คำปราศรัยของ ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงฯ ประจำปี พ.ศ. 2549 (วันที่ 14 เมษายน 2549) สำหรับออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพรักทุกท่าน
เมื่อ 131 ปีที่แล้ว ในวันที่ 14 เมษายน พุทธศักราช 2418 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม สถาปนากระทรวงการต่างประเทศขึ้น
ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง ภารกิจของกระทรวงการต่างประเทศได้วิวัฒนาการมาตามลำดับ โดยยังคงยึดแนวทางที่บรรพบุรุษได้วางรากฐานไว้ ตลอดจนพัฒนาปรับปรุงโครงสร้างให้สามารถปกป้องและส่งเสริมผลประโยชน์ของไทยในเวทีโลกอย่างมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น
ตราบถึงยุคโลกาภิวัตน์ในปัจจุบัน นอกจากเสถียรภาพและความมั่นคงของชาติแล้ว กระทรวงการต่างประเทศได้ขยายผลรวมถึงกิจกรรมด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมีผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลักสำคัญ การดำเนินนโยบายการต่างประเทศจึงต้องครอบคลุมไปถึงด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนชาวไทย
ปัจจุบัน สถานการณ์โลกมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว กระทรวงการต่างประเทศในฐานะหน่วยงานด่านหน้า จำเป็นต้องทำงานเชิงรุกเพื่อพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ โดยมุ่งเน้นการดำเนินงานใน 7 ด้านได้แก่
1) การทูตเชิงรุกโดยส่งเสริมและขยายความสัมพันธ์และแสวงหาความร่วมมือกับนานาประเทศในทุกๆ ด้าน เพื่อให้การต่างประเทศเป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
2) ดำเนินงานด้านความมั่นคง การพัฒนาและการสร้างสันติภาพระหว่างประเทศภายใต้กรอบแห่งสหประชาชาติและองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องและเพิ่มบทบาทเชิงรุกในประชาคมระหว่างประเทศ
3) การส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีและความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านให้แน่นแฟ้นทั้งในระดับภาครัฐ เอกชนและประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน ภายใต้กรอบความร่วมมือต่างๆ อาทิ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) ความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) และ BIMSTEC ซึ่งรวมถึงทั้งในด้านการค้า การลงทุน การเกษตร อุตสาหกรรม การเชื่อมโยงเครือข่ายคมนาคมขนส่งทางบก น้ำ และอากาศ การท่องเที่ยว และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
4) ร่วมมือกับประเทศอาเซียนในการเร่งจัดตั้งประชาคมอาเซียน และผลักดันให้กรอบความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ACD) เป็นเวทีเพื่อสร้างความไว้วางใจ กระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือของกลุ่มประเทศในเอเชีย
5) การส่งเสริมความร่วมมือในลักษณะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับประเทศและกลุ่มประเทศที่มีบทบาทสำคัญบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้งเสริมสร้างความยอมรับและความเชื่อมั่นของต่างประเทศต่อประเทศไทย
6) สนับสนุนการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศในเชิงรุกอย่างต่อเนื่องโดยคำนึงถึงนโยบายเศรษฐกิจภายในประเทศ ทั้งในเรื่องการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ การดำเนินนโยบายการตลาดเชิงรุกทั้งในตลาดเดิมและตลาดใหม่ เพื่อส่งเสริมให้สินค้าและบริการของไทยเป็นที่รู้จักและยอมรับ
7) สนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในภารกิจด้านการต่างประเทศ การเสริมสร้างและสนับสนุนชุมชนไทยในต่างประเทศให้มีบทบาทและส่วนร่วมในการปกปักรักษาและส่งเสริมผลประโยชน์ของประเทศ รวมทั้งมุ่งส่งเสริม รักษาและคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของประเทศ รวมทั้งของภาคเอกชนไทย แรงงานไทยและคนไทยในต่างประเทศ
พี่น้องทุกท่านครับ
การต่างประเทศเป็นของพี่น้องชาวไทยทุกคน เป็นเรื่องใกล้ตัว เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของทุกท่าน ความสัมพันธ์กับต่างประเทศที่ขยายตัวมากขึ้นทุกๆ มิติ เกี่ยวข้องกับการกินดีอยู่ดีของประชาชนทุกๆ ระดับ กระทรวงการต่างประเทศมีความมุ่งมั่นที่จะให้การต่างประเทศตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริงตามแนวนโยบายการทูตเพื่อประชาชน ซึ่งหมายถึงการทำโลกทั้งใบให้เป็นประโยชน์กับประชาชนชาวไทย
ในรอบปีที่ผ่านมา การดำเนินนโยบายการต่างประเทศของรัฐบาลได้บรรลุผลสำเร็จเป็นรูปธรรมหลายประการ นอกเหนือจากการรักษาและขยายความสัมพันธ์อันดีกับประเทศต่างๆ ในทุกภูมิภาคของโลกแล้ว ยุทธศาสตร์การทูตเชิงรุกที่ถือเป็นนโยบายสำคัญ เริ่มงอกเงย แตกกล้า การส่งเสริมความไว้เนื้อเชื่อใจกับประเทศเพื่อนบ้านขยายผลในทุกมิติและทุกระดับ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจภายใต้นโยบาย “พัฒนาประเทศเพื่อนบ้าน” เพื่อให้สามารถย่างก้าวไปพร้อมกับไทยอย่างยั่งยืนบนหลักการผลประโยชน์ร่วมกัน นโยบายนี้กำลังมีส่วนสำคัญในการสร้างความสงบสุขและยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องบริเวณชายแดนทั้งสองฝ่าย และได้รับความชื่นชมจากประชาคมโลกและสหประชาชาติในฐานะตัวอย่างที่ดีของความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา
ในยุคที่โลกาภิวัตน์กำลังทำให้โลกเราเล็กลงเรื่อยๆ กระทรวงการต่างประเทศเป็นด่านหน้าในการขยายโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับพี่น้องชาวไทย ผมและบรรดาเอกอัครราชทูตทั้งหลายจะยังคงเป็นทัพหน้า เป็นผู้ที่ไปเคาะประตูเพื่อเปิดทางให้หน่วยงานของรัฐและเอกชนได้รุกในรายละเอียดต่อไป ทั้งในการขยายตลาดการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว เพื่อแสวงหาโอกาสในตลาดใหม่ๆ ให้กับสินค้าไทย รวมทั้งเจรจาต่อรองในประเด็นที่จะเอื้อประโยชน์ต่อประเทศไทย ระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา ผมได้เดินทางไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกเพื่อการนี้ และได้รับการต้อนรับจากผู้นำจากประเทศต่างๆ ซึ่งนำไปสู่การหารือระหว่างภาคเอกชนถึงลู่ทางที่จะร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ
ผลจากการเน้นใช้ยุทธศาสตร์ในเชิงรุกในทุกด้าน ทำให้ไทยอยู่ในสายตาของประชาคมโลกอย่างมีศักดิ์ศรี สง่างาม มีบทบาทที่ชัดเจน และมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาของโลก นานาประเทศเห็นถึงวิสัยทัศน์และยอมรับบทบาทของไทยในด้านการต่างประเทศ มีความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยมากขึ้น
พี่น้องที่เคารพรัก
ในด้านกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ได้ปรับปรุงการให้บริการแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง เช่น ในส่วนของหนังสือเดินทางได้จัดหน่วยบริการเคลื่อนที่ไปให้บริการประชาชนยังจังหวัดต่างๆ ในส่วนภูมิภาค พัฒนาระบบบริการยื่นคำร้องเพื่อต่ออายุหนังสือเดินทางทางไปรษณีย์และทาง internet การจัดทำระบบหนังสือเดินทางอิเลคทรอนิกส์หรือที่เรียกว่า E-Passport เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
สำหรับการคุ้มครองดูแลคนไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ตกทุกข์ได้ยาก ในปีที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ของไทยในต่างประเทศได้ช่วยเหลือคนไทยรวม 1,872 กรณีและเมื่อเร็วๆ นี้ ได้ให้ความช่วยเหลือชายไทย 2 คนที่ถูกกลุ่มผู้ร้ายในไนจีเรียจับตัวไปเรียกค่าไถ่จนสามารถกลับสุ่มาตุภูมิโดยสวัสดิภาพ
การบริการประชาชนอีกด้านหนึ่งของกระทรวงการต่างประเทศคือเผยแพร่ข่าวสารในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะโดยผ่านสื่อมวลชน ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ หรือหนังสือพิมพ์ หรือผ่านโครงการเข้าถึงประชาชนในท้องถิ่น เช่น โครงการบัวแก้วสัญจร กงสุลสัญจรและอาเซียนสัญจร
แม้กระทรวงการต่างประเทศจะมีกำลังคนเพียง 1,608 คน มีงบประมาณที่จำกัด แต่งบประมาณของกระทรวงการต่างประเทศได้ถูกนำไปใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าในการสนับสนุนการทำงานในส่วนกลางและในส่วนของสถานเอกอัครราชทูตไทย สถานกงสุลใหญ่ และสำนักงานต่างๆ ทั่วโลกรวม 93 แห่งเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผลประโยชน์ของประเทศในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง การส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิประโยชน์และผลประโยชน์ของคนไทยในต่างประเทศ การส่งเสริมการท่องเที่ยว การประชาสัมพันธ์ และการเสริมสร้างภาพลักษณ์ของไทย โดยเป็นการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง
สุดท้ายนี้ ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกท่าน ที่ได้ให้การสนับสนุนและให้ข้อเสนอแนะต่อการดำเนินภารกิจด้านการต่างประเทศที่ผ่านมาในรอบปี ผมขอให้ความมั่นใจแก่พี่น้องทุกท่านว่า ผมและข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศทุกคนจะทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและความผาสุกของพี่น้องอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อนำมาซึ่งความสุขสวัสดีและความภาคภูมิใจเช่นที่บรรพบุรุษนักการทูตของไทยได้ทรงสร้างและสร้างไว้ในประวัติศาสตร์การทูตที่ยาวนานของไทย โดยยึดมั่นในเป้าหมายที่ว่า “สู่ชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย สันติสุข อยู่ดีกินดี มีศักดิ์ศรี มีความปลอดภัย” สวัสดีครับ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-สส-
พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพรักทุกท่าน
เมื่อ 131 ปีที่แล้ว ในวันที่ 14 เมษายน พุทธศักราช 2418 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม สถาปนากระทรวงการต่างประเทศขึ้น
ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง ภารกิจของกระทรวงการต่างประเทศได้วิวัฒนาการมาตามลำดับ โดยยังคงยึดแนวทางที่บรรพบุรุษได้วางรากฐานไว้ ตลอดจนพัฒนาปรับปรุงโครงสร้างให้สามารถปกป้องและส่งเสริมผลประโยชน์ของไทยในเวทีโลกอย่างมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น
ตราบถึงยุคโลกาภิวัตน์ในปัจจุบัน นอกจากเสถียรภาพและความมั่นคงของชาติแล้ว กระทรวงการต่างประเทศได้ขยายผลรวมถึงกิจกรรมด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมีผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลักสำคัญ การดำเนินนโยบายการต่างประเทศจึงต้องครอบคลุมไปถึงด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนชาวไทย
ปัจจุบัน สถานการณ์โลกมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว กระทรวงการต่างประเทศในฐานะหน่วยงานด่านหน้า จำเป็นต้องทำงานเชิงรุกเพื่อพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ โดยมุ่งเน้นการดำเนินงานใน 7 ด้านได้แก่
1) การทูตเชิงรุกโดยส่งเสริมและขยายความสัมพันธ์และแสวงหาความร่วมมือกับนานาประเทศในทุกๆ ด้าน เพื่อให้การต่างประเทศเป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
2) ดำเนินงานด้านความมั่นคง การพัฒนาและการสร้างสันติภาพระหว่างประเทศภายใต้กรอบแห่งสหประชาชาติและองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องและเพิ่มบทบาทเชิงรุกในประชาคมระหว่างประเทศ
3) การส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีและความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านให้แน่นแฟ้นทั้งในระดับภาครัฐ เอกชนและประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน ภายใต้กรอบความร่วมมือต่างๆ อาทิ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) ความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) และ BIMSTEC ซึ่งรวมถึงทั้งในด้านการค้า การลงทุน การเกษตร อุตสาหกรรม การเชื่อมโยงเครือข่ายคมนาคมขนส่งทางบก น้ำ และอากาศ การท่องเที่ยว และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
4) ร่วมมือกับประเทศอาเซียนในการเร่งจัดตั้งประชาคมอาเซียน และผลักดันให้กรอบความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ACD) เป็นเวทีเพื่อสร้างความไว้วางใจ กระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือของกลุ่มประเทศในเอเชีย
5) การส่งเสริมความร่วมมือในลักษณะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับประเทศและกลุ่มประเทศที่มีบทบาทสำคัญบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้งเสริมสร้างความยอมรับและความเชื่อมั่นของต่างประเทศต่อประเทศไทย
6) สนับสนุนการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศในเชิงรุกอย่างต่อเนื่องโดยคำนึงถึงนโยบายเศรษฐกิจภายในประเทศ ทั้งในเรื่องการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ การดำเนินนโยบายการตลาดเชิงรุกทั้งในตลาดเดิมและตลาดใหม่ เพื่อส่งเสริมให้สินค้าและบริการของไทยเป็นที่รู้จักและยอมรับ
7) สนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในภารกิจด้านการต่างประเทศ การเสริมสร้างและสนับสนุนชุมชนไทยในต่างประเทศให้มีบทบาทและส่วนร่วมในการปกปักรักษาและส่งเสริมผลประโยชน์ของประเทศ รวมทั้งมุ่งส่งเสริม รักษาและคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของประเทศ รวมทั้งของภาคเอกชนไทย แรงงานไทยและคนไทยในต่างประเทศ
พี่น้องทุกท่านครับ
การต่างประเทศเป็นของพี่น้องชาวไทยทุกคน เป็นเรื่องใกล้ตัว เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของทุกท่าน ความสัมพันธ์กับต่างประเทศที่ขยายตัวมากขึ้นทุกๆ มิติ เกี่ยวข้องกับการกินดีอยู่ดีของประชาชนทุกๆ ระดับ กระทรวงการต่างประเทศมีความมุ่งมั่นที่จะให้การต่างประเทศตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริงตามแนวนโยบายการทูตเพื่อประชาชน ซึ่งหมายถึงการทำโลกทั้งใบให้เป็นประโยชน์กับประชาชนชาวไทย
ในรอบปีที่ผ่านมา การดำเนินนโยบายการต่างประเทศของรัฐบาลได้บรรลุผลสำเร็จเป็นรูปธรรมหลายประการ นอกเหนือจากการรักษาและขยายความสัมพันธ์อันดีกับประเทศต่างๆ ในทุกภูมิภาคของโลกแล้ว ยุทธศาสตร์การทูตเชิงรุกที่ถือเป็นนโยบายสำคัญ เริ่มงอกเงย แตกกล้า การส่งเสริมความไว้เนื้อเชื่อใจกับประเทศเพื่อนบ้านขยายผลในทุกมิติและทุกระดับ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจภายใต้นโยบาย “พัฒนาประเทศเพื่อนบ้าน” เพื่อให้สามารถย่างก้าวไปพร้อมกับไทยอย่างยั่งยืนบนหลักการผลประโยชน์ร่วมกัน นโยบายนี้กำลังมีส่วนสำคัญในการสร้างความสงบสุขและยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องบริเวณชายแดนทั้งสองฝ่าย และได้รับความชื่นชมจากประชาคมโลกและสหประชาชาติในฐานะตัวอย่างที่ดีของความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา
ในยุคที่โลกาภิวัตน์กำลังทำให้โลกเราเล็กลงเรื่อยๆ กระทรวงการต่างประเทศเป็นด่านหน้าในการขยายโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับพี่น้องชาวไทย ผมและบรรดาเอกอัครราชทูตทั้งหลายจะยังคงเป็นทัพหน้า เป็นผู้ที่ไปเคาะประตูเพื่อเปิดทางให้หน่วยงานของรัฐและเอกชนได้รุกในรายละเอียดต่อไป ทั้งในการขยายตลาดการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว เพื่อแสวงหาโอกาสในตลาดใหม่ๆ ให้กับสินค้าไทย รวมทั้งเจรจาต่อรองในประเด็นที่จะเอื้อประโยชน์ต่อประเทศไทย ระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา ผมได้เดินทางไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกเพื่อการนี้ และได้รับการต้อนรับจากผู้นำจากประเทศต่างๆ ซึ่งนำไปสู่การหารือระหว่างภาคเอกชนถึงลู่ทางที่จะร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ
ผลจากการเน้นใช้ยุทธศาสตร์ในเชิงรุกในทุกด้าน ทำให้ไทยอยู่ในสายตาของประชาคมโลกอย่างมีศักดิ์ศรี สง่างาม มีบทบาทที่ชัดเจน และมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาของโลก นานาประเทศเห็นถึงวิสัยทัศน์และยอมรับบทบาทของไทยในด้านการต่างประเทศ มีความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยมากขึ้น
พี่น้องที่เคารพรัก
ในด้านกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ได้ปรับปรุงการให้บริการแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง เช่น ในส่วนของหนังสือเดินทางได้จัดหน่วยบริการเคลื่อนที่ไปให้บริการประชาชนยังจังหวัดต่างๆ ในส่วนภูมิภาค พัฒนาระบบบริการยื่นคำร้องเพื่อต่ออายุหนังสือเดินทางทางไปรษณีย์และทาง internet การจัดทำระบบหนังสือเดินทางอิเลคทรอนิกส์หรือที่เรียกว่า E-Passport เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
สำหรับการคุ้มครองดูแลคนไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ตกทุกข์ได้ยาก ในปีที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ของไทยในต่างประเทศได้ช่วยเหลือคนไทยรวม 1,872 กรณีและเมื่อเร็วๆ นี้ ได้ให้ความช่วยเหลือชายไทย 2 คนที่ถูกกลุ่มผู้ร้ายในไนจีเรียจับตัวไปเรียกค่าไถ่จนสามารถกลับสุ่มาตุภูมิโดยสวัสดิภาพ
การบริการประชาชนอีกด้านหนึ่งของกระทรวงการต่างประเทศคือเผยแพร่ข่าวสารในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะโดยผ่านสื่อมวลชน ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ หรือหนังสือพิมพ์ หรือผ่านโครงการเข้าถึงประชาชนในท้องถิ่น เช่น โครงการบัวแก้วสัญจร กงสุลสัญจรและอาเซียนสัญจร
แม้กระทรวงการต่างประเทศจะมีกำลังคนเพียง 1,608 คน มีงบประมาณที่จำกัด แต่งบประมาณของกระทรวงการต่างประเทศได้ถูกนำไปใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าในการสนับสนุนการทำงานในส่วนกลางและในส่วนของสถานเอกอัครราชทูตไทย สถานกงสุลใหญ่ และสำนักงานต่างๆ ทั่วโลกรวม 93 แห่งเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผลประโยชน์ของประเทศในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง การส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิประโยชน์และผลประโยชน์ของคนไทยในต่างประเทศ การส่งเสริมการท่องเที่ยว การประชาสัมพันธ์ และการเสริมสร้างภาพลักษณ์ของไทย โดยเป็นการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง
สุดท้ายนี้ ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกท่าน ที่ได้ให้การสนับสนุนและให้ข้อเสนอแนะต่อการดำเนินภารกิจด้านการต่างประเทศที่ผ่านมาในรอบปี ผมขอให้ความมั่นใจแก่พี่น้องทุกท่านว่า ผมและข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศทุกคนจะทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและความผาสุกของพี่น้องอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อนำมาซึ่งความสุขสวัสดีและความภาคภูมิใจเช่นที่บรรพบุรุษนักการทูตของไทยได้ทรงสร้างและสร้างไว้ในประวัติศาสตร์การทูตที่ยาวนานของไทย โดยยึดมั่นในเป้าหมายที่ว่า “สู่ชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย สันติสุข อยู่ดีกินดี มีศักดิ์ศรี มีความปลอดภัย” สวัสดีครับ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-สส-