ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ยืนยันเงินบาทในระดับปัจจุบันถือว่าเหมาะสม ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยว่า การที่เงินบาทอ่อนค่าลงมาแตะที่ระดับ 40 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. เป็นผลจากการที่เงิน
ดอลลาร์ สรอ.แข็งค่าขึ้น ทำให้เงินบาทของไทยอ่อนค่าลงตามเงินยูโรและเงินเยน ส่วนการดูแลค่าเงินบาท ธปท.
จะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดโลก ซึ่ง ธปท.จะไม่เข้าแทรกแซง โดยจะปล่อยให้สอดคล้องกับคู่แข่งขันทางการ
ค้าและดูแลให้ผู้ส่งออกและนำเข้าสามารถแข่งขันและค้าขายได้สะดวก สำหรับค่าเงินบาทในขณะนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่
เหมาะสม ทั้งนี้ เชื่อว่าความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนโลกจะเบาบางลง หลังจากที่ผู้ว่าการ ธ.กลาง สรอ.
(นายอลัน กรีนสแปน) ออกมายอมรับว่าการกดดันจีนให้เพิ่มค่าเงินหยวนไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาการขาดดุลการค้าของ
สรอ. (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ก.คลังอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดมาตรการควบคุมสินเชื่อส่วนบุคคล รมว.คลัง เปิดเผย
ว่า การพิจารณาเรื่องการควบคุมดูแลสินเชื่อส่วนบุคคลของสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์(นอนแบงก์) ที่
ธปท.เสนอให้ ก.คลังพิจารณานั้นไม่ถือว่าล่าช้า เนื่องจากสินเชื่อส่วนบุคคลมีหลายประเภท จึงจำเป็นที่ ก.คลังจะ
ต้องพิจารณาวิธีการเข้าไปควบคุมให้รอบคอบครบถ้วนในทุกมิติ ทั้งนี้ ปลัด ก.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ ได้มอบให้
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กลับไปดูนิยามของผู้ประกอบการสินเชื่อส่วนบุคคล เนื่องจากเห็นว่านิยาม
ตามที่ ธปท.เสนอมานั้นกว้างเกินไป นอกจากนี้ ได้ให้มีการพิจารณาการกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยในระดับที่
เหมาะสม โดยคาดว่า สศค.จะสามารถเสนอรายละเอียดได้ภายในสัปดาห์นี้ (ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
3. ดัชนีราคาส่งออกเดือน เม.ย.48 เพิ่มขึ้น 0.2 % เทียบต่อเดือนและเพิ่มขึ้น 7.3% เทียบต่อ
ปี โฆษก ก.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาส่งออกของประเทศในเดือน เม.ย.48 มีค่าเท่ากับ 112 สูงขึ้น
0.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และสูงขึ้น 7.3% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้ดัชนีราคาส่งออก
เฉลี่ย 4 เดือนแรกปี 48 (ม.ค.-เม.ย.) สูงขึ้น 7.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุที่ทำให้
ดัชนีราคาส่งออกเดือน เม.ย.สูงขึ้น เป็นผลจากดัชนีหมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรสูงขึ้น 1.7% และดัชนีหมวด
สินค้าแร่และเชื้อเพลิงสูงขึ้น 2.1% ในขณะที่ดัชนีหมวดสินค้าเกษตรกรรมลดลง 0.2% เนื่องจากราคาสินค้า
เกษตรกรรมลดลง (โพสต์ทูเดย์)
4. ธอส.ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลแคนาดาในการศึกษาการให้บริการประกันเงินกู้เพื่อที่อยู่
อาศัย กรรมการผู้จัดการ ธ.อาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
ประเทศแคนาดา ให้ศึกษาการให้บริการประกันเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย (Mortgage Insurance) ในประเทศไทย
โดยได้ร่วมลงนามในสัญญาความร่วมมือดังกล่าวกับ Canada Mortgage and Housing Corporation
(CMHC) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เชี่ยวชาญในธุรกรรมการประกันเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยจากประเทศแคนาดา โดยในระยะ
แรกของโครงการ ธอส.และ CMHC จะเป็นผู้ดำเนินการรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นเพื่อใช้ในการศึกษา โดยมีสำนักงาน
เศรษฐกิจการคลังเป็นผู้ช่วยประสานงานในการเข้าพบหารือกับผู้บริหารของหน่วยงานหลักทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้ง
นี้ การให้ประกันเงินกู้ที่อยู่อาศัย เป็นบริการใหม่ที่มีประโยชน์ต่อการฟื้นฟูภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเป็นการประกัน
ความเสี่ยงทางการเงินให้กับสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งหากผู้กู้ค้างชำระหนี้หรือธนาคารไม่สามารถ
เรียกเก็บเงินงวดจากผู้กู้ได้ ธนาคารจะสามารถเรียกร้องให้บริษัทประกันสินเชื่อรับผิดชอบในการจ่ายหนี้ค้าง
เต็มจำนวนหรือบางส่วนได้ และทำให้ความเสี่ยงของระบบสินเชื่อรวมลดลง ส่งผลให้ปริมาณสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่
เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยพัฒนาตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย เนื่องจากเงินกู้ที่มีการประกันจะมี
เครดิตมากขึ้นในการขายต่อตลาดรอง (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดขายบ้านมือสองของสรอ.ในเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุด รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวัน
ที่ 24 พ.ค. 48 สมาคมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติสรอ. เปิดเผยว่า ในเดือนเม.ย.ยอดขายบ้านมือ
สองซึ่งรวมทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม เพิ่มขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายถึง 7.18 ล้านหลังจากเดือนมี.ค.
หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 ทำสถิติสูงสุดจากสถิติเดิมที่เคยทำไว้ที่ระดับ 7.02 ล้านหลังเมื่อเดือนมิ.ย. ปี 47 เช่น
เดียวกับราคากลางบ้านเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 206,000 ดอลลาร์ สรอ. หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ
15.1 เพิ่มมากที่สุดในรอบเกือบ 25 ปีนับตั้งแต่เดือนพ.ย. ปี 23 ที่ราคาบ้านเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 15.6 ขณะที่เกิด
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในตลาดบ้านเนื่องจากมีการซื้อเพื่อการเก็งกำไรมากขึ้น แต่นาย อลันกรีนสแป
นประธาน ธ.กลางสรอ.กล่าวว่า อาจจะมีภาวะฟองสบู่ในตลาดบ้านบ้าง ยังไม่เป็นที่น่าวิตก ส่วนตลาดหุ้นปิดตลาด
ลดลงเล็กน้อยเนื่องจากข่าวการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของสรอ. จากการประชุมนโยบายการเงินในเดือน
พ.ค. มีการพิจารณาปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเนื่องจากมีสัญญานภาวะเงินเฟ้อ (รอยเตอร์)
2. เขตเศรษฐกิจยุโรปเกินดุลการค้าในเดือน มี.ค.48 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบต่อเดือน แต่เกินดุลลดลง
เมื่อเทียบต่อปี รายงานจากบรัสเซลล์ เมื่อ 24 พ.ค.48 สำนักงานสถิติสหภาพยุโรป เปิดเผยว่า ในเดือน มี.
ค.48 เขตเศรษฐกิจยุโรปเกินดุลการค้าจำนวน 4.2 พัน ล.ยูโร (ตัวเลขก่อนปรับปัจจัยทางฤดูกาล) เพิ่มขึ้นจาก
เดือน ก.พ.48 ที่เกินดุลจำนวน 3.6 พัน ล.ยูโร เนื่องจากภาวะการส่งออกของเยอรมนีมีความแข็งแกร่ง ขณะที่
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (มี.ค.47) กลับเกินดุลการค้าลดลงจากจำนวน 10.4 พัน ล.ยูโร เนื่องจาก
คำสั่งซื้อใหม่ของภาคอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจยุโรปในเดือน มี.ค.ลดลงร้อยละ 0.5 จากความต้องการสินค้า
สิ่งทอ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าลดลง ทั้งนี้ หากปรับปัจจัยทางฤดูกาลแล้ว ดุลการค้าของเขต
เศรษฐกิจยุโรปในเดือน มี.ค.ลดลงอยู่ที่จำนวน 4.4 พัน ล.ยูโร จากจำนวน 5.3 พัน ล.ยูโรในเดือน ก.พ.48
ตัวเลขดังกล่าวเป็นการยืนยันว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรปในปัจจุบันพึ่งพาการส่งออกเป็น
หลัก ในขณะที่ความต้องการในประเทศยังคงอ่อนแอยู่ สาเหตุจากอัตราการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ The
European Commission คาดว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรปจะอยู่ที่ร้อยละ 1.6 ในปี
นี้ ลดลงจากร้อยละ 2.0 ในปีก่อนหน้า ซึ่งส่วนหนึ่งเนื่องจากการแข็งค่าของเงินยูโรและระดับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
(รอยเตอร์)
3. ญี่ปุ่นเกินดุลการค้าเดือน เม.ย. ลดลงเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 เดือน รายงานจากกรุง
โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 25 พ.ค.48 ข้อมูลของทางการแสดงให้เห็นว่า ญี่ปุ่นเกินดุลการค้าในเดือน เม.
ย.48 ลดลงเหลือเพียงร้อยละ 10.4 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มูลค่า 962.78 พันล้านเยน (8.95 พัน
ล้านดอลลาร์ สรอ.) แต่ยังสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 880 พันล้านเยน ทำให้เกิดความกังวลว่าอัตราการ
เติบโตทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสแรกปีนี้จะไม่ยั่งยืนเท่าที่ควร ทั้งนี้ การส่งออกที่ฟื้นตัวเพียงเล็กน้อย
ทำให้ญี่ปุ่นได้เปรียบดุลการค้าน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ และนักเศรษฐศาสตร์ได้เตือนว่าปริมาณการส่งออกจะลดลง
เนื่องจากความต้องการสินค้าญี่ปุ่นในตลาดโลกชะลอตัวลง รวมถึงตลาดหลักอย่าง สรอ. และเอเชียด้วย โดยการ
ส่งออกมีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 จากปีก่อน เทียบกับที่มีการคาดการณ์กันไว้ที่ระดับร้อยละ 6.7 และเพิ่มขึ้นร้อย
ละ 1.1 จากเดือน มี.ค. แต่ในแง่ปริมาณลดลงร้อยละ 1.5 จากปีก่อน ส่วนการนำเข้าในปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ
12.7 เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ร้อยละ 13.5 และเพิ่มขึ้นต่อเดือนร้อยละ 5.6 ในขณะที่เศรษฐกิจโดยรวมในไตร
มาสแรกปีนี้เติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ระดับร้อยละ 5.3 ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้จ่ายส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น แต่การส่งออก
ยังคงปัจจัยหลักที่จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ต่อไป ทั้งนี้ การส่งออกรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่เพิ่มขึ้นช่วยทำให้การ
ส่งออกไป สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.0 จากปีก่อน ขณะที่ความต้องการสินค้าดังกล่าวและเครื่องจักรทั่วไปที่ลดลงทำ
ให้การส่งออกไปจีนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่สุดของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 4.2 จากปีก่อน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลด
ลงอย่างมากเมื่อเทียบกับที่เพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 30 ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ การส่งออกไปจีนที่ลดลงเป็นครั้งแรก
ในรอบ 3 ปี เมื่อเดือน ก.พ.48 เป็นปัจจัยสำคัญที่ญี่ปุ่นให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นปัจจัยหลักที่ช่วย
สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
4. ดัชนีราคาขายส่งของสิงคโปร์ในไตรมาสแรกปี 48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.1 เทียบต่อปี แต่ลดลง
ร้อยละ 5.7 เมื่อเทียบต่อไตรมาส รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ 24 พ.ค.48 สำนักสถิติสิงคโปร์ เปิดเผยว่า ดัชนี
ราคาขายส่งในประเทศของสิงคโปร์ ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดยอดขายของผู้ค้าส่งในเมือง และครอบคลุมถึงยอดขายของ
กิจการค้าส่งประมาณ 810 แห่ง และสามารถชี้วัดถึงแนวโน้มราคาผู้บริโภคในอนาคตได้ โดยในไตรมาสแรกปี 48
เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.1 เทียบต่อปี เนื่องจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะที่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
ลดลงร้อยละ 5.7 และหากไม่นับรวมสินค้าหมวดปิโตรเลียมแล้ว ดัชนีดังกล่าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 เทียบต่อปี แต่ลด
ลงร้อยละ 8.1 เมื่อเทียบต่อไตรมาส นอกจากนี้ สำนักงานสถิติยังได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของ
สิงคโปร์ในเดือน เม.ย.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 เทียบต่อเดือน (ตัวเลขหลังปรับปัจจัยทางฤดูกาล) หลังจากที่ลด
ลงร้อยละ 0.1 ในเดือน มี.ค.48 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เนื่อง
จากราคาบ้านและต้นทุนขนส่งเพิ่มขึ้นอย่างมาก และหากเทียบต่อปีดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 มากกว่าที่
นักวิเคราะห์ประมาณการไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.2 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 25 พ.ค. 48 24 พ.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.02 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.7933/40.0772 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.34375 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 663.66/16.73 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,900/8,000 7,900/8,000 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 45.29 44.31 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.14*/18.19** 22.14*/18.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 17 พ.ค. 48
**ปรับเพิ่ม ลิตรละ 3 บาท เมื่อ 23 มี.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ยืนยันเงินบาทในระดับปัจจุบันถือว่าเหมาะสม ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยว่า การที่เงินบาทอ่อนค่าลงมาแตะที่ระดับ 40 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. เป็นผลจากการที่เงิน
ดอลลาร์ สรอ.แข็งค่าขึ้น ทำให้เงินบาทของไทยอ่อนค่าลงตามเงินยูโรและเงินเยน ส่วนการดูแลค่าเงินบาท ธปท.
จะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดโลก ซึ่ง ธปท.จะไม่เข้าแทรกแซง โดยจะปล่อยให้สอดคล้องกับคู่แข่งขันทางการ
ค้าและดูแลให้ผู้ส่งออกและนำเข้าสามารถแข่งขันและค้าขายได้สะดวก สำหรับค่าเงินบาทในขณะนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่
เหมาะสม ทั้งนี้ เชื่อว่าความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนโลกจะเบาบางลง หลังจากที่ผู้ว่าการ ธ.กลาง สรอ.
(นายอลัน กรีนสแปน) ออกมายอมรับว่าการกดดันจีนให้เพิ่มค่าเงินหยวนไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาการขาดดุลการค้าของ
สรอ. (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ก.คลังอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดมาตรการควบคุมสินเชื่อส่วนบุคคล รมว.คลัง เปิดเผย
ว่า การพิจารณาเรื่องการควบคุมดูแลสินเชื่อส่วนบุคคลของสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์(นอนแบงก์) ที่
ธปท.เสนอให้ ก.คลังพิจารณานั้นไม่ถือว่าล่าช้า เนื่องจากสินเชื่อส่วนบุคคลมีหลายประเภท จึงจำเป็นที่ ก.คลังจะ
ต้องพิจารณาวิธีการเข้าไปควบคุมให้รอบคอบครบถ้วนในทุกมิติ ทั้งนี้ ปลัด ก.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ ได้มอบให้
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กลับไปดูนิยามของผู้ประกอบการสินเชื่อส่วนบุคคล เนื่องจากเห็นว่านิยาม
ตามที่ ธปท.เสนอมานั้นกว้างเกินไป นอกจากนี้ ได้ให้มีการพิจารณาการกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยในระดับที่
เหมาะสม โดยคาดว่า สศค.จะสามารถเสนอรายละเอียดได้ภายในสัปดาห์นี้ (ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
3. ดัชนีราคาส่งออกเดือน เม.ย.48 เพิ่มขึ้น 0.2 % เทียบต่อเดือนและเพิ่มขึ้น 7.3% เทียบต่อ
ปี โฆษก ก.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาส่งออกของประเทศในเดือน เม.ย.48 มีค่าเท่ากับ 112 สูงขึ้น
0.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และสูงขึ้น 7.3% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้ดัชนีราคาส่งออก
เฉลี่ย 4 เดือนแรกปี 48 (ม.ค.-เม.ย.) สูงขึ้น 7.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุที่ทำให้
ดัชนีราคาส่งออกเดือน เม.ย.สูงขึ้น เป็นผลจากดัชนีหมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรสูงขึ้น 1.7% และดัชนีหมวด
สินค้าแร่และเชื้อเพลิงสูงขึ้น 2.1% ในขณะที่ดัชนีหมวดสินค้าเกษตรกรรมลดลง 0.2% เนื่องจากราคาสินค้า
เกษตรกรรมลดลง (โพสต์ทูเดย์)
4. ธอส.ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลแคนาดาในการศึกษาการให้บริการประกันเงินกู้เพื่อที่อยู่
อาศัย กรรมการผู้จัดการ ธ.อาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
ประเทศแคนาดา ให้ศึกษาการให้บริการประกันเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย (Mortgage Insurance) ในประเทศไทย
โดยได้ร่วมลงนามในสัญญาความร่วมมือดังกล่าวกับ Canada Mortgage and Housing Corporation
(CMHC) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เชี่ยวชาญในธุรกรรมการประกันเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยจากประเทศแคนาดา โดยในระยะ
แรกของโครงการ ธอส.และ CMHC จะเป็นผู้ดำเนินการรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นเพื่อใช้ในการศึกษา โดยมีสำนักงาน
เศรษฐกิจการคลังเป็นผู้ช่วยประสานงานในการเข้าพบหารือกับผู้บริหารของหน่วยงานหลักทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้ง
นี้ การให้ประกันเงินกู้ที่อยู่อาศัย เป็นบริการใหม่ที่มีประโยชน์ต่อการฟื้นฟูภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเป็นการประกัน
ความเสี่ยงทางการเงินให้กับสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งหากผู้กู้ค้างชำระหนี้หรือธนาคารไม่สามารถ
เรียกเก็บเงินงวดจากผู้กู้ได้ ธนาคารจะสามารถเรียกร้องให้บริษัทประกันสินเชื่อรับผิดชอบในการจ่ายหนี้ค้าง
เต็มจำนวนหรือบางส่วนได้ และทำให้ความเสี่ยงของระบบสินเชื่อรวมลดลง ส่งผลให้ปริมาณสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่
เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยพัฒนาตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย เนื่องจากเงินกู้ที่มีการประกันจะมี
เครดิตมากขึ้นในการขายต่อตลาดรอง (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดขายบ้านมือสองของสรอ.ในเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุด รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวัน
ที่ 24 พ.ค. 48 สมาคมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติสรอ. เปิดเผยว่า ในเดือนเม.ย.ยอดขายบ้านมือ
สองซึ่งรวมทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม เพิ่มขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายถึง 7.18 ล้านหลังจากเดือนมี.ค.
หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 ทำสถิติสูงสุดจากสถิติเดิมที่เคยทำไว้ที่ระดับ 7.02 ล้านหลังเมื่อเดือนมิ.ย. ปี 47 เช่น
เดียวกับราคากลางบ้านเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 206,000 ดอลลาร์ สรอ. หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ
15.1 เพิ่มมากที่สุดในรอบเกือบ 25 ปีนับตั้งแต่เดือนพ.ย. ปี 23 ที่ราคาบ้านเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 15.6 ขณะที่เกิด
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในตลาดบ้านเนื่องจากมีการซื้อเพื่อการเก็งกำไรมากขึ้น แต่นาย อลันกรีนสแป
นประธาน ธ.กลางสรอ.กล่าวว่า อาจจะมีภาวะฟองสบู่ในตลาดบ้านบ้าง ยังไม่เป็นที่น่าวิตก ส่วนตลาดหุ้นปิดตลาด
ลดลงเล็กน้อยเนื่องจากข่าวการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของสรอ. จากการประชุมนโยบายการเงินในเดือน
พ.ค. มีการพิจารณาปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเนื่องจากมีสัญญานภาวะเงินเฟ้อ (รอยเตอร์)
2. เขตเศรษฐกิจยุโรปเกินดุลการค้าในเดือน มี.ค.48 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบต่อเดือน แต่เกินดุลลดลง
เมื่อเทียบต่อปี รายงานจากบรัสเซลล์ เมื่อ 24 พ.ค.48 สำนักงานสถิติสหภาพยุโรป เปิดเผยว่า ในเดือน มี.
ค.48 เขตเศรษฐกิจยุโรปเกินดุลการค้าจำนวน 4.2 พัน ล.ยูโร (ตัวเลขก่อนปรับปัจจัยทางฤดูกาล) เพิ่มขึ้นจาก
เดือน ก.พ.48 ที่เกินดุลจำนวน 3.6 พัน ล.ยูโร เนื่องจากภาวะการส่งออกของเยอรมนีมีความแข็งแกร่ง ขณะที่
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (มี.ค.47) กลับเกินดุลการค้าลดลงจากจำนวน 10.4 พัน ล.ยูโร เนื่องจาก
คำสั่งซื้อใหม่ของภาคอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจยุโรปในเดือน มี.ค.ลดลงร้อยละ 0.5 จากความต้องการสินค้า
สิ่งทอ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าลดลง ทั้งนี้ หากปรับปัจจัยทางฤดูกาลแล้ว ดุลการค้าของเขต
เศรษฐกิจยุโรปในเดือน มี.ค.ลดลงอยู่ที่จำนวน 4.4 พัน ล.ยูโร จากจำนวน 5.3 พัน ล.ยูโรในเดือน ก.พ.48
ตัวเลขดังกล่าวเป็นการยืนยันว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรปในปัจจุบันพึ่งพาการส่งออกเป็น
หลัก ในขณะที่ความต้องการในประเทศยังคงอ่อนแอยู่ สาเหตุจากอัตราการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ The
European Commission คาดว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรปจะอยู่ที่ร้อยละ 1.6 ในปี
นี้ ลดลงจากร้อยละ 2.0 ในปีก่อนหน้า ซึ่งส่วนหนึ่งเนื่องจากการแข็งค่าของเงินยูโรและระดับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
(รอยเตอร์)
3. ญี่ปุ่นเกินดุลการค้าเดือน เม.ย. ลดลงเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 เดือน รายงานจากกรุง
โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 25 พ.ค.48 ข้อมูลของทางการแสดงให้เห็นว่า ญี่ปุ่นเกินดุลการค้าในเดือน เม.
ย.48 ลดลงเหลือเพียงร้อยละ 10.4 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มูลค่า 962.78 พันล้านเยน (8.95 พัน
ล้านดอลลาร์ สรอ.) แต่ยังสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 880 พันล้านเยน ทำให้เกิดความกังวลว่าอัตราการ
เติบโตทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสแรกปีนี้จะไม่ยั่งยืนเท่าที่ควร ทั้งนี้ การส่งออกที่ฟื้นตัวเพียงเล็กน้อย
ทำให้ญี่ปุ่นได้เปรียบดุลการค้าน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ และนักเศรษฐศาสตร์ได้เตือนว่าปริมาณการส่งออกจะลดลง
เนื่องจากความต้องการสินค้าญี่ปุ่นในตลาดโลกชะลอตัวลง รวมถึงตลาดหลักอย่าง สรอ. และเอเชียด้วย โดยการ
ส่งออกมีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 จากปีก่อน เทียบกับที่มีการคาดการณ์กันไว้ที่ระดับร้อยละ 6.7 และเพิ่มขึ้นร้อย
ละ 1.1 จากเดือน มี.ค. แต่ในแง่ปริมาณลดลงร้อยละ 1.5 จากปีก่อน ส่วนการนำเข้าในปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ
12.7 เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ร้อยละ 13.5 และเพิ่มขึ้นต่อเดือนร้อยละ 5.6 ในขณะที่เศรษฐกิจโดยรวมในไตร
มาสแรกปีนี้เติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ระดับร้อยละ 5.3 ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้จ่ายส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น แต่การส่งออก
ยังคงปัจจัยหลักที่จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ต่อไป ทั้งนี้ การส่งออกรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่เพิ่มขึ้นช่วยทำให้การ
ส่งออกไป สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.0 จากปีก่อน ขณะที่ความต้องการสินค้าดังกล่าวและเครื่องจักรทั่วไปที่ลดลงทำ
ให้การส่งออกไปจีนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่สุดของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 4.2 จากปีก่อน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลด
ลงอย่างมากเมื่อเทียบกับที่เพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 30 ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ การส่งออกไปจีนที่ลดลงเป็นครั้งแรก
ในรอบ 3 ปี เมื่อเดือน ก.พ.48 เป็นปัจจัยสำคัญที่ญี่ปุ่นให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นปัจจัยหลักที่ช่วย
สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
4. ดัชนีราคาขายส่งของสิงคโปร์ในไตรมาสแรกปี 48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.1 เทียบต่อปี แต่ลดลง
ร้อยละ 5.7 เมื่อเทียบต่อไตรมาส รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ 24 พ.ค.48 สำนักสถิติสิงคโปร์ เปิดเผยว่า ดัชนี
ราคาขายส่งในประเทศของสิงคโปร์ ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดยอดขายของผู้ค้าส่งในเมือง และครอบคลุมถึงยอดขายของ
กิจการค้าส่งประมาณ 810 แห่ง และสามารถชี้วัดถึงแนวโน้มราคาผู้บริโภคในอนาคตได้ โดยในไตรมาสแรกปี 48
เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.1 เทียบต่อปี เนื่องจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะที่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
ลดลงร้อยละ 5.7 และหากไม่นับรวมสินค้าหมวดปิโตรเลียมแล้ว ดัชนีดังกล่าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 เทียบต่อปี แต่ลด
ลงร้อยละ 8.1 เมื่อเทียบต่อไตรมาส นอกจากนี้ สำนักงานสถิติยังได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของ
สิงคโปร์ในเดือน เม.ย.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 เทียบต่อเดือน (ตัวเลขหลังปรับปัจจัยทางฤดูกาล) หลังจากที่ลด
ลงร้อยละ 0.1 ในเดือน มี.ค.48 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เนื่อง
จากราคาบ้านและต้นทุนขนส่งเพิ่มขึ้นอย่างมาก และหากเทียบต่อปีดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 มากกว่าที่
นักวิเคราะห์ประมาณการไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.2 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 25 พ.ค. 48 24 พ.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.02 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.7933/40.0772 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.34375 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 663.66/16.73 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,900/8,000 7,900/8,000 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 45.29 44.31 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.14*/18.19** 22.14*/18.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 17 พ.ค. 48
**ปรับเพิ่ม ลิตรละ 3 บาท เมื่อ 23 มี.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--