ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.กังวลปัญหาเงินออมไม่เพียงพอต่อการลงทุนระยะยาว นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน
และรักษาการ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มการเงินภาคครัวเรือนปรับตัวดีขึ้น แต่ครัวเรือนที่มีรายได้น้อยและ
ไม่มีเงินออมยังน่ากังวล และในระยะต่อไปหากความต้องการลงทุนในประเทศมีเพิ่มขึ้นในขณะที่การออมมีไม่เพียงพอจะกลายเป็นปัญหา ซึ่งหากหนี้
ภาคครัวเรือนปรับเพิ่มขึ้นอีก ก็จะกลายเป็นปัญหาที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น ที่ผ่านมา ธปท.จึงได้พยายามที่จะดำเนินนโยบายการเงินโดยพิจารณาไม่ให้
อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่แท้จริงติดลบ ในระยะต่อไปการยึดแนวนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงของรัฐบาล ก็น่าจะเป็นแนวทางการไม่ส่งเสริมให้มีการ
ก่อหนี้เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับที่ ธปท.ดำเนินการมาตลอด ซึ่งจะช่วยให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนมากขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ, เดลินิวส์)
2. ธปท.แนะจับตาความผันผวนในตลาดการเงินโลกที่เกิดจากภาวะตึงตัวอย่างต่อเนื่องของสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจโลก
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุในรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อฉบับล่าสุดว่า ในระยะต่อไปมีแนวโน้มที่ความผันผวนในตลาดการเงินโลก
โดยเฉพาะตลาดอัตราแลกเปลี่ยน และตลาดหลักทรัพย์จะเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากแนวโน้มสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจโลกในระยะต่อไปยังตึงตัวขึ้น
อย่างต่อเนื่อง จากการดำเนินนโยบายการเงินอย่างเข้มงวดในบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศยุโรป ประกอบกับประเทศ สรอ. ก็ยังมี
แนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับร้อยละ 5.25 ไว้อีกระยะหนึ่ง รายงานดังกล่าวชี้ว่า การลดลงของสภาพคล่องในระบบการ
เงินโลกจะส่งผลหนักลงทุนระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ความผันผวนในตลาดการเงินมีมากขึ้นจากการที่นักลงทุนเคลื่อนย้ายเงินลงทุน
เข้าออกระหว่างตลาดเกิดใหม่ที่มีผลตอบแทนสูงกับตลาดหลักที่มีความปลอดภัยสูงกว่า (กรุงเทพธุรกิจ, แนวหน้า)
3. กรมสรรพากรเก็บภาษีนอกระบบได้ 3 พันล้านบาทในรอบ 6 เดือน รายงานจาก ก.คลัง เปิดเผยว่า กรมสรรพากรได้เข้า
ตรวจสอบรายได้ของกลุ่มคนที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือเป็นผู้มีอิทธิพลซึ่งไม่สามารถชี้แจงที่มาของรายได้ที่เพิ่มขึ้น และกฎหมายปัจจุบัน
ก็ไม่สามารถดำเนินการกล่าวโทษกับกลุ่มคนดังกล่าวได้ ตั้งแต่เดือน มิ.ย.49 จนถึงปัจจุบัน กรมสรรพากรจึงได้เรียกเก็บภาษีเงินได้ประเภทต่าง ๆ
จากบุคคลกลุ่มนี้ คิดเป็นวงเงินมากกว่า 3 พันล้านบาท สำหรับกลุ่มที่กรมสรรพากรติดตามและเรียกเก็บภาษีได้เพิ่มมากที่สุด คือ กลุ่มผู้กระทำความ
ผิดทางด้านยาเสพติด โดยเก็บภาษีรูปแบบต่าง ๆ จากจำนวนผู้ถูกกล่าวโทษ และเครือญาติ 238 ราย เป็นจำนวนเงิน 2.5 พันล้านบาท
จากกลุ่มหวยใต้ดิน 1.76 พันราย เป็นจำนวนเงิน 314 ล้านบาท จากกลุ่มเงินกู้นอกระบบ 2.6 พันราย เป็นจำนวนเงิน 126 ล้านบาท กลุ่ม
สินค้าหนีภาษี 9 ราย เป็นจำนวนเงิน 8 ล้านบาท และกลุ่มอื่น ๆ 5 ราย เป็นจำนวนเงิน 811 ล้านบาท (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ก.คลังทยอยแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรวงเงิน 1.28 แสนล้านบาท ผอ.สำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า
ในปี งปม. 50 นี้ สบน.มีแผนที่จะดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลัง ซึ่งเป็นตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นพันธบัตร โดยเป็นตราสารหนี้ระยะยาวในวงเงิน
1.28 แสนล้านบาท ทั้งนี้ จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือน ต.ค. 49 — ก.ย.50 เฉลี่ยการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรเดือนละกว่า
1 หมื่นล้านบาท อายุของพันธบัตรจะอยู่ที่ 7 ปีหรือ 10 ปี ส่วนอัตราดอกเบี้ยนั้นจะขึ้นอยู่กับสภาพตลาดในขณะนั้น (กรุงเทพธุรกิจ)
5. ปี 49 ไทยมีอันดับการคอร์รัปชั่นสูงขึ้นเป็นอันดับที่ 63 ด้วยคะแนน 3.6 เลขาธิการองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย
ได้รายงานผลสำรวจการจัดอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นประจำปี 49 จัดอันดับโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ โดยข้อมูลที่ใช้เป็น
ข้อมูลจากการสำรวจระดับความรู้สึกและการรับรู้ของกลุ่มตัวอย่างต่อปัญหาคอร์รัปชั่นในประเทศนั้น ซึ่งการจัดอันดับในปีนี้ ได้จัดอันดับจาก
ประเทศต่าง ๆ จำนวน 163 ประเทศทั่วโลก ใช้ผลสำรวจจากแหล่งข้อมูล 12 แห่ง 9 สถาบัน ที่ได้ดำเนินการสำรวจในปี 48 และ 49 โดย
ไทยตกจากอันดับที่ 59 เมื่อปี 48 มาอยู่อันดับที่ 63 ด้วยคะแนน 3.6 จากคะแนนเต็ม 10 โดยอยู่ในอันดับเดียวกับเลบานอนและเซเชลส์ ขณะ
ที่ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ และ นิวซีแลนด์ เป็นกลุ่มประเทศที่ครองอันดับที่ 1 ด้วยคะแนน 9.6 ส่วนเฮติเป็นประเทศที่อยู่อันดับสุดท้ายด้วยคะแนน
1.8 คะแนน โดยมีประเทศกินี อิรัก และพม่าอยู่ในอันดับรองสุดท้ายด้วยคะแนน 1.9 ส่วนผลการจัดอันดับเฉพาะกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชีย
ไม่รวมประเทศในเอเชียกลางและเอเชียตะวันออกกลางจำนวน 21 ประเทศนั้น ประเทศที่มีคะแนนเป็นอันดับ 1 คือ สิงคโปร์ด้วยคะแนน 9.4
โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับ 9 ด้วยคะแนน 3.6 ส่วนประเทศที่มีคะแนนต่ำที่สุด คือ พม่าด้วยคะแนน 1.9 ด้านประเทศที่มีคะแนนดีขึ้นอย่าง
เห็นได้ชัด ได้แก่ ญี่ปุ่น อินเดีย และบังกลาเทศ ขณะที่มาเลเซีย ไทย ลาว และกัมพูชามีคะแนนต่ำลง (ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. อัตราการว่างงานของ สรอ. เดือน ต.ค.49 ลดลงต่ำสุดในรอบ 5 ปีครึ่ง รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศ สรอ.
เมื่อวันที่ 3 พ.ย.49 ก.แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานของ สรอ. เดือน ต.ค.49 ลดลงอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.4 จากร้อยละ
4.6 ในเดือน ก.ย.49 นับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีครึ่ง หลังจากที่ลดลงร้อยละ 4.3 ในเดือน พ.ค.44 โดยมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น
92,000 อัตรา ส่วนการจ้างงานในช่วง 2 เดือนก่อนหน้า (ส.ค. — ก.ย.) ก็เพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ครั้งแรก ซึ่งแสดงนัยว่าเศรษฐกิจ
มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรักษาการเติบโตไว้ได้ แม้ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะอาคารและที่ดินจะชะลอตัวลง โดยยอดรวมการจ้างงาน
ใหม่ในเดือน ก.ย.49 ปรับเพิ่มขึ้น 148,000 อัตรา และ 230,000 อัตราในเดือน ส.ค.49 (รอยเตอร์)
2. อัตราการว่างงานของยูโรโซนในเดือนก.ย.49 คงที่ที่ระดับร้อยละ 7.8 จากเดือนก่อน รายงานจากบรัสเซลส์เมื่อ
3 พ.ย.49 The European Union statistics office (Eurostat) เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานของกลุ่มประเทศเขตเศรษฐกิจ
ยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโรในเดือน ก.ย.49 อยู่ที่ระดับร้อยละ 7.8 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า นับเป็นการทรงตัวในระดับต่ำสุดมาเป็นเวลา
4 เดือนต่อเนื่องในรอบ 5 ปี และเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งมีความเห็นว่าอัตราการว่างงานที่ชะลอตัวในรอบกว่า
2 ปีที่ผ่านมา เป็นปัจจัยบวกที่ก่อให้เกิดความคาดหวังว่าการใช้จ่ายภายในประเทศจะคงความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องต่อไป อย่างไรก็ตาม ใน
ทางตรงข้ามอัตราการว่างงานที่ลดลง อาจส่งผลให้ค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นมากจนก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อได้ ส่วนเมื่อเทียบต่อปีอัตราการว่างงาน
ในเดือน ก.ย. ลดลงจากร้อยละ 8.5 ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ การลดลงของอัตราการว่างงานจะไม่ส่งผลต่อทิศทางการปรับเพิ่ม
อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธ.กลางสหภาพยุโรป เนื่องจากผู้ว่าการ ธ.กลางสหภาพยุโรปกล่าวว่า ธ.กลางจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่
ระดับเดิมร้อยละ 3.25 ในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้ สำหรับอัตราการว่างงานของสหภาพยุโรป (European Union) ในเดือนเดียวกันอยู่ที่
ระดับร้อยละ 8.0 เกือบเป็น 2 เท่าของ สรอ.และญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 4.6 และ 4.2 ตามลำดับ อนึ่ง Eurostat ประมาณการว่าในเดือน
ก.ย. การจ้างงานในยูโรโซน และ EU จะมีจำนวน 11.5 และ 17.4 ล้านคนตามลำดับ (รอยเตอร์)
3. ธ.กลางจีนปรับเพิ่มสัดส่วนการดำรงเงินสำรองของ ธพ.อีกร้อยละ 0.5 เป็นร้อยละ 9.0 ถึง 9.5 เป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้
รายงานจากปักกิ่งเมื่อวันที่ 3 พ.ย. 49 ธ.กลางจีนเปิดเผยว่า ได้ปรับเพิ่มสัดส่วนการดำรงสำรองเงินฝากของธพ.ที่ธ.กลาง อีกราวร้อยละ
0.5 โดยให้มีผลบังคับใช้วันที่ 15 พ.ย. นี้ ทั้งนี้การปรับเพิ่มดังกล่าวนับเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 5 เดือน ทำให้ธพ.ต้องดำรงเงินสำรองเพิ่มขึ้น
เป็นร้อยละ 9.0 สำหรับธพ. ขนาดใหญ่ และร้อยละ 9.5 สำหรับธพ. ขนาดเล็ก ที่ผ่านมาจีนได้ประกาศให้ธพ.ต้องเพิ่มการดำรงเงินสำรองไว้ที่
ธ.กลาง เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. และวันที่ 21 ก.ค. ครั้งละร้อยละ 0.5 เพื่อดูดซับสภาพคล่องในระบบธนาคาร และแก้ปัญหาการเกินดุลบัญชีเดิน
สะพัดจำนวนมากของประเทศ แม้ว่าจะได้ดำเนินการไปแล้วบ้างแต่จีนยังคงเผชิญปัญหาการเกินดุลชำระเงินระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้นธ.กลางจีนยังได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ปลายเดือนเม.ย. เพื่อแก้ปัญหาการขยายตัวอย่างมากของ
สินเชื่อและเพื่อชะลอการเติบโตอย่างร้อนแรงของเศรษฐกิจจีน ซึ่งนาย Oliver Stoenner จาก Cominvest ใน Frankfurt กล่าวว่าจีน
มีความพยายามอย่างมากในการที่จะดำเนินการกับปัญหาสภาพคล่องส่วนเกินในระบบที่มีเป็นจำนวนมากซึ่งเป็นสัญญานที่ดีเพื่อป้องกันความเสี่ยง
จากการขยายตัวอย่างมากของเศรษฐกิจ (รอยเตอร์)
4. เกาหลีใต้วางมาตรการชะลอความร้อนแรงของตลาดบ้าน รายงานจากโซลเมื่อ 3 พ.ย.49 ก.คลังเกาหลีใต้แถลงว่าจะ
ใช้มาตรการใหม่เพื่อชะลอความร้อนแรงของตลาดบ้านหลังจากข้อมูลจากภาคเอกชนแสดงให้เห็นว่าราคาอพาร์ตเมนท์สร้างใหม่สูงขึ้นร้อยละ
1.3 ในเดือน ต.ค.49 เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย.49 โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าของเดือน ก.ย.49 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 และเพิ่มขึ้นใน
อัตราสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่งนับตั้งแต่เดือน พ.ค.46 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 โดยเฉพาะอพาร์ทเมนท์สร้างใหม่ในกรุงโซลซึ่งเป็นเมืองหลวง
มีราคาสูงขึ้นถึงร้อยละ 13.6 ในเดือน ต.ค.49 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 48 เพิ่มขึ้นมากกว่า 6 เท่าของดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน
เดียวกันซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 2.1 ทั้งนี้รัฐบาลอาจสนับสนุนทางการเงินเพื่อก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานแก่นักพัฒนาที่อยู่อาศัยภาคเอกชน ซึ่งจะช่วย
ลดภาระทางการเงินและทำให้นักพัฒนาสามารถขายบ้านในราคาบ้านที่ถูกลง นอกจากนี้ the Financial Supervisory Service ซึ่ง
เป็นหน่วยงานที่ควบคุมดูแลสถาบันการเงินก็เตรียมที่จะตรวจสอบการปล่อยสินเชื่อที่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นประกันของสถาบันการเงิน 25 แห่ง
เป็นเวลา 2 สัปดาห์เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย.49 นี้เพื่อดูว่ามีการละเมิดกฎเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาหรือไม่ โดย
ประธานาธิบดี Roh Moo-hyun ได้ให้คำมั่นสัญญาตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่งว่าจะทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์มีเสถียรภาพและกำจัดการเก็งกำไร
ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ แต่ราคาบ้านก็ยังเพิ่มสูงขึ้นมาโดยตลอด (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 6 พ.ย. 49 3 พ.ย. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 36.681 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 36.4997/36.7921 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12063 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 732.30/15.21 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,800/10,900 10,700/10,800 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 54.55 53.29 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 3 พ.ย. 49 25.29*/23.84* 25.29*/23.84* 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.กังวลปัญหาเงินออมไม่เพียงพอต่อการลงทุนระยะยาว นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน
และรักษาการ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มการเงินภาคครัวเรือนปรับตัวดีขึ้น แต่ครัวเรือนที่มีรายได้น้อยและ
ไม่มีเงินออมยังน่ากังวล และในระยะต่อไปหากความต้องการลงทุนในประเทศมีเพิ่มขึ้นในขณะที่การออมมีไม่เพียงพอจะกลายเป็นปัญหา ซึ่งหากหนี้
ภาคครัวเรือนปรับเพิ่มขึ้นอีก ก็จะกลายเป็นปัญหาที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น ที่ผ่านมา ธปท.จึงได้พยายามที่จะดำเนินนโยบายการเงินโดยพิจารณาไม่ให้
อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่แท้จริงติดลบ ในระยะต่อไปการยึดแนวนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงของรัฐบาล ก็น่าจะเป็นแนวทางการไม่ส่งเสริมให้มีการ
ก่อหนี้เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับที่ ธปท.ดำเนินการมาตลอด ซึ่งจะช่วยให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนมากขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ, เดลินิวส์)
2. ธปท.แนะจับตาความผันผวนในตลาดการเงินโลกที่เกิดจากภาวะตึงตัวอย่างต่อเนื่องของสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจโลก
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุในรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อฉบับล่าสุดว่า ในระยะต่อไปมีแนวโน้มที่ความผันผวนในตลาดการเงินโลก
โดยเฉพาะตลาดอัตราแลกเปลี่ยน และตลาดหลักทรัพย์จะเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากแนวโน้มสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจโลกในระยะต่อไปยังตึงตัวขึ้น
อย่างต่อเนื่อง จากการดำเนินนโยบายการเงินอย่างเข้มงวดในบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศยุโรป ประกอบกับประเทศ สรอ. ก็ยังมี
แนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับร้อยละ 5.25 ไว้อีกระยะหนึ่ง รายงานดังกล่าวชี้ว่า การลดลงของสภาพคล่องในระบบการ
เงินโลกจะส่งผลหนักลงทุนระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ความผันผวนในตลาดการเงินมีมากขึ้นจากการที่นักลงทุนเคลื่อนย้ายเงินลงทุน
เข้าออกระหว่างตลาดเกิดใหม่ที่มีผลตอบแทนสูงกับตลาดหลักที่มีความปลอดภัยสูงกว่า (กรุงเทพธุรกิจ, แนวหน้า)
3. กรมสรรพากรเก็บภาษีนอกระบบได้ 3 พันล้านบาทในรอบ 6 เดือน รายงานจาก ก.คลัง เปิดเผยว่า กรมสรรพากรได้เข้า
ตรวจสอบรายได้ของกลุ่มคนที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือเป็นผู้มีอิทธิพลซึ่งไม่สามารถชี้แจงที่มาของรายได้ที่เพิ่มขึ้น และกฎหมายปัจจุบัน
ก็ไม่สามารถดำเนินการกล่าวโทษกับกลุ่มคนดังกล่าวได้ ตั้งแต่เดือน มิ.ย.49 จนถึงปัจจุบัน กรมสรรพากรจึงได้เรียกเก็บภาษีเงินได้ประเภทต่าง ๆ
จากบุคคลกลุ่มนี้ คิดเป็นวงเงินมากกว่า 3 พันล้านบาท สำหรับกลุ่มที่กรมสรรพากรติดตามและเรียกเก็บภาษีได้เพิ่มมากที่สุด คือ กลุ่มผู้กระทำความ
ผิดทางด้านยาเสพติด โดยเก็บภาษีรูปแบบต่าง ๆ จากจำนวนผู้ถูกกล่าวโทษ และเครือญาติ 238 ราย เป็นจำนวนเงิน 2.5 พันล้านบาท
จากกลุ่มหวยใต้ดิน 1.76 พันราย เป็นจำนวนเงิน 314 ล้านบาท จากกลุ่มเงินกู้นอกระบบ 2.6 พันราย เป็นจำนวนเงิน 126 ล้านบาท กลุ่ม
สินค้าหนีภาษี 9 ราย เป็นจำนวนเงิน 8 ล้านบาท และกลุ่มอื่น ๆ 5 ราย เป็นจำนวนเงิน 811 ล้านบาท (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ก.คลังทยอยแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรวงเงิน 1.28 แสนล้านบาท ผอ.สำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า
ในปี งปม. 50 นี้ สบน.มีแผนที่จะดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลัง ซึ่งเป็นตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นพันธบัตร โดยเป็นตราสารหนี้ระยะยาวในวงเงิน
1.28 แสนล้านบาท ทั้งนี้ จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือน ต.ค. 49 — ก.ย.50 เฉลี่ยการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรเดือนละกว่า
1 หมื่นล้านบาท อายุของพันธบัตรจะอยู่ที่ 7 ปีหรือ 10 ปี ส่วนอัตราดอกเบี้ยนั้นจะขึ้นอยู่กับสภาพตลาดในขณะนั้น (กรุงเทพธุรกิจ)
5. ปี 49 ไทยมีอันดับการคอร์รัปชั่นสูงขึ้นเป็นอันดับที่ 63 ด้วยคะแนน 3.6 เลขาธิการองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย
ได้รายงานผลสำรวจการจัดอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นประจำปี 49 จัดอันดับโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ โดยข้อมูลที่ใช้เป็น
ข้อมูลจากการสำรวจระดับความรู้สึกและการรับรู้ของกลุ่มตัวอย่างต่อปัญหาคอร์รัปชั่นในประเทศนั้น ซึ่งการจัดอันดับในปีนี้ ได้จัดอันดับจาก
ประเทศต่าง ๆ จำนวน 163 ประเทศทั่วโลก ใช้ผลสำรวจจากแหล่งข้อมูล 12 แห่ง 9 สถาบัน ที่ได้ดำเนินการสำรวจในปี 48 และ 49 โดย
ไทยตกจากอันดับที่ 59 เมื่อปี 48 มาอยู่อันดับที่ 63 ด้วยคะแนน 3.6 จากคะแนนเต็ม 10 โดยอยู่ในอันดับเดียวกับเลบานอนและเซเชลส์ ขณะ
ที่ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ และ นิวซีแลนด์ เป็นกลุ่มประเทศที่ครองอันดับที่ 1 ด้วยคะแนน 9.6 ส่วนเฮติเป็นประเทศที่อยู่อันดับสุดท้ายด้วยคะแนน
1.8 คะแนน โดยมีประเทศกินี อิรัก และพม่าอยู่ในอันดับรองสุดท้ายด้วยคะแนน 1.9 ส่วนผลการจัดอันดับเฉพาะกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชีย
ไม่รวมประเทศในเอเชียกลางและเอเชียตะวันออกกลางจำนวน 21 ประเทศนั้น ประเทศที่มีคะแนนเป็นอันดับ 1 คือ สิงคโปร์ด้วยคะแนน 9.4
โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับ 9 ด้วยคะแนน 3.6 ส่วนประเทศที่มีคะแนนต่ำที่สุด คือ พม่าด้วยคะแนน 1.9 ด้านประเทศที่มีคะแนนดีขึ้นอย่าง
เห็นได้ชัด ได้แก่ ญี่ปุ่น อินเดีย และบังกลาเทศ ขณะที่มาเลเซีย ไทย ลาว และกัมพูชามีคะแนนต่ำลง (ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. อัตราการว่างงานของ สรอ. เดือน ต.ค.49 ลดลงต่ำสุดในรอบ 5 ปีครึ่ง รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศ สรอ.
เมื่อวันที่ 3 พ.ย.49 ก.แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานของ สรอ. เดือน ต.ค.49 ลดลงอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.4 จากร้อยละ
4.6 ในเดือน ก.ย.49 นับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีครึ่ง หลังจากที่ลดลงร้อยละ 4.3 ในเดือน พ.ค.44 โดยมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น
92,000 อัตรา ส่วนการจ้างงานในช่วง 2 เดือนก่อนหน้า (ส.ค. — ก.ย.) ก็เพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ครั้งแรก ซึ่งแสดงนัยว่าเศรษฐกิจ
มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรักษาการเติบโตไว้ได้ แม้ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะอาคารและที่ดินจะชะลอตัวลง โดยยอดรวมการจ้างงาน
ใหม่ในเดือน ก.ย.49 ปรับเพิ่มขึ้น 148,000 อัตรา และ 230,000 อัตราในเดือน ส.ค.49 (รอยเตอร์)
2. อัตราการว่างงานของยูโรโซนในเดือนก.ย.49 คงที่ที่ระดับร้อยละ 7.8 จากเดือนก่อน รายงานจากบรัสเซลส์เมื่อ
3 พ.ย.49 The European Union statistics office (Eurostat) เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานของกลุ่มประเทศเขตเศรษฐกิจ
ยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโรในเดือน ก.ย.49 อยู่ที่ระดับร้อยละ 7.8 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า นับเป็นการทรงตัวในระดับต่ำสุดมาเป็นเวลา
4 เดือนต่อเนื่องในรอบ 5 ปี และเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งมีความเห็นว่าอัตราการว่างงานที่ชะลอตัวในรอบกว่า
2 ปีที่ผ่านมา เป็นปัจจัยบวกที่ก่อให้เกิดความคาดหวังว่าการใช้จ่ายภายในประเทศจะคงความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องต่อไป อย่างไรก็ตาม ใน
ทางตรงข้ามอัตราการว่างงานที่ลดลง อาจส่งผลให้ค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นมากจนก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อได้ ส่วนเมื่อเทียบต่อปีอัตราการว่างงาน
ในเดือน ก.ย. ลดลงจากร้อยละ 8.5 ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ การลดลงของอัตราการว่างงานจะไม่ส่งผลต่อทิศทางการปรับเพิ่ม
อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธ.กลางสหภาพยุโรป เนื่องจากผู้ว่าการ ธ.กลางสหภาพยุโรปกล่าวว่า ธ.กลางจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่
ระดับเดิมร้อยละ 3.25 ในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้ สำหรับอัตราการว่างงานของสหภาพยุโรป (European Union) ในเดือนเดียวกันอยู่ที่
ระดับร้อยละ 8.0 เกือบเป็น 2 เท่าของ สรอ.และญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 4.6 และ 4.2 ตามลำดับ อนึ่ง Eurostat ประมาณการว่าในเดือน
ก.ย. การจ้างงานในยูโรโซน และ EU จะมีจำนวน 11.5 และ 17.4 ล้านคนตามลำดับ (รอยเตอร์)
3. ธ.กลางจีนปรับเพิ่มสัดส่วนการดำรงเงินสำรองของ ธพ.อีกร้อยละ 0.5 เป็นร้อยละ 9.0 ถึง 9.5 เป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้
รายงานจากปักกิ่งเมื่อวันที่ 3 พ.ย. 49 ธ.กลางจีนเปิดเผยว่า ได้ปรับเพิ่มสัดส่วนการดำรงสำรองเงินฝากของธพ.ที่ธ.กลาง อีกราวร้อยละ
0.5 โดยให้มีผลบังคับใช้วันที่ 15 พ.ย. นี้ ทั้งนี้การปรับเพิ่มดังกล่าวนับเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 5 เดือน ทำให้ธพ.ต้องดำรงเงินสำรองเพิ่มขึ้น
เป็นร้อยละ 9.0 สำหรับธพ. ขนาดใหญ่ และร้อยละ 9.5 สำหรับธพ. ขนาดเล็ก ที่ผ่านมาจีนได้ประกาศให้ธพ.ต้องเพิ่มการดำรงเงินสำรองไว้ที่
ธ.กลาง เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. และวันที่ 21 ก.ค. ครั้งละร้อยละ 0.5 เพื่อดูดซับสภาพคล่องในระบบธนาคาร และแก้ปัญหาการเกินดุลบัญชีเดิน
สะพัดจำนวนมากของประเทศ แม้ว่าจะได้ดำเนินการไปแล้วบ้างแต่จีนยังคงเผชิญปัญหาการเกินดุลชำระเงินระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้นธ.กลางจีนยังได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ปลายเดือนเม.ย. เพื่อแก้ปัญหาการขยายตัวอย่างมากของ
สินเชื่อและเพื่อชะลอการเติบโตอย่างร้อนแรงของเศรษฐกิจจีน ซึ่งนาย Oliver Stoenner จาก Cominvest ใน Frankfurt กล่าวว่าจีน
มีความพยายามอย่างมากในการที่จะดำเนินการกับปัญหาสภาพคล่องส่วนเกินในระบบที่มีเป็นจำนวนมากซึ่งเป็นสัญญานที่ดีเพื่อป้องกันความเสี่ยง
จากการขยายตัวอย่างมากของเศรษฐกิจ (รอยเตอร์)
4. เกาหลีใต้วางมาตรการชะลอความร้อนแรงของตลาดบ้าน รายงานจากโซลเมื่อ 3 พ.ย.49 ก.คลังเกาหลีใต้แถลงว่าจะ
ใช้มาตรการใหม่เพื่อชะลอความร้อนแรงของตลาดบ้านหลังจากข้อมูลจากภาคเอกชนแสดงให้เห็นว่าราคาอพาร์ตเมนท์สร้างใหม่สูงขึ้นร้อยละ
1.3 ในเดือน ต.ค.49 เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย.49 โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าของเดือน ก.ย.49 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 และเพิ่มขึ้นใน
อัตราสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่งนับตั้งแต่เดือน พ.ค.46 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 โดยเฉพาะอพาร์ทเมนท์สร้างใหม่ในกรุงโซลซึ่งเป็นเมืองหลวง
มีราคาสูงขึ้นถึงร้อยละ 13.6 ในเดือน ต.ค.49 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 48 เพิ่มขึ้นมากกว่า 6 เท่าของดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน
เดียวกันซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 2.1 ทั้งนี้รัฐบาลอาจสนับสนุนทางการเงินเพื่อก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานแก่นักพัฒนาที่อยู่อาศัยภาคเอกชน ซึ่งจะช่วย
ลดภาระทางการเงินและทำให้นักพัฒนาสามารถขายบ้านในราคาบ้านที่ถูกลง นอกจากนี้ the Financial Supervisory Service ซึ่ง
เป็นหน่วยงานที่ควบคุมดูแลสถาบันการเงินก็เตรียมที่จะตรวจสอบการปล่อยสินเชื่อที่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นประกันของสถาบันการเงิน 25 แห่ง
เป็นเวลา 2 สัปดาห์เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย.49 นี้เพื่อดูว่ามีการละเมิดกฎเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาหรือไม่ โดย
ประธานาธิบดี Roh Moo-hyun ได้ให้คำมั่นสัญญาตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่งว่าจะทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์มีเสถียรภาพและกำจัดการเก็งกำไร
ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ แต่ราคาบ้านก็ยังเพิ่มสูงขึ้นมาโดยตลอด (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 6 พ.ย. 49 3 พ.ย. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 36.681 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 36.4997/36.7921 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12063 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 732.30/15.21 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,800/10,900 10,700/10,800 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 54.55 53.29 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 3 พ.ย. 49 25.29*/23.84* 25.29*/23.84* 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--