วันนี้ (21 ส.ค.49) เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตของพรรคประชาธิปัตย์พร้อมคณะเดินทางไปยื่นหนังสือโครงการจ้างบริการรถเข็นกระเป๋ารถเข็นในสนามบินสุวรรณภูมิต่อคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน โดยการยื่นหนังสือครั้งนี้ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ติดราชการ จึงมอบหมายให้นางสาวอมรจิตต์ เอี่ยววิบูลย์วิทย์ รองผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และนายชูวิทย์ นุชถาวร ผู้อำนวยการสำนักงานสำนักงานกฎหมายรับเรื่องแทน
ทั้งนี้ รองหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวภายหลังยื่นหนังสือผ่านตัวแทนคุณหญิงจารุวรรณว่า โครงการจ้างบริการรถเข็นสัมภาระในสนามบินสุวรรณภูมิเป็นโครงการประมูลด้วยวิธีพิเศษงบประมาณ 534 ล้านบาท ซึ่งได้ตรวจสอบเบื้องต้นผ่านตู้ ปณ.222 ของพรรคประชาธิปัตย์พบว่ามีมูลและมีเหตุเชื่อได้ว่ามีการกทุจริตผิดกฎหมายในการประมูลดังกล่าว โครงการดังกล่าวทำให้รัฐเสียหายไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาทซึ่งก็ได้มองเอกสาร 16 รายการให้กับทาง สตง.และเข้าข่ายมีการกระทำผิดกฎหมาย 3 ฉบับ คือ พ.ร.บ.ความผิดว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และประมวลกฎหมายอาญา
“การประมูลดังกล่าวนั้นมีการแก้สเปคและมีการล็อคสเปคเพี่อเอื้อประโยชน์เพื่อให้บางราย บางบริษัท นอกจากนั้นแล้วงบประมาณที่ตั้งไว้ก็สูงเกินจริง 200 ล้านบาท โดยที่เราเสนอเอกสารลับฉบับหนึ่ง ผมเชื่อว่านี่เป็นใบเสร็จที่สำคัญคือเป็นบันทึกข้อตกลงระหว่างบริษัท Tags กับ บริษัท ก. บริษัท ข. ในการเรียกเข้าประมูลงานครั้งนี้ปรากฎว่ามีราคารวมในการเสนอทั้งสิ้น 337 ล้านบาทเท่านั้น สำหรับงานบริการ 7 ปี สนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งการซื้อรถ 9,034 คัน กับการจ้างบุคลากร 244 คนในระยะเวลา 7 ปี ปรากฎว่ายอดรวมจะอยู่ที่ 337 ล้านบาท แต่ว่าต่อมาภายหลังมีไอ้โม่งสั่งให้บริษัท Tags เข้าประมูลรายเดียวและ Tags ก็ชนะโดยไม่มีการแข่งขันราคา” รองหัวหน้าพรรค ปชป.กล่าว
รองหัวหน้าพรรค ปชป. เปิดเผยต่อไปว่า บริษัทอื่นตกหมดเหลือบริษัท Tags ก็ชนะไป 534 ล้านบาทมีส่วนต่างอยู่ 200 ล้านบาทตรงนี้ทำให้รัฐเสียหายชัดเจน ตนถึงยื่นเรื่องให้คุณหญิงจารุวรรณผ่านทางรองผู้ว่าการ สตง. จะได้เร่งรัดดำเนินการในเรื่องนี้ และจะเป็นคดีแรกที่จะหาคนเข้าคุกให้ได้ เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่ารัฐได้เสียหายอย่างน้อย 200 ล้านบาท และจะพิจารณาบุคคลที่เข้าข่ายกระทำผิดเพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อไป
“ภายในสัปดาห์นี้จะมีการยื่นต่อ สตง.ในโครงการการประมูลสัมปทานการบริการไฟและแอร์ให้กับเครื่องบินที่จอด ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นสัมปทาน 10 ปี มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ผมได้ตรวจพบว่า บริษัทที่ชนะการประมูลนั้นไม่มีประสบการณ์และมีประสบการณ์เพียงทำโรงน้ำแข็ง และทำโรงนวด แต่มาชนะงานประมูล 4,000 ล้านบาท ผมได้ยื่นต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษไปแล้วในการหาผู้กระทำผิด และจะมายื่นต่อ สตง.ภายในสัปดาห์นี้เพื่อให้ตรวจสอบว่ารัฐเสียหายมากน้อยแค่ไหน และมีความไม่โปร่งใสการประมูลอย่างไร” รองหัวหน้าพรรค ปชป.กล่าว
รองหัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวต่อไปว่า บริษัทนี้ตั้งบริษัทด้วยทุน 1 ล้านบาทอยู่ที่บางบอน เบอร์โทรศัพท์อยู่ที่โรงนวดในดอนเมืองขาออก กรรมการผู้จัดการเป็นเจ้าของโรงงานโรงน้ำแข็ง ผู้อำนวยการบริษัทเป็นเจ้าของโรงนวด แต่ว่าชนะบริษัทการบินไทย ขณะที่ยื่นประมูลมีพนักงานที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคมเพียง 4 คน แต่มาชนะบริษัทที่มีพนักงานหลายหมื่นคนและให้บริการระบบแอร์ของเครื่องบินที่ดอนเมืองอยู่แล้ว สุวรรณภูมิมี 51 ท่าเทียบ วันหนึ่งมี 250 เที่ยวบิน มี 250 ลำทุกวัน แต่ว่ารัฐบาลกลับเลือกคนที่ทำโรงน้ำแข็งทำโรงนวดมาให้บริการ 10 ปี
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 21 ส.ค. 2549--จบ--
ทั้งนี้ รองหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวภายหลังยื่นหนังสือผ่านตัวแทนคุณหญิงจารุวรรณว่า โครงการจ้างบริการรถเข็นสัมภาระในสนามบินสุวรรณภูมิเป็นโครงการประมูลด้วยวิธีพิเศษงบประมาณ 534 ล้านบาท ซึ่งได้ตรวจสอบเบื้องต้นผ่านตู้ ปณ.222 ของพรรคประชาธิปัตย์พบว่ามีมูลและมีเหตุเชื่อได้ว่ามีการกทุจริตผิดกฎหมายในการประมูลดังกล่าว โครงการดังกล่าวทำให้รัฐเสียหายไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาทซึ่งก็ได้มองเอกสาร 16 รายการให้กับทาง สตง.และเข้าข่ายมีการกระทำผิดกฎหมาย 3 ฉบับ คือ พ.ร.บ.ความผิดว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และประมวลกฎหมายอาญา
“การประมูลดังกล่าวนั้นมีการแก้สเปคและมีการล็อคสเปคเพี่อเอื้อประโยชน์เพื่อให้บางราย บางบริษัท นอกจากนั้นแล้วงบประมาณที่ตั้งไว้ก็สูงเกินจริง 200 ล้านบาท โดยที่เราเสนอเอกสารลับฉบับหนึ่ง ผมเชื่อว่านี่เป็นใบเสร็จที่สำคัญคือเป็นบันทึกข้อตกลงระหว่างบริษัท Tags กับ บริษัท ก. บริษัท ข. ในการเรียกเข้าประมูลงานครั้งนี้ปรากฎว่ามีราคารวมในการเสนอทั้งสิ้น 337 ล้านบาทเท่านั้น สำหรับงานบริการ 7 ปี สนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งการซื้อรถ 9,034 คัน กับการจ้างบุคลากร 244 คนในระยะเวลา 7 ปี ปรากฎว่ายอดรวมจะอยู่ที่ 337 ล้านบาท แต่ว่าต่อมาภายหลังมีไอ้โม่งสั่งให้บริษัท Tags เข้าประมูลรายเดียวและ Tags ก็ชนะโดยไม่มีการแข่งขันราคา” รองหัวหน้าพรรค ปชป.กล่าว
รองหัวหน้าพรรค ปชป. เปิดเผยต่อไปว่า บริษัทอื่นตกหมดเหลือบริษัท Tags ก็ชนะไป 534 ล้านบาทมีส่วนต่างอยู่ 200 ล้านบาทตรงนี้ทำให้รัฐเสียหายชัดเจน ตนถึงยื่นเรื่องให้คุณหญิงจารุวรรณผ่านทางรองผู้ว่าการ สตง. จะได้เร่งรัดดำเนินการในเรื่องนี้ และจะเป็นคดีแรกที่จะหาคนเข้าคุกให้ได้ เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่ารัฐได้เสียหายอย่างน้อย 200 ล้านบาท และจะพิจารณาบุคคลที่เข้าข่ายกระทำผิดเพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อไป
“ภายในสัปดาห์นี้จะมีการยื่นต่อ สตง.ในโครงการการประมูลสัมปทานการบริการไฟและแอร์ให้กับเครื่องบินที่จอด ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นสัมปทาน 10 ปี มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ผมได้ตรวจพบว่า บริษัทที่ชนะการประมูลนั้นไม่มีประสบการณ์และมีประสบการณ์เพียงทำโรงน้ำแข็ง และทำโรงนวด แต่มาชนะงานประมูล 4,000 ล้านบาท ผมได้ยื่นต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษไปแล้วในการหาผู้กระทำผิด และจะมายื่นต่อ สตง.ภายในสัปดาห์นี้เพื่อให้ตรวจสอบว่ารัฐเสียหายมากน้อยแค่ไหน และมีความไม่โปร่งใสการประมูลอย่างไร” รองหัวหน้าพรรค ปชป.กล่าว
รองหัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวต่อไปว่า บริษัทนี้ตั้งบริษัทด้วยทุน 1 ล้านบาทอยู่ที่บางบอน เบอร์โทรศัพท์อยู่ที่โรงนวดในดอนเมืองขาออก กรรมการผู้จัดการเป็นเจ้าของโรงงานโรงน้ำแข็ง ผู้อำนวยการบริษัทเป็นเจ้าของโรงนวด แต่ว่าชนะบริษัทการบินไทย ขณะที่ยื่นประมูลมีพนักงานที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคมเพียง 4 คน แต่มาชนะบริษัทที่มีพนักงานหลายหมื่นคนและให้บริการระบบแอร์ของเครื่องบินที่ดอนเมืองอยู่แล้ว สุวรรณภูมิมี 51 ท่าเทียบ วันหนึ่งมี 250 เที่ยวบิน มี 250 ลำทุกวัน แต่ว่ารัฐบาลกลับเลือกคนที่ทำโรงน้ำแข็งทำโรงนวดมาให้บริการ 10 ปี
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 21 ส.ค. 2549--จบ--