นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบกและประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เสนอขยายวาระการดำรงตำแหน่งกำนันผู้ใหญ่บ้านจาก 5 ปี เป็น 10 ปี ว่าได้ปรับเปลี่ยนที่มาและวาระการดำรงตำแหน่งของกำนันผู้ใหญ่บ้าน จากการแต่งตั้งแล้วอยู่จนเกษียณอายุราชการมาเป็นลักษณะการเลือกตั้งและมีวาระที่แน่นอน ซึ่งเมื่อทิศทางเดินทางถึงตรงนี้แล้วน่าจะคงสิ่งนี้ไว้มากกว่าที่จะเปลี่ยนแปลงให้เกิดปัญหาความสับสนขึ้นมา แต่สิ่งที่ตนคิดว่า คมช.และรัฐบาลน่าจะทำคือทำให้บทบาทของกำนันผู้ใหญ่บ้านในเรื่องของการรักษาความปลอดภัยประชาชนและการรักษาความมั่นคงโดยรวมเข้มแข็งขึ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ บทบาทของกำนันผู้ใหญ่บ้านน่าจะได้รับการส่งเสริมในการดูแลแก้ปัญหานี้มากกว่าที่ผ่านมา ดังนั้น ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มในเรื่องของสิทธิประโยชน์หรือการอำนวยความสะดวกให้ปฏิบัติภารกิจเหล่านั้นได้ คิดว่ารัฐบาลและ คมช.น่าจะดำเนินการ แต่การไปเพิ่มวาระเฉย ๆ อาจจะเป็นเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้งมากกว่า
“ผมว่าที่มองเห็นความสำคัญของกำนันผู้ใหญ่บ้านก็ดีแล้ว แต่น่าจะเจาะจงลงไปเลยในเรื่องการสนับสนุนให้ปฏิบัติภารกิจเรื่องความปลอดภัยและความมั่นคง ส่วนเรื่องวาระนั้น ถ้าไม่ไปแตะต้องเสียจะง่ายเข้า ไม่เช่นนั้นจะเกิดความขัดแย้งและถูกตีความไปต่าง ๆ นานา จะขัดแย้งกับหลายส่วนคือ ท้องถิ่นอาจจะมีความรู้สึกและการแข่งขันจะยิ่งรุนแรง เพราะแข่งไปแล้วอยู่ในวาระถึง 10 ปี อย่าลืมว่าที่ผ่านมามีข้อเสนอด้วยซ้ำที่จะจำกัดวาระตั้งแต่ระดับนายกรัฐมนตรี แต่พอพูดว่าจะยืดวาระตรงนี้ก็ดูจะสวนทางกัน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
สำหรับกรณีที่มองกันว่าข้อเสนอนี้เพื่อต้องการสืบทอดอำนาจของ คมช.นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าความหมายของการสืบทอดอำนาจเรื่องนี้เป็นระดับไหน แต่มองว่าอาจจะเป็นการมองถึงบทบาทของกำนันผู้ใหญ่บ้านว่า ควรจะต้องมีความสำคัญในบางเรื่อง ซึ่งตนเห็นด้วยว่ากำนันผู้ใหญ่บ้านยังต้องทำหน้าที่ในการทำงานด้านมวลชนและเป็นเรื่องที่ยังจำเป็น เพราะความเข้าใจต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ยังเป็นปัญหาในหลายพื้นที่ แต่การไปยืดวาระไม่น่าจะเป็นคำตอบในเรื่องนี้
เมื่อถามว่าเมื่อประธาน คมช.พูดออกมาแล้วหากปรับเปลี่ยนจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นกระบวนการที่ต้องไปแก้ไขกฎหมายที่จะต้องผ่านทั้งรัฐบาลที่เป็นผู้เสนอและสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังนั้น คงมีเวลาที่จะได้พิจารณาเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วน ซึ่งอยากจะแนะว่าไปมุ่งเรื่องของการเสริมบทบาทหรือการอำนวยบทบาทที่เป็นของกำนันผู้ใหญ่บ้านแท้ ๆ จะดีกว่า อย่าไปทำเรื่องวาระให้เกิดความสับสนกับเรื่องสัญญาณเกี่ยวกับประชาธิปไตยและการกระจายอำนาจ
ส่วนกรณีที่กระทรวงมหาดไทยตอบรับแนวคิดเรื่องการขยายอายุกำนันผู้ใหญ่บ้านนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยน่าจะเอากรอบความคิดเรื่องการทำงานในพื้นที่โดยยึดเอาท้องถิ่นเป็นหลัก ในแง่ของการเดินหน้ากระจายอำนาจแล้วนำมาปรับจะดีกว่า เพราะแนวคิดนี้จะสวนทางกับแนวทางที่ได้ทำมา เพราะฉะนั้นจึงได้บอกว่าอย่าทำให้เกิดความสับสนในเรื่องทิศทาง แต่ไปเสริมในส่วนที่เป็นเรื่องของกำนันผู้ใหญ่บ้านตามเจตนารมณ์เดิมของกฎหมายการปกครองท้องที่จะดีกว่า
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25 ธ.ค. 2549--จบ--
“ผมว่าที่มองเห็นความสำคัญของกำนันผู้ใหญ่บ้านก็ดีแล้ว แต่น่าจะเจาะจงลงไปเลยในเรื่องการสนับสนุนให้ปฏิบัติภารกิจเรื่องความปลอดภัยและความมั่นคง ส่วนเรื่องวาระนั้น ถ้าไม่ไปแตะต้องเสียจะง่ายเข้า ไม่เช่นนั้นจะเกิดความขัดแย้งและถูกตีความไปต่าง ๆ นานา จะขัดแย้งกับหลายส่วนคือ ท้องถิ่นอาจจะมีความรู้สึกและการแข่งขันจะยิ่งรุนแรง เพราะแข่งไปแล้วอยู่ในวาระถึง 10 ปี อย่าลืมว่าที่ผ่านมามีข้อเสนอด้วยซ้ำที่จะจำกัดวาระตั้งแต่ระดับนายกรัฐมนตรี แต่พอพูดว่าจะยืดวาระตรงนี้ก็ดูจะสวนทางกัน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
สำหรับกรณีที่มองกันว่าข้อเสนอนี้เพื่อต้องการสืบทอดอำนาจของ คมช.นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าความหมายของการสืบทอดอำนาจเรื่องนี้เป็นระดับไหน แต่มองว่าอาจจะเป็นการมองถึงบทบาทของกำนันผู้ใหญ่บ้านว่า ควรจะต้องมีความสำคัญในบางเรื่อง ซึ่งตนเห็นด้วยว่ากำนันผู้ใหญ่บ้านยังต้องทำหน้าที่ในการทำงานด้านมวลชนและเป็นเรื่องที่ยังจำเป็น เพราะความเข้าใจต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ยังเป็นปัญหาในหลายพื้นที่ แต่การไปยืดวาระไม่น่าจะเป็นคำตอบในเรื่องนี้
เมื่อถามว่าเมื่อประธาน คมช.พูดออกมาแล้วหากปรับเปลี่ยนจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นกระบวนการที่ต้องไปแก้ไขกฎหมายที่จะต้องผ่านทั้งรัฐบาลที่เป็นผู้เสนอและสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังนั้น คงมีเวลาที่จะได้พิจารณาเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วน ซึ่งอยากจะแนะว่าไปมุ่งเรื่องของการเสริมบทบาทหรือการอำนวยบทบาทที่เป็นของกำนันผู้ใหญ่บ้านแท้ ๆ จะดีกว่า อย่าไปทำเรื่องวาระให้เกิดความสับสนกับเรื่องสัญญาณเกี่ยวกับประชาธิปไตยและการกระจายอำนาจ
ส่วนกรณีที่กระทรวงมหาดไทยตอบรับแนวคิดเรื่องการขยายอายุกำนันผู้ใหญ่บ้านนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยน่าจะเอากรอบความคิดเรื่องการทำงานในพื้นที่โดยยึดเอาท้องถิ่นเป็นหลัก ในแง่ของการเดินหน้ากระจายอำนาจแล้วนำมาปรับจะดีกว่า เพราะแนวคิดนี้จะสวนทางกับแนวทางที่ได้ทำมา เพราะฉะนั้นจึงได้บอกว่าอย่าทำให้เกิดความสับสนในเรื่องทิศทาง แต่ไปเสริมในส่วนที่เป็นเรื่องของกำนันผู้ใหญ่บ้านตามเจตนารมณ์เดิมของกฎหมายการปกครองท้องที่จะดีกว่า
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25 ธ.ค. 2549--จบ--