ญี่ปุ่นเริ่มใช้ ISPM No.15 กับวัสดุบรรจุภัณฑ์ไม้ ตั้งแต่ 1 เมษายน 2550 นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยว่า ญี่ปุ่นประกาศ Import Plant Quarantine Regulation ฉบับใหม่ (MAF Notification No. 206, 1950) ปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับวัสดุบรรจุภัณฑ์ไม้ (Wood Packaging Materials: WPM) ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามข้อกำหนด ISPM No.15 ซึ่งกำหนดขึ้นจากการประชุมของประเทศสมาชิกอนุสัญญาป้องกันโรคพืชระหว่างประเทศ (The International Plant Protection Convention : IPPC) และจะเริ่มมีผลบังคับใช้กับสินค้านำเข้าตั้งแต่ 1 เมษายน 2550 เป็นต้นไป
ข้อกำหนดเกี่ยวกับวัสดุบรรจุภัณฑ์ไม้ที่ปรับปรุงใหม่ดังกล่าว กำหนดให้ผู้ส่งออกสินค้าที่ใช้บรรจุภัณฑ์ทำด้วยไม้ดังต่อไปนี้ pallets, dannage, crating, packing blocks, drums, cases, load boards, pallet collars, bark, row wood และ round wood ต้องแสดงเครื่องหมายที่มีการรับรองการจัดการไม้ ซึ่งประกอบด้วย เครื่องหมาย IPPC รหัสประเทศ (Country Code) เลขทะเบียนของผู้ผลิตที่ตรวจสอบ/รับรองโดยกรมวิชาการเกษตร และวิธีการจัดการวัสดุบรรจุภัณฑ์ไม้ เช่น การอบความร้อน (Heat Treatment: HT) หรือการรมควันด้วยเมทิล โบรมายด์ (Methyl Bromine: MB) และนอกจากเครื่องหมายรับรองการจัดการไม้ ดังกล่าวแล้ว ผู้ส่งออกยังต้องแสดงใบรับรองสุขอนามัย (phytosanitary certificate) ที่ออกโดยกรมวิชาการเกษตรต่อเจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่น ณ ด่านตรวจกักกันโรคพืชในประเทศญี่ปุ่นด้วย
ปัจจุบัน ประเทศที่ประกาศใช้ข้อกำหนดเกี่ยวกับวัสดุบรรจุภัณฑ์ไม้ตาม ISPM No.15 แล้ว ได้แก่ สหภาพยุโรป สวิสเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก อาร์เจนตินา บราซิล ไนจีเรีย ปานามา ชิลี เปรู โบลิเวีย กัวเตมาลา โคลัมเบีย คอสตาริกา เอกวาดอร์ อียิปต์ อัฟริกาใต้ ตรินิแดดและโตแบคโก ตุรกี เวเนซุเอลา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน อินเดีย เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์
ในปี 2549 (ม.ค.-ก.ย.) ไทยส่งสินค้าออกไปยังญี่ปุ่นเป็นมูลค่า 4.66 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีมูลค่าส่งออก 4.49 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเท่ากับร้อยละ 3.8 โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า ยางพารา เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ฯลฯ ซึ่งสินค้าเหล่านี้หลายรายการเป็นสินค้าที่ต้องใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์ไม้ในการบรรจุสินค้าส่งออก ดังนั้น ผู้ส่งออกไทยจึงควรที่จะติดตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องต่างๆ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้องและไม่เกิดปัญหาสินค้าต้องถูกกีดกันการนำเข้าหากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดหรือระเบียบ
--กรมการค้าต่างประเทศ--
-สส-
ข้อกำหนดเกี่ยวกับวัสดุบรรจุภัณฑ์ไม้ที่ปรับปรุงใหม่ดังกล่าว กำหนดให้ผู้ส่งออกสินค้าที่ใช้บรรจุภัณฑ์ทำด้วยไม้ดังต่อไปนี้ pallets, dannage, crating, packing blocks, drums, cases, load boards, pallet collars, bark, row wood และ round wood ต้องแสดงเครื่องหมายที่มีการรับรองการจัดการไม้ ซึ่งประกอบด้วย เครื่องหมาย IPPC รหัสประเทศ (Country Code) เลขทะเบียนของผู้ผลิตที่ตรวจสอบ/รับรองโดยกรมวิชาการเกษตร และวิธีการจัดการวัสดุบรรจุภัณฑ์ไม้ เช่น การอบความร้อน (Heat Treatment: HT) หรือการรมควันด้วยเมทิล โบรมายด์ (Methyl Bromine: MB) และนอกจากเครื่องหมายรับรองการจัดการไม้ ดังกล่าวแล้ว ผู้ส่งออกยังต้องแสดงใบรับรองสุขอนามัย (phytosanitary certificate) ที่ออกโดยกรมวิชาการเกษตรต่อเจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่น ณ ด่านตรวจกักกันโรคพืชในประเทศญี่ปุ่นด้วย
ปัจจุบัน ประเทศที่ประกาศใช้ข้อกำหนดเกี่ยวกับวัสดุบรรจุภัณฑ์ไม้ตาม ISPM No.15 แล้ว ได้แก่ สหภาพยุโรป สวิสเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก อาร์เจนตินา บราซิล ไนจีเรีย ปานามา ชิลี เปรู โบลิเวีย กัวเตมาลา โคลัมเบีย คอสตาริกา เอกวาดอร์ อียิปต์ อัฟริกาใต้ ตรินิแดดและโตแบคโก ตุรกี เวเนซุเอลา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน อินเดีย เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์
ในปี 2549 (ม.ค.-ก.ย.) ไทยส่งสินค้าออกไปยังญี่ปุ่นเป็นมูลค่า 4.66 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีมูลค่าส่งออก 4.49 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเท่ากับร้อยละ 3.8 โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า ยางพารา เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ฯลฯ ซึ่งสินค้าเหล่านี้หลายรายการเป็นสินค้าที่ต้องใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์ไม้ในการบรรจุสินค้าส่งออก ดังนั้น ผู้ส่งออกไทยจึงควรที่จะติดตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องต่างๆ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้องและไม่เกิดปัญหาสินค้าต้องถูกกีดกันการนำเข้าหากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดหรือระเบียบ
--กรมการค้าต่างประเทศ--
-สส-