ไทย-เปรู จะร่วมลงนามในพิธีสารเพิ่มเติมเพื่อให้ความตกลงเปิดเสรีทางการค้ามีผลบังคับใช้

          การประชุมผูนำเศรษฐกิจเอเปคครั้งที่ 14 ไทยและเปรูจะร่วมลงนามในพิธีสารเพิ่มเติมในเรื่องกฎเกณฑ์ถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อให้ความตกลงเปิดเสรีทางการค้ามีผลบังคับใช้ 
          นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ในการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปคครั้งที่ 14 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 15-19 พฤศจิกายน 2549 ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ไทยและเปรูจะร่วมลงนามในพิธีสารเพิ่มเติมในเรื่องกฎเกณฑ์ถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อให้ความตกลงเปิดเสรีทางการค้ามีผลบังคับใช้ จะทำให้เกิดผลต่อการบังคับใช้ของพิธีสารที่ได้มีการลงนามไปแล้วตั้งแต่พฤศจิกายน 2548 ซึ่งในพิธีสารดังกล่าวได้ตกลงให้มีการลดภาษีสินค้าร้อยละ 50 ของจำนวนรายการสินค้าทั้งหมดเป็นศูนย์ ณ วันที่พิธีสารมีผลบังคับใช้ และลดภาษีเป็นศูนย์อีกร้อยละ 20 ของจำนวนรายการทั้งหมดภายใน 5 ปี โดยสินค้าที่เปรูจะลดภาษีเป็นศูนย์คิดเป็นร้อยละ 78 ของมูลค่านำเข้าเฉลี่ยจากไทยระหว่างปี 2544-2548  ประมาณปีละ 38 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  ส่วนสินค้าที่ไทยจะลดภาษีเป็นศูนย์คิดเป็นร้อยละ 75 ของมูลค่านำเข้าเฉลี่ยจากเปรูระหว่างปี 2544-2548 หรือประมาณปีละ 35 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
          นางสาวชุติมา กล่าวต่อว่า หลังจากการลงนามและความตกลงมีผลบังคับใช้  จะทำให้การค้าระหว่างไทย-เปรู มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยมูลค่าการค้าไทย-เปรู ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2549 คือเดือนมกราคม-กันยายน 2549 มีมูลค่า 85.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.24 จากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปเปรูที่จะได้รับประโยชน์จากการลดเป็นศูนย์ทันที  ได้แก่ รถปิคอัพ printer หลอดไฟฟ้า พลาสติกและผลิตภัณฑ์ เลนส์แว่นตา งและผลิตภัณฑ์ โทรศัพท์ เครื่องขยายเสียง คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เครื่องโทรสาร เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า เส้นใยสั้นสังเคราะห์ โทรทัศน์ และโทรสาร  ขณะเดียวกันสินค้าวัตถุดิบสำคัญที่ไทยนำเข้าจากเปรูเช่น สินแร่สังกะสี สินแร่ดีบุก รัตนชาติ สารฆ่ารา ด้าย ผ้าทอขนสัตว์ และปลาหมึก ก็จะได้รับการลดภาษีเป็นศูนย์ทันทีเช่นเดียวกัน
          กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ อาคาร ค ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทรศัพท์ (66) 2282-6171-9 แฟกซ์ (66) 2280-0775
-พห-