เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2549 นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะทำงานติดตามตรวจสอบโครงการจัดซื้อกล้ายาง และโครงการจัดซื้อเซ็นทรัลแล็ปของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบ 2 โครงการนี้ว่า ขอเสนอให้ คตส.เริ่มตรวจสอบความผิดปกติตั้งแต่
1.โครงการปลูกยาง 1 ล้านไร่ ที่ถือเป็นการผิดหลักการขยายพื้นที่ปลูกยางที่เพิ่มพรวดขึ้นมาทันที ตามหลักการต้องให้ตรงกับอุปสงค์และอุปทาน
2.เปิดให้บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเกษตรประมูลกล้ายาง 90 ล้านต้น เป็นการเสนอให้ผลประโยชน์อย่างชัดเจน ทั้งที่กล้ายางจำนวนมหาศาลขนาดนี้ไม่มีบริษัทที่มีประสบการณ์ทำได้แต่กลับให้บริษัทนี้ทำ ทั้งที่มีหน่วยงานในกระทรวงเกษตรฯทำได้อยู่แล้ว
3.การเพาะกล้ายางต้องมีแปลงผลิตตามมาตรฐานกรมวิชาการ กระทรวงเกษตรฯ แปลงผลิตต้องเตรียมเกือบ 10 ปี แม้ผลิตกล้ายางได้ แต่บริษัทนี้ไม่มีแปลงผลิต จึงไปกว้านซื้อกับเกษตรกรรายย่อยที่มีซื้อขึ้นทะเบียนไว้กับกรมวิชาการ
4.พวกใกล้ชิดนักการเมืองได้ไปตั้งสหกรณ์ผู้ผลิตพันธุ์ยางภาคใต้ และบริษัทนี้ไปจ้างสหกรณ์ฯ ผลิต จนเกิดกล้ายางตาสอยที่ไม่มีคุณภาพขึ้นไปขายให้เกษตรกร ขั้นตอนนี้มีการหักค่าหัวคิวสูงมากและยังมีการหักหลังกันด้วย คตส.อยากได้ข้อมูลขอให้เชิญสหกรณ์ฯนี้ไปชี้แจง จะทราบข้อเท็จจริง
5.ตรวจสอบการประมูลที่ราคาต่ำใกล้เคียงราคากลางแค่ 5 สตางค์ เงินส่วนต่างนี้ประมาณ 40 ล้านบาทไปตกอยู่ที่ใครคตส.มีอำนาจตรวจสอบได้ ส่วนโครงการเซ็นทรัลแล็บนั้นขอให้คตส.เปรียบเทียบกับโครงการกล้ายางที่มีการวางแผนเสนอนโยบายจากฝ่ายการเมือง เพื่อหาผลประโยชน์ เห็นได้จากเอาคนของตัวเองมาเป็นผู้จัดการบริษัทเซ็นทรัลแล็บ และรายละเอียดการใช้จ่ายงบประมาณมีความไม่ชอบ ถือเป็นความพยายามของนักทุจริตมืออาชีพ ดังนั้น คตส.ต้องเริ่มตรวจสอบทั้ง 2 โครงการ ตั้งแต่การเสนอโครงการเพื่อจะได้กำจัด “เหลือบปากห้อย” หากินกับเกษตรกรในกระทรวงเกษตรให้หมดไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 พ.ย. 2549--จบ--
1.โครงการปลูกยาง 1 ล้านไร่ ที่ถือเป็นการผิดหลักการขยายพื้นที่ปลูกยางที่เพิ่มพรวดขึ้นมาทันที ตามหลักการต้องให้ตรงกับอุปสงค์และอุปทาน
2.เปิดให้บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเกษตรประมูลกล้ายาง 90 ล้านต้น เป็นการเสนอให้ผลประโยชน์อย่างชัดเจน ทั้งที่กล้ายางจำนวนมหาศาลขนาดนี้ไม่มีบริษัทที่มีประสบการณ์ทำได้แต่กลับให้บริษัทนี้ทำ ทั้งที่มีหน่วยงานในกระทรวงเกษตรฯทำได้อยู่แล้ว
3.การเพาะกล้ายางต้องมีแปลงผลิตตามมาตรฐานกรมวิชาการ กระทรวงเกษตรฯ แปลงผลิตต้องเตรียมเกือบ 10 ปี แม้ผลิตกล้ายางได้ แต่บริษัทนี้ไม่มีแปลงผลิต จึงไปกว้านซื้อกับเกษตรกรรายย่อยที่มีซื้อขึ้นทะเบียนไว้กับกรมวิชาการ
4.พวกใกล้ชิดนักการเมืองได้ไปตั้งสหกรณ์ผู้ผลิตพันธุ์ยางภาคใต้ และบริษัทนี้ไปจ้างสหกรณ์ฯ ผลิต จนเกิดกล้ายางตาสอยที่ไม่มีคุณภาพขึ้นไปขายให้เกษตรกร ขั้นตอนนี้มีการหักค่าหัวคิวสูงมากและยังมีการหักหลังกันด้วย คตส.อยากได้ข้อมูลขอให้เชิญสหกรณ์ฯนี้ไปชี้แจง จะทราบข้อเท็จจริง
5.ตรวจสอบการประมูลที่ราคาต่ำใกล้เคียงราคากลางแค่ 5 สตางค์ เงินส่วนต่างนี้ประมาณ 40 ล้านบาทไปตกอยู่ที่ใครคตส.มีอำนาจตรวจสอบได้ ส่วนโครงการเซ็นทรัลแล็บนั้นขอให้คตส.เปรียบเทียบกับโครงการกล้ายางที่มีการวางแผนเสนอนโยบายจากฝ่ายการเมือง เพื่อหาผลประโยชน์ เห็นได้จากเอาคนของตัวเองมาเป็นผู้จัดการบริษัทเซ็นทรัลแล็บ และรายละเอียดการใช้จ่ายงบประมาณมีความไม่ชอบ ถือเป็นความพยายามของนักทุจริตมืออาชีพ ดังนั้น คตส.ต้องเริ่มตรวจสอบทั้ง 2 โครงการ ตั้งแต่การเสนอโครงการเพื่อจะได้กำจัด “เหลือบปากห้อย” หากินกับเกษตรกรในกระทรวงเกษตรให้หมดไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 พ.ย. 2549--จบ--