิบัติภัยทางภาคใต้ของไทย เมื่อเดือนธันวาคม 2547 มาตรการพิเศษดังกล่าวจะมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2548 ซึ่งเป็นช่วงที่ระเบียบโครงการ GSP รอบใหม่ยังไม่มีผลบังคับใช้ โดยสินค้ากุ้งของไทยจะเสียภาษีลดลงจากเดิมในอัตรา 12 % มาอยู่ที่ 4.2 % ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับ GSP ทั้งนี้ มาตรการพิเศษนี้จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการเมื่อได้ประกาศลงใน Official Journal ของสหภาพยุโรปแล้ว
ความสำเร็จนี้เป็นผลจากการดำเนินการของหน่วยราชการหลายฝ่าย โดยคณะกรรมการบริหารแบบบูรณาการของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ / คณะผู้แทนไทยประจำประชาคมยุโรป (ทีมประเทศไทย) ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตไทยที่ประจำการในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ที่ได้ดำเนินการทางการทูตโน้มน้าวบุคคลระดับสูงของรัฐบาลประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้เลี้ยงกุ้งและชุมชนที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติ
นอกเหนือจากมาตรการพิเศษเพื่อช่วยเหลือสินค้ากุ้งของไทยแล้ว ทีมประเทศไทยยังเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้สหภาพยุโรปตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของอุตสาหกรรมการส่งออกกุ้งของไทย และเร่งทบทวนเพื่อให้สินค้ากุ้งของไทยได้รับสิทธิ GSP กลับคืน โดยหยิบยกประเด็นที่ความสามารถในการแข่งขันของสินค้ากุ้งของไทยลดลงอย่างมากตั้งแต่ถูกตัดสิทธิ GSP ในปี 2542 และไทยควรได้รับการพิจารณาคืนสิทธิดังกล่าว โดยสินค้ากุ้งและสินค้าประมงอื่นๆ ของไทยจะได้รับคืนสิทธิ GSP ในโครงการ GSP รอบใหม่ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2549 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551
อนึ่ง ประเทศไทยได้รับประโยชน์จากการได้รับสิทธิ GSP อย่างมาก โดยการส่งออกของไทยมีสัดส่วนการใช้ GSP ของสหภาพยุโรปมากที่สุดกว่า 50% ซึ่งผู้ประกอบการสามารถส่งออกสินค้าในอัตราภาษีที่ต่ำอันเป็นการช่วยลดต้นทุนและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าของไทย ตลอดจนก่อให้เกิดการลงทุนและการจ้างงานในสาขาอุตสาหกรรมที่ได้รับสิทธิ GSP อาทิ อุตสาหกรรมอาหาร เครื่องหนัง อัญมณี เฟอร์นิเจอร์ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ ไฟฟ้า เป็นต้น
เมื่อปี 2542 สหภาพยุโรปตัดสิทธิ GSP สินค้ากุ้งของไทย ทำให้สินค้ากุ้งของไทยต้องเสียภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นจาก 4.2% มาเป็นอัตราปกติที่ 12% สินค้ากุ้งของไทยจึงไม่สามารถแข่งขันในตลาดสหภาพยุโรปได้และสร้างความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งอย่างมาก โดยมูลค่าการส่งออกกุ้งแช่แข็งของไทยไปสหภาพยุโรปได้ลดลงเป็นลำดับ จากที่มีมูลค่าการส่งออกประมาณ 145 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2541 ลดลงเหลือประมาณ 9.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2547
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2548 ที่ประชุมคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปได้ให้การรับรองมาตรการพิเศษเพื่อช่วยเหลือสินค้ากุ้งของไทย (Autonomous Measure) เพื่อช่วยฟื้นฟูความเสียหายจากเหตุธรณีพิบัติภัยทางภาคใต้ของไทย เมื่อเดือนธันวาคม 2547 มาตรการพิเศษดังกล่าวจะมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2548 ซึ่งเป็นช่วงที่ระเบียบโครงการ GSP รอบใหม่ยังไม่มีผลบังคับใช้ โดยสินค้ากุ้งของไทยจะเสียภาษีลดลงจากเดิมในอัตรา 12 % มาอยู่ที่ 4.2 % ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับ GSP ทั้งนี้ มาตรการพิเศษนี้จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการเมื่อได้ประกาศลงใน Official Journal ของสหภาพยุโรปแล้ว
ความสำเร็จนี้เป็นผลจากการดำเนินการของหน่วยราชการหลายฝ่าย โดยคณะกรรมการบริหารแบบบูรณาการของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ / คณะผู้แทนไทยประจำประชาคมยุโรป (ทีมประเทศไทย) ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตไทยที่ประจำการในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ที่ได้ดำเนินการทางการทูตโน้มน้าวบุคคลระดับสูงของรัฐบาลประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้เลี้ยงกุ้งและชุมชนที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติ
นอกเหนือจากมาตรการพิเศษเพื่อช่วยเหลือสินค้ากุ้งของไทยแล้ว ทีมประเทศไทยยังเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้สหภาพยุโรปตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของอุตสาหกรรมการส่งออกกุ้งของไทย และเร่งทบทวนเพื่อให้สินค้ากุ้งของไทยได้รับสิทธิ GSP กลับคืน โดยหยิบยกประเด็นที่ความสามารถในการแข่งขันของสินค้ากุ้งของไทยลดลงอย่างมากตั้งแต่ถูกตัดสิทธิ GSP ในปี 2542 และไทยควรได้รับการพิจารณาคืนสิทธิดังกล่าว โดยสินค้ากุ้งและสินค้าประมงอื่นๆ ของไทยจะได้รับคืนสิทธิ GSP ในโครงการ GSP รอบใหม่ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2549 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551
อนึ่ง ประเทศไทยได้รับประโยชน์จากการได้รับสิทธิ GSP อย่างมาก โดยการส่งออกของไทยมีสัดส่วนการใช้ GSP ของสหภาพยุโรปมากที่สุดกว่า 50% ซึ่งผู้ประกอบการสามารถส่งออกสินค้าในอัตราภาษีที่ต่ำอันเป็นการช่วยลดต้นทุนและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าของไทย ตลอดจนก่อให้เกิดการลงทุนและการจ้างงานในสาขาอุตสาหกรรมที่ได้รับสิทธิ GSP อาทิ อุตสาหกรรมอาหาร เครื่องหนัง อัญมณี เฟอร์นิเจอร์ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ ไฟฟ้า เป็นต้น
เมื่อปี 2542 สหภาพยุโรปตัดสิทธิ GSP สินค้ากุ้งของไทย ทำให้สินค้ากุ้งของไทยต้องเสียภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นจาก 4.2% มาเป็นอัตราปกติที่ 12% สินค้ากุ้งของไทยจึงไม่สามารถแข่งขันในตลาดสหภาพยุโรปได้และสร้างความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งอย่างมาก โดยมูลค่าการส่งออกกุ้งแช่แข็งของไทยไปสหภาพยุโรปได้ลดลงเป็นลำดับ จากที่มีมูลค่าการส่งออกประมาณ 145 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2541 ลดลงเหลือประมาณ 9.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2547
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-