ผลไม้ภาคตะวันออกปี 2549โดยเฉพาะเงาะ ทุเรียน จะน้อยกว่าผลผลิตปี 2548 ประมาณ 10 % ส่วนมังคุดลดลง 46 % และออกล่าช้ากว่าฤดูกาลปกติประมาณ 1 เดือน ผลจากอากาศแปรปรวน คาดการณ์เดือนมิถุนายนนี้เป็นช่วงผลไม้ออกสู่ตลาดสูงสุด หวั่นเกิดการกดราคา เพราะสภาพตลาดซื้อขายปีนี้ไม่คึกคักผลจากพิษราคาน้ำมันแพง วอนภาครัฐช่วยแก้ปัญหาราคา
นางสุวคนธ์ ทรงแสงธรรม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 6 (สศข.6) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การตลาดและราคาผลไม้ของภาคตะวันออกว่า ผลผลิตทุเรียนออกสู่ตลาดไปแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงขณะนี้ประมาณ 179,604 ตัน คิดเป็นร้อยละ 47.78 ของผลผลิตรวม ยังเหลืออยู่ประมาณ 196,283 ตัน คิดเป็นร้อยละ 52.22
สำหรับฤดูกาลนี้ผลผลิตขาดช่วงและออกล่าช้า จึงเกิดปัญหาตัดทุเรียนอ่อนมาทำลายตลาดตั้งแต่ต้นฤดูกาล ส่งผลกระทบต่อราคาทำให้ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วเกือบครึ่ง จากราคาต้นเดือนพฤษภาคม ทุเรียนพันธุ์หมอนทองเกรดส่งออกราคา 31 - 32 บาท / ก.ก. เหลือ 17 - 18 บาท / ก.ก. และคาดการณ์ว่าแนวโน้มราคาทุเรียนจะลดลงอีก เพราะเป็นช่วงทุเรียนจะออกกระจุกตัวช่วงรอยต่อปลายเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายน (21 พ.ค. — 10 มิ.ย. 49) รวมทั้งอาจเกิดปัญหาไส้ซึมถ้าฝนยังตกอย่างต่อเนื่อง หน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่ตรวจจับและทำลายทุเรียนอ่อนต้องเพิ่มกำลังและทำงานอย่างละเอียดรอบคอบมากขึ้น ต้องเร่งขับเคลื่อนมาตรการกระจายผลผลิต เพื่อรองรับผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดในปริมาณมาก เพราะปีนี้พ่อค้าต่างจังหวัดมาแข่งรับซื้อลดลงกว่าปีที่ผ่านมา เหตุจากราคาน้ำมันแพงและต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนในการซื้อขายมากขึ้น
ด้านผลผลิตเงาะ ที่ออกสู่ตลาดไปแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงขณะนี้ประมาณ 86,818 ตัน คิดเป็นร้อยละ 27.66 ยังเหลืออยู่ประมาณ 226,947 ตัน คิดเป็นร้อยละ 72.34 ราคาเงาะโรงเรียนอยู่ที่ 14 - 15 บาท / ก.ก. แนวโน้มราคาเงาะคาดว่าจะทรงตัวจนถึงสิ้นพฤษภาคมนี้ เพราะผลผลิตเป็นช่วงรอยต่อของรุ่น อีกทั้งพ่อค้ารับซื้อเงาะยังมีไม่มากคาดว่าจะคึกคักช่วงต้นเดือนมิถุนายน ส่วนผลผลิตเงาะรุ่นถัดมาจะสุกช้ากว่าประมาณการ เนื่องจากสภาพอากาศมืดครึ้ม ช่วงกลางวันไม่มีแสงแดดและมีฝนตกจึงเป็นปัจจัยลบทำให้เงาะสุกช้าและผลร่วง จะออกสู่ตลาดกระจุกตัวช่วง 10 มิ.ย. — 10 ก.ค. 49 ซึ่งจะออกมาชนกับเงาะของภาคใต้แล้วจะส่งผลกระทบต่อราคาให้ลดลงมาก ยิ่งขึ้น จึงควรเฝ้าระวังและให้ความช่วยเหลือด้านการตลาด
ปิดท้ายที่ผลผลิตมังคุด ออกสู่ตลาดไปแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงขณะนี้ประมาณ 11,582 ตัน คิดเป็นร้อยละ 25.28 ยังเหลืออยู่ประมาณ 34,240 ตัน คิดเป็นร้อยละ 74.72 สำหรับราคามังคุดผิวมันอยู่ที่ 32 — 33 บาท / ก.ก. และมีแนวโน้มคาดว่าราคาจะลดลง เพราะต้นเดือนมิถุนายนนี้จะเป็นช่วงปริมาณผลผลิตออกสูงสุด (1 — 10 มิ.ย. 49) แต่ปีนี้มังคุดติดผลลดลง ราคาจึงขึ้นอยู่กับคุณภาพของผลผลิตเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากราคายังอยู่ในเกณฑ์ดี เกษตรกรบางรายจึงรีบเก็บผลผลิตก่อนกำหนดโดยการใช้สารเร่งทาขั้ว ดูผิวภายนอกจะสุกแต่เนื้อในอ่อน อีกทั้งช่วงนี้มีฝนตกอย่างต่อเนื่องเกรงจะส่งผลกระทบต่อเนื้อมังคุดให้เป็นเนื้อแก้ว ยางตกใน คุณภาพของมังคุดไม่ดีจะเป็นมังคุดตกเกรดส่งออกจำนวนมาก จึงควรเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-
นางสุวคนธ์ ทรงแสงธรรม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 6 (สศข.6) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การตลาดและราคาผลไม้ของภาคตะวันออกว่า ผลผลิตทุเรียนออกสู่ตลาดไปแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงขณะนี้ประมาณ 179,604 ตัน คิดเป็นร้อยละ 47.78 ของผลผลิตรวม ยังเหลืออยู่ประมาณ 196,283 ตัน คิดเป็นร้อยละ 52.22
สำหรับฤดูกาลนี้ผลผลิตขาดช่วงและออกล่าช้า จึงเกิดปัญหาตัดทุเรียนอ่อนมาทำลายตลาดตั้งแต่ต้นฤดูกาล ส่งผลกระทบต่อราคาทำให้ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วเกือบครึ่ง จากราคาต้นเดือนพฤษภาคม ทุเรียนพันธุ์หมอนทองเกรดส่งออกราคา 31 - 32 บาท / ก.ก. เหลือ 17 - 18 บาท / ก.ก. และคาดการณ์ว่าแนวโน้มราคาทุเรียนจะลดลงอีก เพราะเป็นช่วงทุเรียนจะออกกระจุกตัวช่วงรอยต่อปลายเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายน (21 พ.ค. — 10 มิ.ย. 49) รวมทั้งอาจเกิดปัญหาไส้ซึมถ้าฝนยังตกอย่างต่อเนื่อง หน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่ตรวจจับและทำลายทุเรียนอ่อนต้องเพิ่มกำลังและทำงานอย่างละเอียดรอบคอบมากขึ้น ต้องเร่งขับเคลื่อนมาตรการกระจายผลผลิต เพื่อรองรับผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดในปริมาณมาก เพราะปีนี้พ่อค้าต่างจังหวัดมาแข่งรับซื้อลดลงกว่าปีที่ผ่านมา เหตุจากราคาน้ำมันแพงและต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนในการซื้อขายมากขึ้น
ด้านผลผลิตเงาะ ที่ออกสู่ตลาดไปแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงขณะนี้ประมาณ 86,818 ตัน คิดเป็นร้อยละ 27.66 ยังเหลืออยู่ประมาณ 226,947 ตัน คิดเป็นร้อยละ 72.34 ราคาเงาะโรงเรียนอยู่ที่ 14 - 15 บาท / ก.ก. แนวโน้มราคาเงาะคาดว่าจะทรงตัวจนถึงสิ้นพฤษภาคมนี้ เพราะผลผลิตเป็นช่วงรอยต่อของรุ่น อีกทั้งพ่อค้ารับซื้อเงาะยังมีไม่มากคาดว่าจะคึกคักช่วงต้นเดือนมิถุนายน ส่วนผลผลิตเงาะรุ่นถัดมาจะสุกช้ากว่าประมาณการ เนื่องจากสภาพอากาศมืดครึ้ม ช่วงกลางวันไม่มีแสงแดดและมีฝนตกจึงเป็นปัจจัยลบทำให้เงาะสุกช้าและผลร่วง จะออกสู่ตลาดกระจุกตัวช่วง 10 มิ.ย. — 10 ก.ค. 49 ซึ่งจะออกมาชนกับเงาะของภาคใต้แล้วจะส่งผลกระทบต่อราคาให้ลดลงมาก ยิ่งขึ้น จึงควรเฝ้าระวังและให้ความช่วยเหลือด้านการตลาด
ปิดท้ายที่ผลผลิตมังคุด ออกสู่ตลาดไปแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงขณะนี้ประมาณ 11,582 ตัน คิดเป็นร้อยละ 25.28 ยังเหลืออยู่ประมาณ 34,240 ตัน คิดเป็นร้อยละ 74.72 สำหรับราคามังคุดผิวมันอยู่ที่ 32 — 33 บาท / ก.ก. และมีแนวโน้มคาดว่าราคาจะลดลง เพราะต้นเดือนมิถุนายนนี้จะเป็นช่วงปริมาณผลผลิตออกสูงสุด (1 — 10 มิ.ย. 49) แต่ปีนี้มังคุดติดผลลดลง ราคาจึงขึ้นอยู่กับคุณภาพของผลผลิตเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากราคายังอยู่ในเกณฑ์ดี เกษตรกรบางรายจึงรีบเก็บผลผลิตก่อนกำหนดโดยการใช้สารเร่งทาขั้ว ดูผิวภายนอกจะสุกแต่เนื้อในอ่อน อีกทั้งช่วงนี้มีฝนตกอย่างต่อเนื่องเกรงจะส่งผลกระทบต่อเนื้อมังคุดให้เป็นเนื้อแก้ว ยางตกใน คุณภาพของมังคุดไม่ดีจะเป็นมังคุดตกเกรดส่งออกจำนวนมาก จึงควรเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-