นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2549 ยืนยันว่าไม่รู้สึกกังวลกับกระแสข่าวการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคเพราะเห็นว่าเป็นการวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองของสื่อบางแขนง โดยอาศัยคดียึดทรัพย์เท่านั้น อย่างไรก็ตามมองว่ากระแสข่าวที่เกิดขึ้นมาจากภายนอกมากกว่าภายในพรรค เพราะตอนนี้ขั้วต่างๆภายในพรรคประชาธิปัตย์ได้สลายไปหมดแล้ว และทุกคนทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี รวมถึงนายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคด้วย
ส่วนกรณีที่มีการนำความโดดเด่นของตนไปเปรียบเทียบกับ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคและอดีตหัวหน้าพรรคนั้นนายอภิสิทธิ์ยืนยันว่าไม่น้อยเนื้อต่ำใจแต่อย่างใด เพราะทุกคนล้วนมีจุดอ่อนที่แตกต่างกัน และเมื่อมีข้อบกพร่องก็ต้องแก้ไข
ด้าน นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองประธานคณะผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์วันเดียวกัน ยืนยันว่าไม่มีการแบ่งกลุ่มแบ่งพวกในพรรค ระหว่างกลุ่มผลัดใบ และกลุ่มทศวรรษใหม่ เพราะพรรคมีความเป็นเอกภาพตั้งแต่มีความเห็นพ้องต้องกันในการเลือกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 7 และยืนยันว่า นายอภิสิทธิ์ มีความโดดเด่นและมีความสามารถพอในการนำพาพรรค รวมถึงยังคงเป็นความหวังให้สมาชิกและสังคมได้ ส่วนความรับผิดชอบในคดีความยุบพรรคนั้นไม่ใช่ความรับผิดชอบของหัวหน้าพรรคเพียงคนเดียว
ส่วนความเป็นไปได้ ที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน และอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีตเลขาธิการพรรคจะกลับมาพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายชำนิ กล่าวว่าบุคคลทั้ง 2 ยังคงมีจิตวิญญาณในความเป็นพรรคประชาธิปัตย์อย่างเต็มเปี่ยมแต่ในขณะนี้ยังไม่มีเงื่อนไขใดๆในการเคลื่อนไหวดังกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 8 ธ.ค. 2549--จบ--
ส่วนกรณีที่มีการนำความโดดเด่นของตนไปเปรียบเทียบกับ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคและอดีตหัวหน้าพรรคนั้นนายอภิสิทธิ์ยืนยันว่าไม่น้อยเนื้อต่ำใจแต่อย่างใด เพราะทุกคนล้วนมีจุดอ่อนที่แตกต่างกัน และเมื่อมีข้อบกพร่องก็ต้องแก้ไข
ด้าน นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองประธานคณะผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์วันเดียวกัน ยืนยันว่าไม่มีการแบ่งกลุ่มแบ่งพวกในพรรค ระหว่างกลุ่มผลัดใบ และกลุ่มทศวรรษใหม่ เพราะพรรคมีความเป็นเอกภาพตั้งแต่มีความเห็นพ้องต้องกันในการเลือกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 7 และยืนยันว่า นายอภิสิทธิ์ มีความโดดเด่นและมีความสามารถพอในการนำพาพรรค รวมถึงยังคงเป็นความหวังให้สมาชิกและสังคมได้ ส่วนความรับผิดชอบในคดีความยุบพรรคนั้นไม่ใช่ความรับผิดชอบของหัวหน้าพรรคเพียงคนเดียว
ส่วนความเป็นไปได้ ที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน และอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีตเลขาธิการพรรคจะกลับมาพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายชำนิ กล่าวว่าบุคคลทั้ง 2 ยังคงมีจิตวิญญาณในความเป็นพรรคประชาธิปัตย์อย่างเต็มเปี่ยมแต่ในขณะนี้ยังไม่มีเงื่อนไขใดๆในการเคลื่อนไหวดังกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 8 ธ.ค. 2549--จบ--