"ยุทธพงศ์ เดินทางไปออสเตรียพบพิรุธสไตเออร์เป็นบริษัทของอเมริกาโดยแท้มีรูปประธานาธิบดีบุช หน้าบริษัทฯ พิสูจน์ชัด สไตเออร์ คือ โปรกเกอร์ จัดหารถดับเพลิงให้กทม.หนังสือพิมพ์ออสเตรียลงข่าวผู้บริหารสไตเออร์ฯ เครียดถูกบริษัทแม่ที่อเมริกาเรียกสอบด่วน สถานทูตไทยที่เวียนนายอมรับไม่ทราบเรื่องการซื้อขายรถดับเพลิงของกทม.เชื่อรัฐบาลออสเตรียอาจไม่ทราบเรื่องดังกล่าว DSI เตรียมสอบสวนที่ออสเตรียเป็นข่าวใหญ่เช่นกัน ส.ส.ออสเตรียรอผลสรุปจาก DSI เพื่ออภิปรายรัฐบาล รถดับเพลิงในออสเตรียเองไม่ใช่ MITSU"
ตามที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางไปที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ระหว่างวันที่ 4-9 พ.ค.2549 โดยในการเดินทางไปประเทศออสเตรียได้พบประเด็นใหม่ดังต่อไปนี้
บริษัท สไตเออร์ พุค สเปเชียลฟรายท์ ซอย จีเอ็มบีเอช เป็นบริษัท ของ เจเนอรัล ไดนามิคส์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งหน้าบริษัท สไตเออร์ มีป้ายระบุว่า A General Dynamic company และมีรูปถ่ายประธานาธิบดี บุช ติดอยู่หน้าบริษัท และตรวจสอบพบว่า บริษัท สไตเออร์ หรือ SSF เป็นบริษัทฯ ผลิตรถถังและไม่ได้ผลิตรถดับเพลิง หรือ เคสซีรถ แต่อย่างใด นอกจากนี้บริษัทฯ ต้องซื้อชิ้นส่วนจากบริษัท MAN ของเยอรมัน ดังนั้น สไตเออร์ฯ จึงทำหน้าที่เป็นนายหน้า หรือ โบรกเกอร์ เพื่อจัดหาซื้อรถดับเพลิงให้กทม.เท่านั้น ปริศนา? เหตุใดกทม.ในสมัยผู้ว่าฯ สมัคร ถึงต้องซื้อผ่านโบรกเกอร์ ซ้ารอยเสี่ยเชในเรื่อง CTX 9000
กรณีที่สองคือหนังสือพิมพ์ใหญ่ของประเทศออสเตรีย ชื่อ Wirtschafts Blatt (เวอร์ชาร์ฟ บลัด) ได้ตีพิมพ์เกี่ยวกับเรื่องการเดินทางไปที่ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 5 พ.ค.2006 ว่าเรื่องความมั่นคงของบริษัท สไตเออร์ ที่ทำรถถังกำลังถูกสอบสวนด้วยคนไทยและกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI นายมาริโอ มีน่า รองประธานบริษัทฯ กำลังถูกจับตาจากนายยุทธพงศ์ และDSI ประเทศไทย โดยนายยุทธพงศ์ เดินทางมาจากประเทศไทยในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม เพื่อที่จะสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องสัญญาซื้อขายรถดับเพลิงจำนวน 315 คันกับกรุงเทพมหานคร นายมีน่าเปิดเผยว่าไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่หนังสือพิมพ์ที่เมืองไทยรายงานข่าวเรื่องนี้ใหญ่โตมาก อย่างไรก็ตาม นายมีน่า มองว่า บริษัท สไตเออร์ ตกเป็นเหยื่อการต่อสู้ทางการเมืองในประเทศไทย และกล่าวว่าหลังจากที่ได้มีการเซ็นสัญญาเป็นเวลา 2 ปี ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารในกทม. ขณะนี้ความถูกต้องในสัญญาได้ถูกสงสัย และถูกตรวจสอบนักการเมืองในประเทศไทยตรวจพบว่ามีความผิดปกติ ขณะนี้การส่งรถดับเพลิงในล็อตที่สองกำลังจะต้องส่งมอบภายในปีนี้ โดยนายยุทธพงศ์ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวของหนังสือพิมพ์ Wirtschafts Blatt (เวอร์ชาร์ฟ บลัด) ชื่อ Mr.Martin Fellhuber (นายมาติน เฟสฮูเบอร์) ที่กรุงเวียนนา ว่า การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อที่จะมาพบกับ ส.ส.คือ นายเฮอร์เบร์ด ชาฟเนอร์ และมาพบกับทนายความ เพื่อปรึกษาถึงการดำเนินการทางกฎหมายกับบริษัท สไตเออร์ โดยในขณะนี้เรื่อง การขายรถดับเพลิงเป็นที่น่าสนใจมากของสื่อมวลชนที่ประเทศออสเตรีย เพราะสื่อมวลชนที่ประเทศออสเตรียไม่เคยทราบการซื้อรถดับเพลิงดังกล่าวมาก่อน
นอกจากนี้แหล่งข่าวของบริษัท สไตเออร์ แจ้งว่าขณะนี้ฝ่ายกฎหมายของบริษัท General Dynamic ประเทศสหรัฐ ได้มีคำสั่งให้ผู้บริหารของบริษัท สไตเออร์ ชี้แจงว่าได้เกิดอะไรขึ้นกับการขายรถดับเพลิงให้กับกรุงเทพมหานคร ซึ่งทำให้ผู้บริหาร บริษัท สไตเออร์ฯ วิตกกังวลต่อเรื่องที่เกิดขึ้นมาก
ในประเด็นที่สามนายยุทธพงศ์ได้มีโอกาสพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงในสถานทูตไทยที่กรุงเวียนนา และมีโอกาสสอบถามถึงเรื่องการซื้อขายรถดับเพลิงของกทม.มูลค่า 6,687 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการความช่วยเหลือระหว่างรัฐบาลไทย กับรัฐบาลออสเตรีย หรือ G to G เจ้าหน้าที่สถานทูตไทยบอกกับนายยุทธพงศ์ว่าสถานทูตไทยที่เวียนนาไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน ตั้งแต่มีการเซ็นสัญญาซื้อขายเมื่อปี 2547 และสถานทูตไทยที่เวียนนาเพิ่งจะทราบเรื่องนี้ครั้งแรกจากกระทรวงต่างประเทศแจ้งมาว่าจะมีเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษมาสอบสวนเรื่องรถดับเพลิง โดยให้สถานทูตไทยได้ประสานงานกับรัฐบาลออสเตรีย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ของสถานทูตไทยที่เวียนนาได้แจ้งต่อนายยุทธพงศ์ว่ารัฐบาลออสเตรียอาจจะไม่ทราบการซื้อขายรถดับเพลิงของกทม.ซึ่งขณะนี้เรื่องรถดับเพลิงของกทม.กำลังเป็นที่น่าสนใจของรัฐบาลออสเตรีย และสื่อมวลชนในออสเตรีย
นอกจากนี้นายยุทธพงศ์ยังได้เดินทางไปพบกับนายเฮอร์เบริต์ ชาฟเนอร์ ส.ส.ประเทศออสเตรียที่รัฐสภาออสเตรีย โดยนายเฮอร์เบริต์กล่าวว่าขณะนี้ตนกำลังรอผลสรุปจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ประเทศไทย ซึ่งใกล้จะเสร็จสิ้นในปลายเดือนนี้เพื่อที่นำเรื่องทั้งหมดอภิปรายในสภาฯออสเตรียต่อไปอย่างแน่นอน
ในการเดินทางครั้งนี้นายยุทธพงศ์ยังได้เดินทางไปที่สถานีดับเพลิงใหญ่ที่สุดของกรุงเวียนนา ที่เขต Zentrum เพื่อเข้าดูมาตรฐานรถดับเพลิงที่ออสเตรียว่าใช้มาตรฐานดียวกับที่ส่งมาขายในกรุงเทพมหานคร หรือไม่? และพบว่ารถดับเพลิงขนาดใหญ่ใช้เคสซี ของบริษัท สไตเออร์ แต่จะประกอบอุปกรณ์โดยบริษัท Rosenbauer โรเซนบาวส์ ซึ่งเป็นโรงงานประกอบรถดับเพลิงที่มีชื่อเสียงมากในยุโรป ตั้งอยู่ที่มิลินส์ ในประเทศออสเตรีย ซึ่งมีราคาแพงเพราะโรงงานเป็นโรงงานที่ใหญ่มากในยุโรป แต่ รถดับเพลิงที่ส่งมาขายให้กทม.ถูกส่งไปประกอบที่โรงงาน Somati โซมาติ ในประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งมีราคาถูกกว่าที่ทำจากโรงงานในประเทศออสเตรีย และหลังจากนั้นก็ได้ไปขอดูอีกว่าหากเป็นรถดับเพลิงขนาด 4 ล้อ ที่บริษัท สไตเออร์ฯ ส่งมาขายให้กทม.คือรถ MITSU ราคาคันละ 5.8 ล้านบาท ราคายังไม่รวมภาษีแล้วมาบอกประเทศว่าเป็นมาตรฐานยุโรปแล้วในประเทศออสเตรียเองกลับไม่ได้ใช้รถ MITSU แต่เป็นยี่ห้อ Wolk โฟลค์สวาเก้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 พ.ค. 2549--จบ--
ตามที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางไปที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ระหว่างวันที่ 4-9 พ.ค.2549 โดยในการเดินทางไปประเทศออสเตรียได้พบประเด็นใหม่ดังต่อไปนี้
บริษัท สไตเออร์ พุค สเปเชียลฟรายท์ ซอย จีเอ็มบีเอช เป็นบริษัท ของ เจเนอรัล ไดนามิคส์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งหน้าบริษัท สไตเออร์ มีป้ายระบุว่า A General Dynamic company และมีรูปถ่ายประธานาธิบดี บุช ติดอยู่หน้าบริษัท และตรวจสอบพบว่า บริษัท สไตเออร์ หรือ SSF เป็นบริษัทฯ ผลิตรถถังและไม่ได้ผลิตรถดับเพลิง หรือ เคสซีรถ แต่อย่างใด นอกจากนี้บริษัทฯ ต้องซื้อชิ้นส่วนจากบริษัท MAN ของเยอรมัน ดังนั้น สไตเออร์ฯ จึงทำหน้าที่เป็นนายหน้า หรือ โบรกเกอร์ เพื่อจัดหาซื้อรถดับเพลิงให้กทม.เท่านั้น ปริศนา? เหตุใดกทม.ในสมัยผู้ว่าฯ สมัคร ถึงต้องซื้อผ่านโบรกเกอร์ ซ้ารอยเสี่ยเชในเรื่อง CTX 9000
กรณีที่สองคือหนังสือพิมพ์ใหญ่ของประเทศออสเตรีย ชื่อ Wirtschafts Blatt (เวอร์ชาร์ฟ บลัด) ได้ตีพิมพ์เกี่ยวกับเรื่องการเดินทางไปที่ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 5 พ.ค.2006 ว่าเรื่องความมั่นคงของบริษัท สไตเออร์ ที่ทำรถถังกำลังถูกสอบสวนด้วยคนไทยและกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI นายมาริโอ มีน่า รองประธานบริษัทฯ กำลังถูกจับตาจากนายยุทธพงศ์ และDSI ประเทศไทย โดยนายยุทธพงศ์ เดินทางมาจากประเทศไทยในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม เพื่อที่จะสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องสัญญาซื้อขายรถดับเพลิงจำนวน 315 คันกับกรุงเทพมหานคร นายมีน่าเปิดเผยว่าไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่หนังสือพิมพ์ที่เมืองไทยรายงานข่าวเรื่องนี้ใหญ่โตมาก อย่างไรก็ตาม นายมีน่า มองว่า บริษัท สไตเออร์ ตกเป็นเหยื่อการต่อสู้ทางการเมืองในประเทศไทย และกล่าวว่าหลังจากที่ได้มีการเซ็นสัญญาเป็นเวลา 2 ปี ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารในกทม. ขณะนี้ความถูกต้องในสัญญาได้ถูกสงสัย และถูกตรวจสอบนักการเมืองในประเทศไทยตรวจพบว่ามีความผิดปกติ ขณะนี้การส่งรถดับเพลิงในล็อตที่สองกำลังจะต้องส่งมอบภายในปีนี้ โดยนายยุทธพงศ์ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวของหนังสือพิมพ์ Wirtschafts Blatt (เวอร์ชาร์ฟ บลัด) ชื่อ Mr.Martin Fellhuber (นายมาติน เฟสฮูเบอร์) ที่กรุงเวียนนา ว่า การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อที่จะมาพบกับ ส.ส.คือ นายเฮอร์เบร์ด ชาฟเนอร์ และมาพบกับทนายความ เพื่อปรึกษาถึงการดำเนินการทางกฎหมายกับบริษัท สไตเออร์ โดยในขณะนี้เรื่อง การขายรถดับเพลิงเป็นที่น่าสนใจมากของสื่อมวลชนที่ประเทศออสเตรีย เพราะสื่อมวลชนที่ประเทศออสเตรียไม่เคยทราบการซื้อรถดับเพลิงดังกล่าวมาก่อน
นอกจากนี้แหล่งข่าวของบริษัท สไตเออร์ แจ้งว่าขณะนี้ฝ่ายกฎหมายของบริษัท General Dynamic ประเทศสหรัฐ ได้มีคำสั่งให้ผู้บริหารของบริษัท สไตเออร์ ชี้แจงว่าได้เกิดอะไรขึ้นกับการขายรถดับเพลิงให้กับกรุงเทพมหานคร ซึ่งทำให้ผู้บริหาร บริษัท สไตเออร์ฯ วิตกกังวลต่อเรื่องที่เกิดขึ้นมาก
ในประเด็นที่สามนายยุทธพงศ์ได้มีโอกาสพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงในสถานทูตไทยที่กรุงเวียนนา และมีโอกาสสอบถามถึงเรื่องการซื้อขายรถดับเพลิงของกทม.มูลค่า 6,687 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการความช่วยเหลือระหว่างรัฐบาลไทย กับรัฐบาลออสเตรีย หรือ G to G เจ้าหน้าที่สถานทูตไทยบอกกับนายยุทธพงศ์ว่าสถานทูตไทยที่เวียนนาไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน ตั้งแต่มีการเซ็นสัญญาซื้อขายเมื่อปี 2547 และสถานทูตไทยที่เวียนนาเพิ่งจะทราบเรื่องนี้ครั้งแรกจากกระทรวงต่างประเทศแจ้งมาว่าจะมีเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษมาสอบสวนเรื่องรถดับเพลิง โดยให้สถานทูตไทยได้ประสานงานกับรัฐบาลออสเตรีย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ของสถานทูตไทยที่เวียนนาได้แจ้งต่อนายยุทธพงศ์ว่ารัฐบาลออสเตรียอาจจะไม่ทราบการซื้อขายรถดับเพลิงของกทม.ซึ่งขณะนี้เรื่องรถดับเพลิงของกทม.กำลังเป็นที่น่าสนใจของรัฐบาลออสเตรีย และสื่อมวลชนในออสเตรีย
นอกจากนี้นายยุทธพงศ์ยังได้เดินทางไปพบกับนายเฮอร์เบริต์ ชาฟเนอร์ ส.ส.ประเทศออสเตรียที่รัฐสภาออสเตรีย โดยนายเฮอร์เบริต์กล่าวว่าขณะนี้ตนกำลังรอผลสรุปจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ประเทศไทย ซึ่งใกล้จะเสร็จสิ้นในปลายเดือนนี้เพื่อที่นำเรื่องทั้งหมดอภิปรายในสภาฯออสเตรียต่อไปอย่างแน่นอน
ในการเดินทางครั้งนี้นายยุทธพงศ์ยังได้เดินทางไปที่สถานีดับเพลิงใหญ่ที่สุดของกรุงเวียนนา ที่เขต Zentrum เพื่อเข้าดูมาตรฐานรถดับเพลิงที่ออสเตรียว่าใช้มาตรฐานดียวกับที่ส่งมาขายในกรุงเทพมหานคร หรือไม่? และพบว่ารถดับเพลิงขนาดใหญ่ใช้เคสซี ของบริษัท สไตเออร์ แต่จะประกอบอุปกรณ์โดยบริษัท Rosenbauer โรเซนบาวส์ ซึ่งเป็นโรงงานประกอบรถดับเพลิงที่มีชื่อเสียงมากในยุโรป ตั้งอยู่ที่มิลินส์ ในประเทศออสเตรีย ซึ่งมีราคาแพงเพราะโรงงานเป็นโรงงานที่ใหญ่มากในยุโรป แต่ รถดับเพลิงที่ส่งมาขายให้กทม.ถูกส่งไปประกอบที่โรงงาน Somati โซมาติ ในประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งมีราคาถูกกว่าที่ทำจากโรงงานในประเทศออสเตรีย และหลังจากนั้นก็ได้ไปขอดูอีกว่าหากเป็นรถดับเพลิงขนาด 4 ล้อ ที่บริษัท สไตเออร์ฯ ส่งมาขายให้กทม.คือรถ MITSU ราคาคันละ 5.8 ล้านบาท ราคายังไม่รวมภาษีแล้วมาบอกประเทศว่าเป็นมาตรฐานยุโรปแล้วในประเทศออสเตรียเองกลับไม่ได้ใช้รถ MITSU แต่เป็นยี่ห้อ Wolk โฟลค์สวาเก้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 พ.ค. 2549--จบ--