สรุปสถานการณ์:
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ประเมินแนวโน้มธุรกิจในปี 2549 โดยเลือกธุรกิจที่มีบทบาทต่อการส่งออกและสร้างรายได้ให้ประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตที่ต่อเนื่องในอนาคตและมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทยโดยรวมและเป็นที่สนใจของนักลงทุนและของประชาชน ประกอบด้วยตัวแปรหลัก 4 ด้าน ซึ่งครอบคลุมด้านการผลิต การตลาด การพัฒนาและปัญหาด้านต่างๆ ที่ธุรกิจนั้นเผชิญอยู่
สำหรับธุรกิจที่มีแนวโน้มรุงเรือง 10 อันดับแรกในปี 2549 ได้แก่ ยางพารา รถยนต์และชิ้นส่วน อาหารสัตว์เลี้ยงสำเร็จรูป เครื่องเทศและสมุนไพร สิ่งปรุงรสอาหาร นมและผลิตภัณฑ์ ปิโตรเคมี โรงพยาบาลเอกชน และธุรกิจก่อสร้าง (รายละเอียดตามตาราง)
ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตปี 2549
ประเภทธุรกิจ คะแนนที่ได้รับจากการประเมิน
ยางพารา 4.00
รถยนต์และชิ้นส่วน 3.85
อาหารสัตว์เลี้ยงสำเร็จรูป 3.80
เครื่องเทศและสมุนไพร 3.80
สิ่งปรุงรสอาหาร 3.80
นมและผลิตภัณฑ์ 3.80
ปิโตรเคมี 3.80
ปูนซีเมนต์ 3.75
โรงพยาบาลเอกชน 3.75
ธุรกิจก่อสร้าง 3.73
ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
สำหรับธุรกิจที่อยู่ในภาวะไม่เปลี่ยนแปลง 10 อันดับแรก ได้แก่ กุ้งและผลิตภัณฑ์ โรงภาพยนต์ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผลิตภัณฑ์ข้าว อัญมณีและเครื่องประดับ เยื่อกระดาษ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ธุรกิจเอาต์บาวน์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน ธุรกิจโรงแรมระดับ 4-5 ดาว สำหรับธุรกิจที่มีอัตราเสี่ยงและต้องระมัดระวังในการดำเนินธุรกิจคือ อ้อยและน้ำตาล ผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง ไก่แปรรูป และของเด็กเล่น
ประเด็นวิเคราะห์:
จากการประเมินแนวโน้มธุรกิจปี 2549 ของศูนย์วิจัยกสิกรไทยแสดงให้เห็นว่าสินค้ายางพาราและรถยนต์และชิ้นส่วนยังคงขยายตัวดีโดยสินค้ายางพาราคาดว่าจะเป็นสินค้าที่มีความโดดเด่นต่อไปอีกเนื่องจากปริมาณความต้องการยางในตลาดโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นประมาณร้อยละ 3.7 ต่อปี ในระยะ 5 ปีข้างหน้า ส่วนรถยนต์และชิ้นส่วนเป็นอุตสาหกรรมที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง
สินค้าที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงโดยเฉพาะอ้อยและน้ำตาลจะขึ้นอยู่กับภาวะการผลิตในตลาดโลก ส่วนสินค้าไก่แปรรูปมีภาวะเสี่ยงจากไข้หวัดนกระบาดหากไทยสามารถควบคุมไข้หวัดนกได้ก็จะส่งผลดีต่อประเทศไทยในการส่งออกไปตลาดโลก
ที่มา: http://www.depthai.go.th