ราคายางแผ่นดิบชั้น 3 ตลาดหาดใหญ่ สัปดาห์นี้ 70.46 บาท/กิโลกรัม
1. สรุปภาวะการผลิตการตลาดและราคาภายในประเทศ
จากการที่ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้แข็งค่าที่สุดในรอบ 8 เดือน และแข็งขึ้นอย่างรวดเร็วจากปลายปีที่ระดับ 40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มาเป็น 39.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่
6 ม.ค. โดยมีสาเหตุมาจากมีเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย และปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐซึ่งสถาบันการเงินคาดหมายว่าอีก 3 เดือนข้างหน้าแนวโน้มค่าเงินจะอยู่ที่ 38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
นายหลักชัย กิตติพล นายกสมาคมยางพาราไทย กล่าวว่า จากการแข็งค่าขึ้นของเงินบาททำให้
สินค้าไทยมีราคาแพงขึ้น ซึ่งจะทำให้แข่งขันกับประเทศคู่แข่งไม่ได้ เช่น ยางพารา หากราคายางของไทยสูงกว่ามาเลเซีย และอินโดนีเซีย ลูกค้าจะหันไปสั่งซื้อจากสองประเทศดังกล่าว แม้ว่าเงินสกุลต่างๆใน
เอเชียจะแข็งค่าขึ้นตามค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวก็ตาม แต่หากเทียบกันแล้วค่าเงินบาทของไทยจะแข็งค่ากว่าเงินสกุลอื่น
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
1. ยางแผ่นดิบคุณภาพที่ 1 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.63 บาท สูงขึ้นจาก 65.34 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ
2.29 บาท หรือร้อยละ 3.50
2. ยางแผ่นดิบคุณภาพที่ 2 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.13 บาท สูงขึ้นจาก 64.84 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ
2.29 บาท หรือร้อยละ 3.53
3. ยางแผ่นดิบคุณภาพที่ 3 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 66.63 บาท สูงขึ้นจาก 64.34 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 2.29 บาท หรือร้อยละ 3.56
4. ยางแผ่นดิบคุณภาพที่ 4 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 66.16 บาท สูงขึ้นจาก 63.62 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 2.54 บาท หรือร้อยละ 3.99
5. ยางแผ่นดิบคุณภาพที่ 5 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 65.12 บาท สูงขึ้นจาก 62.55 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 2.57 หรือร้อยละ 4.11
6. ยางแผ่นดิบคละราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 66.95 บาท สูงขึ้นจาก 64.89 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 2.06 บาท หรือร้อยละ 3.17
7. ยางก้อนคละ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 37.97 บาท สูงขึ้นจาก 35.58 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 2.39 บาท หรือร้อยละ 6.72
8. เศษยางคละ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.75 บาท สูงขึ้นจาก 33.11 บาท ของสัปดาห์
ที่แล้วกิโลกรัมละ 1.64 บาท หรือร้อยละ 4.95
9. น้ำยางข้นคละ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 64.21 บาท สูงขึ้นจาก 63.99 บาท ของสัปดาห์
ที่แล้วกิโลกรัมละ 0.22 บาท หรือร้อยละ 0.34
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. ซื้อขายล่วงหน้าส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ 2549
ณ ท่าเรือกรุงเทพ
1. ยางแผ่นรมควันชั้น 1 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.91 บาท สูงขึ้นจาก 75.58 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 2.33 บาท หรือร้อยละ 3.08
2. ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 76.76 บาท สูงขึ้นจาก 74.43 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 2.33 บาท หรือร้อยละ 3.13
3. น้ำยางข้น ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 55.23 บาท สูงขึ้นจาก 53.79 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 1.44 บาท หรือร้อยละ 2.68
ณ ท่าเรือสงขลา
1. ยางแผ่นรมควันชั้น 1 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.80 บาท สูงขึ้นจาก 75.53 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 2.33 บาท หรือร้อยละ 3.08
2. ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 76.94 บาท สูงขึ้นจาก 74.61 บาท ของสัปดาห์
ที่แล้วกิโลกรัมละ 2.33 บาท หรือร้อยละ 3.12
3. น้ำยางข้นราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 54.98 บาท สูงขึ้นจาก 53.54 บาท ของสัปดาห์ที่แล้ว
กิโลกรัมละ 1.44 บาท หรือร้อยละ 2.69
2. สรุปภาวะการผลิตการตลาดและราคาในตลาดต่างประเทศ
มาเลเซียเป็นประเทศผู้ผลิตถุงมือยางมากกว่าร้อยละ 50 ของผลผลิตโลก คาดว่าต้นทุนการผลิตถุงมือยางของมาเลเซียจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณร้อยละ 10 หลังจากที่ราคายางในประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาน้ำยางข้นเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 20 ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งน้ำยางข้นส่วนใหญ่ถูกนำมาใช้ในการผลิตถุงมือยางของหลายๆบริษัทในมาเลเซีย เช่น Top Glove Corp , Supermax Corp และ Kossan Industries โดยเหตุนี้ผู้บริโภคก็ต้องซื้อถุงมือในราคาที่แพงขึ้น บริษัทผู้ผลิตถุงมือยางของมาเลเซียกล่าวว่าในเดือนกรกฎาคมนี้ราคาถุงมือยางจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณร้อยละ 20 โดยราคาจะเคลื่อนไหวตามราคาน้ำยางข้น Andrew Tan ผู้บริหารของบริษัทผู้ผลิตถุงมือยางของมาเลเซียกล่าวว่าในการสั่งซื้อถุงมือยางครั้งต่อไปราคาจะเพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับทุกๆ 1,000 ชิ้น สำหรับถุงมือที่มีแป้งเพื่อสะดวกในการสวมใส่ ราคาซื้อขายล่วงหน้าประมาณ 18 — 20 ดอลลาร์สหรัฐฯ (718.50 - 798.34 บาท) ต่อ 1,000 ชิ้น แต่ถุงมือที่ไม่มีแป้งซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันในสถานพยาบาลของสหรัฐอเมริกาสูงกว่าชนิดถุงมือมีแป้ง ราคาซื้อขายล่วงหน้า 23 — 26 ดอลลาร์สหรัฐฯ (918.09 — 1,037.84 บาท)
ต่อ 1,000 ชิ้น เนื่องจากเกิดการแพ้ถุงมือที่มีแป้งที่ทำมาจากน้ำยางข้น โดยในกลุ่มสมาชิกผู้ผลิตพร้อมที่จะจ่ายเพิ่ม 2 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตามข้อตกลงที่กำหนดไว้เพื่อรักษาคุณภาพการผลิตถุงมือยางของมาเลเซีย เนื่องจากเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในการผลิตถุงมือยางที่ดีที่สุด
ในช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำยางข้นเริ่มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากผลผลิตที่ลดลงของไทย อินโดนีเซียและมาเลเซีย โดยร้อยละ 50 ของปริมาณน้ำยางข้น ถูกนำมาใช้ในการผลิตถุงมือยาง นอกจากนี้ยังมียางสังเคราะห์ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการผลิตถุงมือยางแต่ต้นทุนการผลิตอาจสูงทั้งนี้ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันด้วย
ราคาต่างประเทศซื้อขายล่วงหน้า ส่งมอบเดือน กุมภาพันธ์ 2549
ยางแผ่นรมควันชั้น 1
ตลาดสิงคโปร์เสนอซื้อล่วงหน้า เฉลี่ยกิโลกรัมละ 322.75 เซนต์สิงคโปร์ (77.16 บาท) สูงขึ้นจาก 311.63 เซนต์สิงคโปร์ (74.94 บาท) ในสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 11.12 เซนสิงคโปร์ หรือร้อยละ 3.57
ยางแผ่นรมควันชั้น 3
ตลาดสิงคโปร์เสนอซื้อล่วงหน้าเฉลี่ยกิโลกรัมละ 197.50 เซนต์สหรัฐ (76.94 บาท) สูงขึ้นจาก 189.69 เซนต์สหรัฐ (74.74 บาท) ในสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 7.81 เซนต์สหรัฐ หรือร้อยละ 4.12
ตลาดลอนดอนเสนอซื้อขายล่วงหน้าเฉลี่ยกิโลกรัมละ 171.44 เพนนี ( 66.78 บาท ) สูงขึ้นจาก 167.06 เพนนี (65.83 บาท ) ในสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 4.38 เพนนี หรือร้อยละ 2.62
ตลาดโตเกียวเสนอซื้อขายล่วงหน้าเฉลี่ยกิโลกรัมละ 230.48 เยน (77.78 บาท) สูงขึ้นจาก 218.08 เยน (74.42 บาท) ในสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 12.40 เยน หรือร้อยละ 5.69
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ประจำวันที่ 23 - 29 ม.ค 2549--
-พห-
1. สรุปภาวะการผลิตการตลาดและราคาภายในประเทศ
จากการที่ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้แข็งค่าที่สุดในรอบ 8 เดือน และแข็งขึ้นอย่างรวดเร็วจากปลายปีที่ระดับ 40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มาเป็น 39.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่
6 ม.ค. โดยมีสาเหตุมาจากมีเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย และปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐซึ่งสถาบันการเงินคาดหมายว่าอีก 3 เดือนข้างหน้าแนวโน้มค่าเงินจะอยู่ที่ 38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
นายหลักชัย กิตติพล นายกสมาคมยางพาราไทย กล่าวว่า จากการแข็งค่าขึ้นของเงินบาททำให้
สินค้าไทยมีราคาแพงขึ้น ซึ่งจะทำให้แข่งขันกับประเทศคู่แข่งไม่ได้ เช่น ยางพารา หากราคายางของไทยสูงกว่ามาเลเซีย และอินโดนีเซีย ลูกค้าจะหันไปสั่งซื้อจากสองประเทศดังกล่าว แม้ว่าเงินสกุลต่างๆใน
เอเชียจะแข็งค่าขึ้นตามค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวก็ตาม แต่หากเทียบกันแล้วค่าเงินบาทของไทยจะแข็งค่ากว่าเงินสกุลอื่น
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
1. ยางแผ่นดิบคุณภาพที่ 1 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.63 บาท สูงขึ้นจาก 65.34 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ
2.29 บาท หรือร้อยละ 3.50
2. ยางแผ่นดิบคุณภาพที่ 2 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.13 บาท สูงขึ้นจาก 64.84 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ
2.29 บาท หรือร้อยละ 3.53
3. ยางแผ่นดิบคุณภาพที่ 3 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 66.63 บาท สูงขึ้นจาก 64.34 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 2.29 บาท หรือร้อยละ 3.56
4. ยางแผ่นดิบคุณภาพที่ 4 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 66.16 บาท สูงขึ้นจาก 63.62 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 2.54 บาท หรือร้อยละ 3.99
5. ยางแผ่นดิบคุณภาพที่ 5 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 65.12 บาท สูงขึ้นจาก 62.55 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 2.57 หรือร้อยละ 4.11
6. ยางแผ่นดิบคละราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 66.95 บาท สูงขึ้นจาก 64.89 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 2.06 บาท หรือร้อยละ 3.17
7. ยางก้อนคละ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 37.97 บาท สูงขึ้นจาก 35.58 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 2.39 บาท หรือร้อยละ 6.72
8. เศษยางคละ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.75 บาท สูงขึ้นจาก 33.11 บาท ของสัปดาห์
ที่แล้วกิโลกรัมละ 1.64 บาท หรือร้อยละ 4.95
9. น้ำยางข้นคละ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 64.21 บาท สูงขึ้นจาก 63.99 บาท ของสัปดาห์
ที่แล้วกิโลกรัมละ 0.22 บาท หรือร้อยละ 0.34
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. ซื้อขายล่วงหน้าส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ 2549
ณ ท่าเรือกรุงเทพ
1. ยางแผ่นรมควันชั้น 1 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.91 บาท สูงขึ้นจาก 75.58 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 2.33 บาท หรือร้อยละ 3.08
2. ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 76.76 บาท สูงขึ้นจาก 74.43 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 2.33 บาท หรือร้อยละ 3.13
3. น้ำยางข้น ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 55.23 บาท สูงขึ้นจาก 53.79 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 1.44 บาท หรือร้อยละ 2.68
ณ ท่าเรือสงขลา
1. ยางแผ่นรมควันชั้น 1 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.80 บาท สูงขึ้นจาก 75.53 บาท ของสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 2.33 บาท หรือร้อยละ 3.08
2. ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 76.94 บาท สูงขึ้นจาก 74.61 บาท ของสัปดาห์
ที่แล้วกิโลกรัมละ 2.33 บาท หรือร้อยละ 3.12
3. น้ำยางข้นราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 54.98 บาท สูงขึ้นจาก 53.54 บาท ของสัปดาห์ที่แล้ว
กิโลกรัมละ 1.44 บาท หรือร้อยละ 2.69
2. สรุปภาวะการผลิตการตลาดและราคาในตลาดต่างประเทศ
มาเลเซียเป็นประเทศผู้ผลิตถุงมือยางมากกว่าร้อยละ 50 ของผลผลิตโลก คาดว่าต้นทุนการผลิตถุงมือยางของมาเลเซียจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณร้อยละ 10 หลังจากที่ราคายางในประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาน้ำยางข้นเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 20 ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งน้ำยางข้นส่วนใหญ่ถูกนำมาใช้ในการผลิตถุงมือยางของหลายๆบริษัทในมาเลเซีย เช่น Top Glove Corp , Supermax Corp และ Kossan Industries โดยเหตุนี้ผู้บริโภคก็ต้องซื้อถุงมือในราคาที่แพงขึ้น บริษัทผู้ผลิตถุงมือยางของมาเลเซียกล่าวว่าในเดือนกรกฎาคมนี้ราคาถุงมือยางจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณร้อยละ 20 โดยราคาจะเคลื่อนไหวตามราคาน้ำยางข้น Andrew Tan ผู้บริหารของบริษัทผู้ผลิตถุงมือยางของมาเลเซียกล่าวว่าในการสั่งซื้อถุงมือยางครั้งต่อไปราคาจะเพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับทุกๆ 1,000 ชิ้น สำหรับถุงมือที่มีแป้งเพื่อสะดวกในการสวมใส่ ราคาซื้อขายล่วงหน้าประมาณ 18 — 20 ดอลลาร์สหรัฐฯ (718.50 - 798.34 บาท) ต่อ 1,000 ชิ้น แต่ถุงมือที่ไม่มีแป้งซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันในสถานพยาบาลของสหรัฐอเมริกาสูงกว่าชนิดถุงมือมีแป้ง ราคาซื้อขายล่วงหน้า 23 — 26 ดอลลาร์สหรัฐฯ (918.09 — 1,037.84 บาท)
ต่อ 1,000 ชิ้น เนื่องจากเกิดการแพ้ถุงมือที่มีแป้งที่ทำมาจากน้ำยางข้น โดยในกลุ่มสมาชิกผู้ผลิตพร้อมที่จะจ่ายเพิ่ม 2 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตามข้อตกลงที่กำหนดไว้เพื่อรักษาคุณภาพการผลิตถุงมือยางของมาเลเซีย เนื่องจากเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในการผลิตถุงมือยางที่ดีที่สุด
ในช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำยางข้นเริ่มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากผลผลิตที่ลดลงของไทย อินโดนีเซียและมาเลเซีย โดยร้อยละ 50 ของปริมาณน้ำยางข้น ถูกนำมาใช้ในการผลิตถุงมือยาง นอกจากนี้ยังมียางสังเคราะห์ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการผลิตถุงมือยางแต่ต้นทุนการผลิตอาจสูงทั้งนี้ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันด้วย
ราคาต่างประเทศซื้อขายล่วงหน้า ส่งมอบเดือน กุมภาพันธ์ 2549
ยางแผ่นรมควันชั้น 1
ตลาดสิงคโปร์เสนอซื้อล่วงหน้า เฉลี่ยกิโลกรัมละ 322.75 เซนต์สิงคโปร์ (77.16 บาท) สูงขึ้นจาก 311.63 เซนต์สิงคโปร์ (74.94 บาท) ในสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 11.12 เซนสิงคโปร์ หรือร้อยละ 3.57
ยางแผ่นรมควันชั้น 3
ตลาดสิงคโปร์เสนอซื้อล่วงหน้าเฉลี่ยกิโลกรัมละ 197.50 เซนต์สหรัฐ (76.94 บาท) สูงขึ้นจาก 189.69 เซนต์สหรัฐ (74.74 บาท) ในสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 7.81 เซนต์สหรัฐ หรือร้อยละ 4.12
ตลาดลอนดอนเสนอซื้อขายล่วงหน้าเฉลี่ยกิโลกรัมละ 171.44 เพนนี ( 66.78 บาท ) สูงขึ้นจาก 167.06 เพนนี (65.83 บาท ) ในสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 4.38 เพนนี หรือร้อยละ 2.62
ตลาดโตเกียวเสนอซื้อขายล่วงหน้าเฉลี่ยกิโลกรัมละ 230.48 เยน (77.78 บาท) สูงขึ้นจาก 218.08 เยน (74.42 บาท) ในสัปดาห์ที่แล้วกิโลกรัมละ 12.40 เยน หรือร้อยละ 5.69
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ประจำวันที่ 23 - 29 ม.ค 2549--
-พห-