แท็ก
ตลาดหลักทรัพย์
ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน
-ผลประกอบการและสภาพคล่องในไตรมาสที่ 4 ปี 2547
ในไตรมาสที่ 4 ปี 2547 ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่ใช่สถาบันการเงินยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตรากำไรสุทธิ(Net Profit Margin)เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 11.4 ในไตรมาสเดียวกันปีก่อนเป็นร้อยละ 11.5 อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้น(Gross Profit Margin) มีแนวโน้มปรับตัวลดลงตั้งแต่ต้นปี 2547 โดยลดลงจากร้อยละ 24.2 ไตรมาสเดียวกันปีก่อนเหลือร้อยละ 23.7 ในไตรมาสที่ 4 ซึ่งจะสะท้อนต้นทุนการขาย(Cost of Sales)ที่สูงขึ้นในขณะที่ค่าใช้จ่ายอื่นๆ(Other Expenses)ปรับตัวลดลง
อัตรากำไรสุทธิของกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก 4 กลุ่มเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนนั้น กลุ่มการผลิตภาคอุตสาหกรรมมีอัตรากำไรสุทธิลดลงเหลือร้อยละ 10.2 จากร้อยละ 10.4 กลุ่มรับเหมาก่อสร้างลดลงเหลือร้อยละ 1.7 จากร้อยละ 12.4 และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ลดลงเหลือร้อยละ 17.4 จากร้อยละ 36.2 ในขณะที่กลุ่มพาณิชย์เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.5 จากร้อยละ 3.3
สภาพคล่องของภาคธุรกิจยังทรงตัวในระดับสูงโดยอัตราส่วนเงินสดต่อสินทรัพย์รวมอยู่ที่ร้อยละ 7.1 เทียบกับร้อยละ 7.8 ในไตรมาสเดียวกันปีก่อน และสูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนวิกฤติเศรษฐกิจซึ่งอยู่ทีร้อยละ 2.2
-โครงสร้างทางการเงินและความสามารถในการชำระหนี้
โครงสร้างทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนฯมีความแข็งแกร่งขึ้นเป็นลำดับ โดยในไตรมาสที่ 4 ปี 2547 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(Debt to Equity Ratio:D/E)ลดลงต่อเนื่องเหลือเพียง 1.32 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก่อนวิกฤตที่ 1.7 เท่า ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากบริษัทจดทะเบียนฯมีการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นและมีกำไรสะสมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5
นอกจากนี้ความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทจดทะเบียนฯยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยอัตราส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่ายและภาษี(EBIT)ต่อดอกเบี้ยจ่าย(Time Interest Earned:TIE)ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 9.18 เท่าเทียบกับค่าเฉลี่ยก่อนวิกฤติที่ 3.2 เท่า ซึ่งเป็นผลจากภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงเหลือเพียงร้อยละ 1.6 ของรายได้รวมเทียบกับร้อยละ 2.5 ในไตรมาสเดียวกันปีก่อน
-แนวโน้มการลงทุน
ณ สิ้นปี 2547 สัญญาณการลงทุนของภาคธุรกิจยังมีความชัดเจนเห็นได้จากการสะสมสินทรัพย์ถาวร(Fixed Assets)เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับจากต้นปี 2546 โดยเฉพาะในภาคการผลิตอุตสาหกรรม
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ผลประกอบการและสภาพคล่องในไตรมาสที่ 4 ปี 2547
ในไตรมาสที่ 4 ปี 2547 ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่ใช่สถาบันการเงินยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตรากำไรสุทธิ(Net Profit Margin)เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 11.4 ในไตรมาสเดียวกันปีก่อนเป็นร้อยละ 11.5 อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้น(Gross Profit Margin) มีแนวโน้มปรับตัวลดลงตั้งแต่ต้นปี 2547 โดยลดลงจากร้อยละ 24.2 ไตรมาสเดียวกันปีก่อนเหลือร้อยละ 23.7 ในไตรมาสที่ 4 ซึ่งจะสะท้อนต้นทุนการขาย(Cost of Sales)ที่สูงขึ้นในขณะที่ค่าใช้จ่ายอื่นๆ(Other Expenses)ปรับตัวลดลง
อัตรากำไรสุทธิของกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก 4 กลุ่มเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนนั้น กลุ่มการผลิตภาคอุตสาหกรรมมีอัตรากำไรสุทธิลดลงเหลือร้อยละ 10.2 จากร้อยละ 10.4 กลุ่มรับเหมาก่อสร้างลดลงเหลือร้อยละ 1.7 จากร้อยละ 12.4 และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ลดลงเหลือร้อยละ 17.4 จากร้อยละ 36.2 ในขณะที่กลุ่มพาณิชย์เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.5 จากร้อยละ 3.3
สภาพคล่องของภาคธุรกิจยังทรงตัวในระดับสูงโดยอัตราส่วนเงินสดต่อสินทรัพย์รวมอยู่ที่ร้อยละ 7.1 เทียบกับร้อยละ 7.8 ในไตรมาสเดียวกันปีก่อน และสูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนวิกฤติเศรษฐกิจซึ่งอยู่ทีร้อยละ 2.2
-โครงสร้างทางการเงินและความสามารถในการชำระหนี้
โครงสร้างทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนฯมีความแข็งแกร่งขึ้นเป็นลำดับ โดยในไตรมาสที่ 4 ปี 2547 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(Debt to Equity Ratio:D/E)ลดลงต่อเนื่องเหลือเพียง 1.32 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก่อนวิกฤตที่ 1.7 เท่า ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากบริษัทจดทะเบียนฯมีการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นและมีกำไรสะสมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5
นอกจากนี้ความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทจดทะเบียนฯยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยอัตราส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่ายและภาษี(EBIT)ต่อดอกเบี้ยจ่าย(Time Interest Earned:TIE)ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 9.18 เท่าเทียบกับค่าเฉลี่ยก่อนวิกฤติที่ 3.2 เท่า ซึ่งเป็นผลจากภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงเหลือเพียงร้อยละ 1.6 ของรายได้รวมเทียบกับร้อยละ 2.5 ในไตรมาสเดียวกันปีก่อน
-แนวโน้มการลงทุน
ณ สิ้นปี 2547 สัญญาณการลงทุนของภาคธุรกิจยังมีความชัดเจนเห็นได้จากการสะสมสินทรัพย์ถาวร(Fixed Assets)เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับจากต้นปี 2546 โดยเฉพาะในภาคการผลิตอุตสาหกรรม
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--