เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมนี้ นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า รู้สึกเป็นห่วงจากการที่นายสมัคร สุนทรเวช และนายดุสิต ศิริวรรณ อดีต 2 พิธีกรคู่หู คืนจอกลับมาจัดรายการสนทนาวิพากษ์วิจารณ์การเมือง ทางยูบีซี ช่อง ทีเอทีวี โดยมีเนื้อหาโจมตีฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลอย่างรุนแรง ถือเป็นการฉวยโอกาสในห้วงที่รัฐบาลของนายกฯทักษิณ ชินวัตร ยังรักษาการอยู่ เบียดตัวเองเข้ามาใช้สื่อทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงของผู้มีอำนาจ ทำลายคู่แข่งทางการเมืองอย่างไม่เป็นธรรม และไม่สร้างสรรค์
นายอภิชาต กล่าวว่า การจัดรายการโทรทัศน์ของนายสมัครและนายดุสิต ได้เคยสร้างความแตกแยกในสังคมมาอย่างรุนแรงมาแล้ว ขณะที่สังคมเรียกหาความสมานฉันท์ ในปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือในการคลี่คลายวิกฤตทางการเมือง ทั้งคู่กลับทำตัวทวนกระแส ทุ่มตัวปกป้อง อุ้มชูผู้มีอำนาจอย่างไม่ลืมหูลืมตา โดยเฉพาะกรณีวิพากษ์วิจารณ์พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ จนถูกกองทัพแสดงความไม่พอใจ กระทั่งต้องยอมยุติการจัดรายการไปพักใหญ่ แต่วันนี้ทั้งคู่กลับมาอีกแล้ว ในท่ามกลางสถานการณ์ที่ผู้มีอำนาจทำตัวเหิมเกริม กล้าวิพากษ์วิจารณ์ผู้มีบารมีในบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง ตรงนี้เลยอาจจะทำให้นายสมัครและนายดุสิต ได้ใจกลับมามีบทบาทอีกครั้งหนึ่ง
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนายสมัครและนายดุสิตจะออกรายการทางยูบีซีแล้ว รัฐบาลยังเปิดให้นายสมัครและนายดุสิตกลับมายึดคลื่นวิทยุทำรายการวิจารณ์การเมืองควบคู่กันไปอีกด้วย คือ ทางคลื่น 100.5 เมกกะเฮิร์ทซ์ และ 96.5 เมกกะเฮิร์ทซ์ ของ อสมท. โดยได้เวลาช่วง เย็นและช่วงค่ำ ซึ่งถือเป็นเวลาทองของกลุ่มผู้ฟังที่เปิดเปิดรับฟังข่าวสารการเมืองทุกวัน ปรากฎการณ์เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความบังเอิญแต่น่าจะเป็นความจงใจปล่อย พิธีกรคู่หูคู่นี้ออกมาทำงานชนกับฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลโดยเฉพาะ หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศว่าจะจัดรายการนายกฯทักษิณพบประชาชนในวันเสาร์ที่ 19 สิงหาคมนี้เป็นครั้งสุดท้าย ก็เท่ากับว่าเมื่อนายกฯเลิกจัดรายการเองต่อไปก็มีนายสมัคร นายดุสิต มาทำงานต่อ ซึ่งเป็นเรื่องน่าห่วงมาก หากรัฐบาลรู้เห็นเป็นใจกับเรื่องนี้อยากให้กลับไปคิดทบทวนใหม่ เลิกได้แล้วกับการใช้สื่อของรัฐข้างเดียวไปกระทำย่ำยีกับฝ่ายตรงกันข้ามแบบนี้
‘หากจะให้เป็นธรรม ต้องเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้มีโอกาสใช้สื่อมวลชนของรัฐอย่างเท่าเทียมกัน เมื่อรัฐมนตรีที่ควบคุมสื่อของรัฐให้นายสมัครและนายดุสิตจัดรายการแสดงความเห็นของตัวเองได้ ก็ต้องเปิดโอกาสให้ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับนายสมัครและนายดุสิตทำรายการในสถานีเดียวกันและเวลาใกล้เคียงกันได้ด้วย’ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายอภิชาต กล่าวว่า วันนี้คลื่นวิทยุจำนวนมากถูกใช้เป็นเครื่องมือทำงานเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาล โดยให้นักจัดรายการประเภทหัวสี่เหลี่ยมออกมาด่าฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่รับผิดชอบ เช่น วิทยุคลื่น 105.0 ของกรมประชาสัมพันธ์ สถานีวิทยุชุมชน 84.25 คลื่น 92.75 โดยเฉพาะล่าสุดคลื่น 89.75 เมกกะเฮิร์ทซ์ ได้รับการสนับสนุนจากกรมประชาสัมพันธ์เปิดคลื่นให้ใช้ มีกำลังส่งสูง เสียงดังฟังชัด ออกอากาศในกรุบเทพฯแต่รับฟังได้ไกลร่วม 100 กิโลเมตร มีหน้าที่หลักคือออกอากาศโจมตีพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สงสัยว่ากรมประชาสัมพันธ์ที่เคยรับบัญชาจากนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ไปตรวจเฝ้ารับฟัง ได้ทำหน้าที่หรือไม่ อย่างไร
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 ส.ค. 2549--จบ--
นายอภิชาต กล่าวว่า การจัดรายการโทรทัศน์ของนายสมัครและนายดุสิต ได้เคยสร้างความแตกแยกในสังคมมาอย่างรุนแรงมาแล้ว ขณะที่สังคมเรียกหาความสมานฉันท์ ในปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือในการคลี่คลายวิกฤตทางการเมือง ทั้งคู่กลับทำตัวทวนกระแส ทุ่มตัวปกป้อง อุ้มชูผู้มีอำนาจอย่างไม่ลืมหูลืมตา โดยเฉพาะกรณีวิพากษ์วิจารณ์พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ จนถูกกองทัพแสดงความไม่พอใจ กระทั่งต้องยอมยุติการจัดรายการไปพักใหญ่ แต่วันนี้ทั้งคู่กลับมาอีกแล้ว ในท่ามกลางสถานการณ์ที่ผู้มีอำนาจทำตัวเหิมเกริม กล้าวิพากษ์วิจารณ์ผู้มีบารมีในบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง ตรงนี้เลยอาจจะทำให้นายสมัครและนายดุสิต ได้ใจกลับมามีบทบาทอีกครั้งหนึ่ง
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนายสมัครและนายดุสิตจะออกรายการทางยูบีซีแล้ว รัฐบาลยังเปิดให้นายสมัครและนายดุสิตกลับมายึดคลื่นวิทยุทำรายการวิจารณ์การเมืองควบคู่กันไปอีกด้วย คือ ทางคลื่น 100.5 เมกกะเฮิร์ทซ์ และ 96.5 เมกกะเฮิร์ทซ์ ของ อสมท. โดยได้เวลาช่วง เย็นและช่วงค่ำ ซึ่งถือเป็นเวลาทองของกลุ่มผู้ฟังที่เปิดเปิดรับฟังข่าวสารการเมืองทุกวัน ปรากฎการณ์เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความบังเอิญแต่น่าจะเป็นความจงใจปล่อย พิธีกรคู่หูคู่นี้ออกมาทำงานชนกับฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลโดยเฉพาะ หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศว่าจะจัดรายการนายกฯทักษิณพบประชาชนในวันเสาร์ที่ 19 สิงหาคมนี้เป็นครั้งสุดท้าย ก็เท่ากับว่าเมื่อนายกฯเลิกจัดรายการเองต่อไปก็มีนายสมัคร นายดุสิต มาทำงานต่อ ซึ่งเป็นเรื่องน่าห่วงมาก หากรัฐบาลรู้เห็นเป็นใจกับเรื่องนี้อยากให้กลับไปคิดทบทวนใหม่ เลิกได้แล้วกับการใช้สื่อของรัฐข้างเดียวไปกระทำย่ำยีกับฝ่ายตรงกันข้ามแบบนี้
‘หากจะให้เป็นธรรม ต้องเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้มีโอกาสใช้สื่อมวลชนของรัฐอย่างเท่าเทียมกัน เมื่อรัฐมนตรีที่ควบคุมสื่อของรัฐให้นายสมัครและนายดุสิตจัดรายการแสดงความเห็นของตัวเองได้ ก็ต้องเปิดโอกาสให้ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับนายสมัครและนายดุสิตทำรายการในสถานีเดียวกันและเวลาใกล้เคียงกันได้ด้วย’ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายอภิชาต กล่าวว่า วันนี้คลื่นวิทยุจำนวนมากถูกใช้เป็นเครื่องมือทำงานเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาล โดยให้นักจัดรายการประเภทหัวสี่เหลี่ยมออกมาด่าฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่รับผิดชอบ เช่น วิทยุคลื่น 105.0 ของกรมประชาสัมพันธ์ สถานีวิทยุชุมชน 84.25 คลื่น 92.75 โดยเฉพาะล่าสุดคลื่น 89.75 เมกกะเฮิร์ทซ์ ได้รับการสนับสนุนจากกรมประชาสัมพันธ์เปิดคลื่นให้ใช้ มีกำลังส่งสูง เสียงดังฟังชัด ออกอากาศในกรุบเทพฯแต่รับฟังได้ไกลร่วม 100 กิโลเมตร มีหน้าที่หลักคือออกอากาศโจมตีพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สงสัยว่ากรมประชาสัมพันธ์ที่เคยรับบัญชาจากนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ไปตรวจเฝ้ารับฟัง ได้ทำหน้าที่หรือไม่ อย่างไร
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 ส.ค. 2549--จบ--