พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งแต่ระหว่างวันที่ 11 - 17 ม.ค. 2549

ข่าวทั่วไป Wednesday January 11, 2006 14:22 —กรมอุตุนิยมวิทยา

          พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร  
วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2549 ฉบับที่ 5/2549
คาดหมายลักษณะอากาศเพื่อการเกษตรใน 7 วันข้างหน้า
ตั้งแต่วันที่ 11-17 ม.ค.49
ในระยะนี้ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังอ่อน เกือบตลอดช่วง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นและมีหมอกเพิ่มขึ้นหลายพื้นที่ในตอนเช้า สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดน้อยลง และคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลงด้วย
ข้อควรระวัง
ในระยะนี้ประเทศไทยตอนบนจะมีหมอกเพิ่มมากขึ้นหลายพื้นที่ในตอนเช้า ขอให้ผู้ที่เดินทางและขับขี่ยานพาหนะระมัดระวังอันตรายในการสัญจรบริเวณที่มีหมอกด้วย
ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ ในระยะ 7 วันข้างหน้า มีดังนี้
เหนือ
มีหมอกหลายพื้นที่ในตอนเช้า และอุณหภูมิสูงขึ้นส่วนมากในช่วงวันที่ 13-17 ม.ค. โดยมีอากาศหนาวทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศา ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศา บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-10 องศา ลมอ่อน ความเร็ว 6-12 กม./ชม.
มีหมอกหลายพื้นที่ในตอนเช้า และอุณหภูมิสูงขึ้นส่วนมากในช่วงวันที่ 13-17 ม.ค. โดยมีอากาศหนาวทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศา ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศา บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-10 องศา ลมอ่อน ความเร็ว 6-12 กม./ชม. เนื่องจากระยะนี้มีหมอกเพิ่มขึ้น ในตอนเช้า ผู้ที่ใช้รถใช้ถนนควรเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะ นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราโดยเฉพาะในพืชผักและพืชตระกูลถั่ว
ตะวันออกเฉียงเหนือ
มีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิสูงขึ้น โดยมีอากาศหนาวทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 14-16 องศา ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศา บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
มีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิสูงขึ้น โดยมีอากาศหนาวทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 14-16 องศา ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศา บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ลักษณะดังกล่าวจะทำให้ผลผลิตพืชที่เก็บเกี่ยวแล้ว เช่น ข้าวโพด และถั่วต่างๆ และตากทิ้งไว้กลางแจ้งข้ามคืนเปียกชื้นเนื่องจากหมอกและน้ำค้างได้ เกษตรกรควรป้องกันความเสียหาย ไว้ด้วย ส่วนเกษตรกรที่ปลูกไม้ดอกควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด
กลาง
มีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิสูงขึ้น โดยในช่วงวันที่ 11-13 ม.ค. อากาศเย็นส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศา ในช่วงวันที่ 14-17 ม.ค. อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
มีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิสูงขึ้น โดยในช่วงวันที่ 11-13 ม.ค. อากาศเย็นส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศา ในช่วงวันที่ 14-17 ม.ค. อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. เนื่องจากระยะนี้จะมีหมอกเพิ่มขึ้น เกษตรกรที่ปลูกมะม่วงควรระวังและป้องกันการระบาดของเชื้อรา ซึ่งจะทำให้ดอกร่วงหล่น ส่วน ชาวสวนองุ่นควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคราน้ำค้างไว้ด้วย
ตะวันออก
มีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิสูงขึ้น โดยในช่วงวันที่ 11-13 ม.ค. อากาศเย็นส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิ ต่ำสุด 19-23 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 14-17 ม.ค. อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. # มีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิสูงขึ้น โดยในช่วงวันที่ 11-13 ม.ค. อากาศเย็นส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิ ต่ำสุด 19-23 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 14-17 ม.ค. อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. เนื่องจากระยะนี้อากาศแห้ง ชาวสวนควรดูแลให้น้ำแก่ไม้ผลที่อยู่ในระยะ ออกดอกโดยให้ครั้งละน้อยๆ รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ด้วย
ใต้
ทางฝั่งตะวันออกตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมามีอากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศา และมีเมฆบางส่วน ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย 30-40 % ของพื้นที่เกือบตลอดช่วง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 10 % ของพื้นที่เกือบตลอดช่วง ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม/ชม.
ทางฝั่งตะวันออกตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมามีอากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศา และมีเมฆบางส่วน ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย 30-40 % ของพื้นที่เกือบตลอดช่วง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 10 % ของพื้นที่เกือบตลอดช่วง ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม/ชม. ระยะนี้ทางตอนบนของภาคมีฝนตกน้อย เกษตรกรที่ปลูกพืชผักควรดูแลให้น้ำ รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของเพลี้ยชนิดต่างๆ ส่วนทางตอนล่างของภาคยังคงมีฝนตก ชาวสวนผลไม้ควรระวังและป้องกันการระบาดของหนอนกัดกินใบด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74
-สส-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ