นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการบริหาร ประจำปี พ.ศ. 2547 ว่า การที่จะสร้างพรรคให้เป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็งนั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการเผยแพร่อุดมการณ์ของพรรคไปสู่ประชาชนอย่างกว้างขวาง ทั่วทุกภาคของประเทศ รวมทั้ง การจัดตั้งและขยายองค์กรสาขาพรรค เพื่อให้มวลสมาชิกพรรคได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างใกล้ชิด
โดยในปี 2547 คณะกรรมการบริหารพรรคได้พยายามขยายเครือข่ายงานของพรรคให้กว้างขวางยิ่งขึ้น รณรงค์หาสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้น เป็นจำนวน 151,371 คน แยกเป็นภาคได้ ดังนี้
ภาคเหนือ เพิ่มขึ้น 61,475 คน
ภาคอีสาน ” 19,632 คน
ภาคกลาง ” 20,102 คน
ภาคใต้ ” 38,584 คน
กทม. ” 11,578 คน
ทำให้จำนวนสมาชิกพรรคทั่วประเทศในปี 2547 เพิ่มขึ้นจาก 3,868,493 คน เป็น 4,019,864 คน
นอกจากนั้นคณะกรรมการบริหารพรรค ได้จัดตั้งสาขาพรรคเพิ่มขึ้นอีก 3 สาขา คือ
กรุงเทพฯ เขต 4
กรุงเทพฯ เขต 18
ลำพูน เขต 2
ทำให้สาขาพรรคประชาธิปัตย์ทั่วประเทศมีจำนวนรวม 196 สาขา แยกเป็น
ภาคเหนือ 37 สาขา
ภาคกลาง 46 สาขา
ภาคอีสาน 36 สาขา
ภาคใต้ 51 สาขา
กทม. 26 สาขา
นอกจากงานในด้านการสร้างพรรค เพื่อให้เป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็งแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำหน้าที่ในสภา ทั้งงานในสภาและด้านนิติบัญญัติ ในปี 2547 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคฯ ได้ร่วมกันเสนอร่างพระราชบัญญัติ จำนวน 39 ฉบับ อาทิ เช่น
- ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดย ศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร ศรีสะอ้าน
- ร่างพระราชบัญญัติการเคหะแห่งชาติ โดย นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค
- ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
- ร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียนประถมศึกษา โดย นายเจริญ คันธวงศ์
- ร่างพระราชบัญญัติสหกรณ์ โดย นายถาวร เสนเนียม
- ร่างพระราชบัญญัติกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา โดย นายสัมพันธ์ ทองสมัคร
- ร่างพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย โดย นายสุพัฒน์ ธรรมเพชร
- ร่างพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย โดย นายอาคม เอ่งฉ้วน
- ร่างพระราชบัญญัติสุขภาพจิต โดย นางนิภา พริ้งศุลกะ
แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ร่างพระราชบัญญัติเหล่านี้ไม่ได้ผ่านกระบวนการในการตรากฎหมายออกมาบังคับใช้เลย เพราะส่วนใหญ่เป็นร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวด้วยการเงิน ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องให้คำรับรอง แต่ปรากฏว่า ร่างพระราชบัญญัติที่พรรคเสนอ นายกฯ ไม่ให้คำรับรอง หรือพิจารณาไม่เสร็จว่าจะรับรองหรือไม่หลายฉบับ จนกระทั่งหมดสมัยประชุม บางฉบับ แม้ไม่ใช่พระราชบัญญัติที่เกี่ยวกับการเงิน สามารถบรรจุระเบียบวาระของสภาผู้แทนราษฎรได้ แต่ก็อยู่ในวาระหลัง ๆ ทำให้พิจารณาไม่ทัน และหมดสมัยประชุมเสียก่อน
นอกจากนั้น ส.ส. ของพรรคได้เสนอญัตติเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ทั้งหมด 19 ฉบับด้วยกัน เช่น เรื่อง ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน
เรื่อง สถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย นายถาวร เสนเนียม
เรื่อง ปัญหาการว่างงานโดย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์
อีกทั้งได้ตั้ง กระทู้สดถามรัฐบาล อีก 30 เรื่อง กระทู้ทั่วไป 34 เรื่อง
ในการทำหน้าที่ในคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาฯ นั้น ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการ ทั้งหมด 8 คณะ ดังนี้
1. คณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู
2. คณะกรรมาธิการตำรวจ นายชุมพล กาญจนะ
3. คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค
4. คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง นายวิฑูรย์ นามบุตร
5. คณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ นายจุติ ไกรฤกษ์
6. คณะกรรมาธิการพาณิชย์ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร
7. คณะกรรมาธิการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน นายถาวร เสนเนียม
8. คณะกรรมาธิการการศึกษา ศ.ดร.วิจิตร ศรีสะอ้าน
ซึ่งท่านเหล่านั้นได้แสดงบทบาท มีผลงาน เป็นที่ยอมรับสร้างชื่อเสียงให้พรรคมากพอสมควร
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 เม.ย. 2548--จบ--
-ดท-
โดยในปี 2547 คณะกรรมการบริหารพรรคได้พยายามขยายเครือข่ายงานของพรรคให้กว้างขวางยิ่งขึ้น รณรงค์หาสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้น เป็นจำนวน 151,371 คน แยกเป็นภาคได้ ดังนี้
ภาคเหนือ เพิ่มขึ้น 61,475 คน
ภาคอีสาน ” 19,632 คน
ภาคกลาง ” 20,102 คน
ภาคใต้ ” 38,584 คน
กทม. ” 11,578 คน
ทำให้จำนวนสมาชิกพรรคทั่วประเทศในปี 2547 เพิ่มขึ้นจาก 3,868,493 คน เป็น 4,019,864 คน
นอกจากนั้นคณะกรรมการบริหารพรรค ได้จัดตั้งสาขาพรรคเพิ่มขึ้นอีก 3 สาขา คือ
กรุงเทพฯ เขต 4
กรุงเทพฯ เขต 18
ลำพูน เขต 2
ทำให้สาขาพรรคประชาธิปัตย์ทั่วประเทศมีจำนวนรวม 196 สาขา แยกเป็น
ภาคเหนือ 37 สาขา
ภาคกลาง 46 สาขา
ภาคอีสาน 36 สาขา
ภาคใต้ 51 สาขา
กทม. 26 สาขา
นอกจากงานในด้านการสร้างพรรค เพื่อให้เป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็งแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำหน้าที่ในสภา ทั้งงานในสภาและด้านนิติบัญญัติ ในปี 2547 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคฯ ได้ร่วมกันเสนอร่างพระราชบัญญัติ จำนวน 39 ฉบับ อาทิ เช่น
- ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดย ศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร ศรีสะอ้าน
- ร่างพระราชบัญญัติการเคหะแห่งชาติ โดย นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค
- ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
- ร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียนประถมศึกษา โดย นายเจริญ คันธวงศ์
- ร่างพระราชบัญญัติสหกรณ์ โดย นายถาวร เสนเนียม
- ร่างพระราชบัญญัติกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา โดย นายสัมพันธ์ ทองสมัคร
- ร่างพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย โดย นายสุพัฒน์ ธรรมเพชร
- ร่างพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย โดย นายอาคม เอ่งฉ้วน
- ร่างพระราชบัญญัติสุขภาพจิต โดย นางนิภา พริ้งศุลกะ
แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ร่างพระราชบัญญัติเหล่านี้ไม่ได้ผ่านกระบวนการในการตรากฎหมายออกมาบังคับใช้เลย เพราะส่วนใหญ่เป็นร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวด้วยการเงิน ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องให้คำรับรอง แต่ปรากฏว่า ร่างพระราชบัญญัติที่พรรคเสนอ นายกฯ ไม่ให้คำรับรอง หรือพิจารณาไม่เสร็จว่าจะรับรองหรือไม่หลายฉบับ จนกระทั่งหมดสมัยประชุม บางฉบับ แม้ไม่ใช่พระราชบัญญัติที่เกี่ยวกับการเงิน สามารถบรรจุระเบียบวาระของสภาผู้แทนราษฎรได้ แต่ก็อยู่ในวาระหลัง ๆ ทำให้พิจารณาไม่ทัน และหมดสมัยประชุมเสียก่อน
นอกจากนั้น ส.ส. ของพรรคได้เสนอญัตติเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ทั้งหมด 19 ฉบับด้วยกัน เช่น เรื่อง ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน
เรื่อง สถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย นายถาวร เสนเนียม
เรื่อง ปัญหาการว่างงานโดย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์
อีกทั้งได้ตั้ง กระทู้สดถามรัฐบาล อีก 30 เรื่อง กระทู้ทั่วไป 34 เรื่อง
ในการทำหน้าที่ในคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาฯ นั้น ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการ ทั้งหมด 8 คณะ ดังนี้
1. คณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู
2. คณะกรรมาธิการตำรวจ นายชุมพล กาญจนะ
3. คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค
4. คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง นายวิฑูรย์ นามบุตร
5. คณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ นายจุติ ไกรฤกษ์
6. คณะกรรมาธิการพาณิชย์ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร
7. คณะกรรมาธิการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน นายถาวร เสนเนียม
8. คณะกรรมาธิการการศึกษา ศ.ดร.วิจิตร ศรีสะอ้าน
ซึ่งท่านเหล่านั้นได้แสดงบทบาท มีผลงาน เป็นที่ยอมรับสร้างชื่อเสียงให้พรรคมากพอสมควร
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 เม.ย. 2548--จบ--
-ดท-